AE. Racing Club
21 ตุลาคม 2024 12:30:48 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า:  «  1 [2] 3  »    ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รถที่มีเต็ดเนี่ย เต็ดมีไว้ทำอะไรคับ  (อ่าน 9143 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ChilD 1300 รัก ในหลวง
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,160


เพื่อนคบกันด้วยใจ ไม่ใจจะคบเป็นเพื่อนทำเกลืออะไร..


ดูรายละเอียด
« ตอบ #20 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2008 22:49:08 »

เคยแต่ลองหมุนล้อสวนทางกัน มันก็จะหมุนไม่ได้งะ...
บันทึกการเข้า

Prince of ae92gti (หนุ่ย)
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 694


ขอโทษที ที่ผมมันจน


ดูรายละเอียด
« ตอบ #21 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2008 00:41:48 »

น้าแบ็ตข้อมูลแน่นจริงๆ
บันทึกการเข้า

ruckpue
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #22 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2008 01:16:26 »

ขอบคุณมากครับ ความรู้ๆ สุดยอด สุดยอด
บันทึกการเข้า
6.9
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8,263



ดูรายละเอียด
« ตอบ #23 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2008 02:30:04 »

ย้ายไปหน้าความรู้ได้เปล่าครับ ใครมาใหม่อยากอ่านอยากรู้ จะได้ไปดู ครับ คุณแบต
บันทึกการเข้า

4AGE16v เก่าแต่แรงกำลังดี
รสนิยมส่วนบุคคลกรุณาโปรดใช้วิจารณญาณในการเสพ
richdad
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #24 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2008 11:21:00 »

เด็กเกรียน รุนน้องผม คนนึง มันใส่LSD มา

เพื่อตอบคำถามคนอื่นว่า "ใช่ รถผมมีเต็ด" เท่านั้น
บันทึกการเข้า
arTO-TRD
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12,360



ดูรายละเอียด
« ตอบ #25 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2008 11:25:36 »

เด็กเกรียน รุนน้องผม คนนึง มันใส่LSD มา

เพื่อตอบคำถามคนอื่นว่า "ใช่ รถผมมีเต็ด" เท่านั้น



 ตาปริบๆ ตาปริบๆ
บันทึกการเข้า
DARKSTAR
Moderator
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,369



ดูรายละเอียด
« ตอบ #26 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2008 11:43:15 »

กรำและ เด๋วต้องไปขอยืมรถเพื่อนมาลองหมุนดูซะหน่อยและ
บันทึกการเข้า

jedee
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,490


ได้หมดถ้าสดชื่น


ดูรายละเอียด
« ตอบ #27 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2008 06:06:50 »

 สุดยอด ตรบมือ คำนับ
บันทึกการเข้า

Christmas
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,213


4E-FE inside


ดูรายละเอียด
« ตอบ #28 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2008 13:48:41 »

แล้วตกลงว่ามีเต็ดกับไม่มีเต็ดอันไหนดีกว่ากันครับ

อ่านๆดูเห็นว่ามีเต็ดแล้วคุมยาก เข้าโค้งยาก อาจเกิด under/over streer ได้
บันทึกการเข้า

arTO-TRD
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12,360



ดูรายละเอียด
« ตอบ #29 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2008 15:08:56 »

มันไม่ได้ ต่างจากเดิม มากมายครับ

เพียงแต่จะมีความรู้สึกว่า เวลาเลี่ยว แล้วเดินคันเร่ง แรงๆ มันจะดึงๆๆๆ

แค่นั้นเองครับ

แต่เวลา ยูเทริน มันจะดัง กั๊กๆๆๆ ยั่งกะเพลาจะ หัก
บันทึกการเข้า
yoshio ae
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 7,654


4a-gze only


ดูรายละเอียด
« ตอบ #30 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2008 20:00:03 »

เอาเป็นว่าถ้าไม่พูดถึงทฤษฎีเอาจากที่ใช้จริงก็คือ

รถสามารถขับได้สนุกขึ้นออกตัว เข้าโค้ง เวลาอยู่ในโค้งสามารถกดได้เต็มๆ

แต่สิ่งที่ตามมาก็คือพวงมาลัยจะค่อนข้างหนักและตวัดกลับแรงมากๆต้องควบคุมดีๆ ต้องมีสติตลิดเวลามากกว่าเดิม

โดยรวมจะทำให้เราขับรถเร็วขึ้นกว่าที่เคยเป็น ไม่ได้แสดงว่ารถแรงขึ้นนะคับแค่มันใจขึ้น

แต่ข้อเสียของมันก็มีนะคับถ้าถนนลื่นมากๆเราใส่ไปเต็มๆมี เป๋ นะคับถ้าแก้กลับไมทันทุกอย่างก็ บรรลัยคับ
บันทึกการเข้า

AE has brought us to MEET

arTO-TRD
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12,360



ดูรายละเอียด
« ตอบ #31 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2008 20:25:06 »

เอาเป็นว่าถ้าไม่พูดถึงทฤษฎีเอาจากที่ใช้จริงก็คือ

รถสามารถขับได้สนุกขึ้นออกตัว เข้าโค้ง เวลาอยู่ในโค้งสามารถกดได้เต็มๆ

แต่สิ่งที่ตามมาก็คือพวงมาลัยจะค่อนข้างหนักและตวัดกลับแรงมากๆต้องควบคุมดีๆ ต้องมีสติตลิดเวลามากกว่าเดิม

โดยรวมจะทำให้เราขับรถเร็วขึ้นกว่าที่เคยเป็น ไม่ได้แสดงว่ารถแรงขึ้นนะคับแค่มันใจขึ้น

แต่ข้อเสียของมันก็มีนะคับถ้าถนนลื่นมากๆเราใส่ไปเต็มๆมี เป๋ นะคับถ้าแก้กลับไมทันทุกอย่างก็ บรรลัยคับ


Yes"""
บันทึกการเข้า
yongbboy
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #32 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2008 20:38:22 »

ความรู้  !!!
บันทึกการเข้า
fabass_4a
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 272



ดูรายละเอียด
« ตอบ #33 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2008 20:54:50 »

 สุดยอด
บันทึกการเข้า
S u r a n a y ™
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,111


...รามอินทรา พาเพลิน...


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #34 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2008 22:48:00 »

ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆนะครับ *0*
บันทึกการเข้า


แต่งรถสภาพ..ซิ่ง แต่ผมวิ่งแบบหวานเย็นนะคร๊าบ
แต่งไว้วิ่ง แต่งไว้ซิ่ง ... แต่งไว้คุย !!
ozzy_ae
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 617



ดูรายละเอียด
« ตอบ #35 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2008 23:08:44 »



โดยปกติรถยนต์ทั่วไปจะมีชุดเฟืองท้ายเป็นเฟืองดอกจอก (Differential) ซึ่งทำหน้าที่รับแรงจากเฟืองบายศรี
แล้วเฉลื่ยแรงไปให้เพลาซ้าย-ขวาแยกกัน เพราะเวลาที่รถเลี้ยว ล้อซ้าย-ขวาจะมีระยะทางวิ่งไม่เท่ากัน
ดังนั้นถ้าทำให้เพลาซ้าย-ขวาหมุนเท่ากันจะทำให้มีการลื่นไถลที่ ยางได้และจะทำให้รถเลี้ยวเป็นวงกว้าง
แต่ถ้าล้อข้างใดข้างหนึ่งเกิดหมุนฟรีจะทำให้ล้อที่มีความฝืดมาก ไม่หมุน เช่น
กรณีที่ล้อตกหล่มข้างเดียวหรือเลี้ยวโค้งแรงๆนํ้าหนักรถจะถูกถ่ายไปข้างเดียว  ซึ่งจะทำให้การส่งกำลังไปพื้นถนนไม่ดีเท่าที่ควร
L.S.D. (Limited slip differential) จึงมีความจำเป็นขึ้นมาในกรณีที่กล่าวมา โดยที่ชุด L.S.D จะทำหน้าที่เหมือนDifferential
ทั่วไปคือการเฉลื่ยกำลังแบ่งส่งไปให้เพลาข้างซ้าย-ขวาในสภาพการ ใช้งานปกติ ในขณะที่มีแรงกระชากเครื่องแรงหมุนจากเครื่องไม่รุนแรง
แต่เมื่อความเร็วของเพลาข้างซ้าย-ขวาต่างกันมากและมีแรงกระชากท ี่รุนแรง ชุดคลัตซ์ที่อยู่ภายใน Differential จะถูกกดให้
ชุดเฟืองดอกจอกล็อค ทำให้ความเร็วของเพลาข้างซ้าย-ขวาต่างกันน้อยลง ซึ่งการที่คลัตช์จะจับมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความแรง
ของการกระชากคือ ยิ่งกระชากแรง (เร่งเครื่องมาก)  คลัตช์ยิ่งจับแรง
 

รู้จักก่อนกับเฟืองขับ (Differential ) กันก่อน
เป็นส่วนที่สำคัญในระบบส่งกำลัง ทำหน้าที่รับกำลังจากเกียร ส่งต่อมายังเฟืองขับตัวนี้ ทำหน้าที่เปลี่ยนแนวการหมุนในแนวมุมฉาก เป็นแนวขนานผ่านเพลาขับไปยังล้อทั้ง 2 ด้าน เฟืองขับนั้นในระบบขับเคลื่อนล้อหน้าจะถูกติดตั้งมาใ นห้องเกียร ส่งกำลังจากเฟืองเกียรมายังเฟืองขับ โดยตรงเรียกว่า Front Differentias Gear แล้วจึงส่งกำลังผ่านเพลาข้างไปยังล้อทั้ง 2 ข้าง ส่วนในระบบขับเคลื่อนล้อหลังเฟืองขับจะได้รับการส่งก ำลังมาจากเพลากลาง ต่อมายังเฟืองขับแล้วจึงส่งกำลังมายังเพลาข้างและล้อ อีกทีเรียกว่า Rear Differential Gear

ส่วนประกอบของเฟืองขับ ( Differential )
1.เฟืองเดือยหมู ( Worm Gear ) มีลักษณะคล้ายเฟืองรูปกรวย โคนเฟืองมีขนาดโตกว่าส่วนด้านยอดจะมีขนาดเล็ก ทำหน้าที่รับแรงบิดจากเพลากลางในแนวตั้งฉากมาขับเคลื่อนให้เกิดการหมุนตัว
เมื่อเฟืองหมุนตัวจะไปขบกับเฟืองบายศรีทั้ง 2 ด้านให้หมุนตาม
2.เฟืองบายศรี ( Ring Gear ) มีลักษณะเป็นเฟืองวงแหวนมีฟันเฟืองอยู่ด้านข้าง เฟืองตัวนี้จะมีอยู่ 2 ตัว ส่วนอีก 2 ตัวด้านในจะมีเฟืองต่อมายังเพลาขับทั้ง 2 ด้าน มีหน้าที่เปลี่ยนมุมการหมุนให้เป็นแนวขนาน
3.เฟืองดอกจอก ( Planet Gear ) เป็นเฟืองวงแหวน 2 ตัว ทำหน้าที่แยกการหมุนของเพลาขับทั้ง 2 ด้านเมื่อขณะรถวิ่งตรง เฟืองจะรับแรงกดให้ไปขับเพลาทั้ง 2 ด้านเท่ากัน แต่เมื่อเกิดการเลี้ยวเฟืองดอกจอกจะทำหน้าที่แยกการหมุนของล้อให้ส่งกำลังไปเพียงด้านเดียว
คุณสมบัติของเจ้าเฟืองขับแบบธรรมดานี้ คือการส่งกำลังจะส่งไปยังล้อที่รับภาระสูงสุดเพียงล้อเดียว สังเกตุเวลาขึ้นแม่แรงแล้วหมุน ล้อจะหมุนเพียงล้อเดียว อีกล้อฟรีทิ้งอยู่เฉยๆ หรือเวลารถติดหลุม เมื่อเข้าเกียรเร่งเครื่อง ล้อจะหมุนล้อเดียว คุณสมบัตินี้ใช้ในเวลารถเข้าโค้งจะทำให้ล้อที่อยู่ด้านในโค้งหมุนช้ากว่าล้อที่อยู่นอกโค้งรถจึงเข้าโค้งไ ด้อย่างนุ่มนวล

มารู้จักกับ Limited Slip Differential
บางคนเรียกกันสั้นๆว่า เต็ด หรือชื่อย่อๆคือ LSD เจ้าเฟืองท้ายแบบนี้ได้รับการพัฒนามาจาก Differential แบบธรรมดาเพื่อป้องกันล้อหมุนฟรีในขณะรถติดหลุ่มแ เจ้ากลไกในตัว LSD จะทำหน้าที่ล็อคล้อที่หมุนฟรีให้หมุนตามนิยมในพวกรถแ บบ 4WD และในรถแข่งที่ต้องอาศัยการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไป ยังล้อทั้ง 2 ด้านให้ใกล้เคียงกัน ภายในมักจะมีส่วนประกอบคล้ายกับเฟืองขับแบบธรรมดา แต่จะเพิ่มชุดฟันเฟืองพิเศษ ชุดสปริงกด และชุดครัชแบบเปียกที่จะคอยรับแรงกดจากจานกดที่เกิดจ ากแรงบิดจากเครื่องยนต์ และการทำงานของชุดกลไกภายในของ LSD มากดให้จานกดและครัชให้จับตัวกัน ยิ่งมีแรงบิดมากก็จะมีแรงกดมาก เปอร์เซ็นต์การจับตัวก็จะมาก แรงบิดน้อยแรงกดน้อยเปอร์เซ็นต์การจับตัวก็จะน้อยลง แรงกดนี้จะมีฟันเฟืองต่อไปยังเพลาขับเพื่อไปขับล้อแล ะยางให้หมุนตามกัน
ชนิดต่างๆของ LSD

1) 1 way LSD หรือระบบ limited Slip แบบทางเดียว LSD แบบนี้จะทำหน้าที่ส่งกำลังไปยังล้อทั้ง 2 ด้านได้ใกล้เคียงเวลาเฉพาะเหยียบคันเร่ง จะทำให้เกิดแรงบิดไปพลักดันกลไกลภายในให้ทำงาน แต่พอถอนคันเร่งก็หยุดการทำงานล้อที่ไม่ได้รับภาระก็ จะหมุนฟรีเป็นปกติ LSD แบบนี้มักจะติดตั้งมากับรถโรงงาน พวกนี้เวลารถเข้าโค้งแล้วถอนคันเร่งการทำงานจะมีลักษณะเหมือนเฟืองขับปกติ นิยมใช้กับรถทุกประเภทสามารถบังคับได้ง่าย เหมาะกับมือใหม่และการใช้งานบนท้องถนน L.S.D แบบนี้คลัตช์จะจับเฉพาะตอนเร่งเครื่อง

2) 1.5 way LSD พัฒนาการใช้งานระหว่าง 1 way และ 2 way แบบนี้จะทำงานเต็มที่เมื่อเหยียบคันเร่งแต่พอถอนคันเ ร่งจะทำงานน้อยกว่า ลดอาการ Understree ได้มาก
เหมาะกับรถขับเคลื่อนล้อหน้าโดยที่ L.S.D ชนิดนี้ คลัตช์จะจับตอนเร่งและเมื่อถอนคันเร่งจะจับแค่เพียงครึ่งเดียว ทำให้ออกจากโค้งได้เร็ว
ซึ่งเหมาะกับการแข่งขัน เช่น จิมคาน่า ซึ่งเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน

3) 2 way LSD หรือระบบ limied Slip แบบสองทาง แบบนี้จะทำงานทั้งในขณะเหยียบคันเร่งและยกคันเร่ง แบบนี้จะทำให้เวลาเข้าโค้งเกิดความยากลำบาก เพราะล้อด้านในโค้งจะหมุนตามด้วยความเร็วใกล้เคียงกั บล้อด้านนอกโค้ง ส่งผลให้เกิดการฟรีทิ้งของยางจนเกิดการควบคุมรถได้ยา กกว่า แต่ในทางตรงจะสามารถส่งกำลังไปยังล้อได้ดีกว่า LSD แบบนี้มักจะต้องซื้อมาติดตั้งที่เรียกกันว่า เต็ดซิ่ง ที่หลายสำนักผลิตกันออกมาจำหน่ายกัน แบบนี้เวลาเข้าโค้งรถจะเกิดอาการ Understree
เหมาะกับแข่งขันนิยมใช้กับรถขับเคลื่อนล้อหลัง และ ขับเคลื่อน 4ล้อ  L.S.D. ชนิดนี้ จะจับทั้งตอนเร่งและถอนคันเร่ง
ทำให้ควบคุมรถในการเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ


ข้อดีเมื่อทียบกับเฟืองท้ายแบบธรรมดา
1. ช่วยแก้ปัญหาเวลารถตกหล่ม ทำให้ล้ออีกด้านไม่หมุนฟรีสามารถใช้กับเส้นทางทุรกันดารได้ดีกว่า
2. ช่วยให้การออกตัวดีขึ้น ลดอาการฟรีของล้อ เหมาะสำหรับรถควอเตอร์ไมล์
3. ช่วยในการออกโค้งได้ดีกว่า ลดอาการหมุนกลับ และสามารถใช้เทคนิคจนควบคุมรถได้
4. เพิ่มลูกเล่นและเทคนิคการขับรถได้มากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบฝึกฝนหรือหาเทคนิคใหม่ๆ
ข้อเสีย
1. การเข้าโค้งจะยากกว่าและต้องระวังมากกว่า เพราะอาจทำให้รถเกิดการ Understeer ได้ง่าย
2. ยางสึกหรอเร็ว เพราะล้อที่ไม่หมุนฟรีต้องอาศัยการหมุนฟรีของยางที่สัมผัสกับถนนยางจะสึกหรออย่างรวดเร็ว และมีเสียงดัง
3. อายุการใช้งานของเพลาขับและลูกปืนล้อสั้นลงอย่างรวดเ ร็ว เพราะต้องรับแรงบิดเพิ่มขึ้น เพลาอาจขาดหรือลูกปืนแตกได้ง่าย
4. ดูแลรักษายาก ต้องดูแลอยู่เสมอ และมีการสึกหรอค่อนข้างสูง
5. ในรถแบบขับเคลื่อนล้อหน้าจะมีการขัดขืนเวลาเข้าโค้ง อาจเกิดการ 0ver streer ได้ง่าย

การติดตั้งและการเลือกใช้
มีรถส่วนน้อยที่ได้ติดตั้ง LSD มาจากโรงงาน รถส่วนใหญ่ที่ติดตั้ง LSD มักจะเป็นรถจำพวก 4wd และรถที่เครื่องยนต์แรงเพื่อช่วยในการออกตัวที่ดี
สำหรับการติดตั้งในรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าต้องทำการ ยกเกียร์ทั้งลูกลงมาแล้วทำการผ่าเกียรออกมาแล้วยกชิ้น ส่วน และถอดเฟืองขับแบบธรรมดาออกมา
แล้วจึงเอาชุด LSD ติดตั้งประกอบกับเฟืองขับเดิม หรือบางรุ่นจะมีเฟืองขับที่มีอัตราทดใหม่มาติดตั้งแทนได้เลย ในรถขับเคลื่อนล้อหลังแบบคานแข็งต้องทำการถอดเพลากลาง เพลาข้าง เฟืองเดือยหมู
หรือบางรุ่นมีหน้าแปลนถอดเปลี่ยนได้เลย ในรุ่นที่เป็นคานอิสระถอดเพลาข้างและเพลากลางออก แล้วจึงถอดชุดเฟืองท้าย ออกมาแล้วเปลี่ยนชุดใหม่ทั้งเฟืองท้ายหรือถอดมาเปลี่ยนเฉพาะชุด LSD
แต่เฟืองท้ายเดิม การควบคุมการทำงานบางรุ่นใช้การควบคุมด้วยระบบลม และบางรุ่น การเลือกใช้ต้องคำนึงถึงรูปแบบการขับขี่เป็นสำคัญว่า จะใช้แบบ 1 way - 1.5 way หรือ 2 way
ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และการแข่งขันที่แตกต่างกัน การเลือกยี่ห้อต้องดูที่
โครงสร้างภายในบางรุ่นใช้ระบบฟันเฟือง ( Helical LSD )ในการทำงาน บางรุ่นใช้ระบบผ้าครัช ( Multiplate LSD ) ที่มีจำนวนแตกต่างกันเช่น 4 แผ่น 8 แผ่น หรือ 12 แผ่น
ยิ่งมีผ้าครัชมากก็สามารลดอาการฟรีของล้อได้มาก สามารถกระจายแรงม้าลงพื้นได้มากกว่าเดิม
ในรถขับเคลื่อน 4 ล้อมักจะมี LSD ติดตั้งมาแล้ว แต่อาจเปลี่ยนใหม่ในรูปแบบแตกต่างกันได้เช่นด้านหน้า เป็นแบบ 1.5 way และด้านหลัง 2 way จะทำให้ขับขี่สนุกขึ้น

การดูแลรักษา
เนื่องจาก LSD มีระบบการทำงานที่ซับซ้อนกว่าเฟืองขับแบบปกติ เช่นบางรุ่นมีฟันเฟืองพิเศษ ที่ต้องอาศัยเบอร์น้ำมันที่ไม่เหมือนกับเฟืองท้ายปกติ และบางรุ่นส่วนใหญ่จะมีผ้าครัชแบบเปียก จึงต้องใช้น้ำมันพิเศษที่ออกแบบมาสำหรับ LSD โดยเฉพาะ ไม่ควรใช้น้ำมันเฟืองท้ายหรือผสมหัวเชื้อใดๆเพราะอาจจะทำให้ผ้าครัชลื่น น้ำมัน LSD ต้องได้รับการเปลี่ยนถ่ายไวกว่า เพราะจะมีเศษของชิ้นส่วนที่สึกหรอปนออกมามากกว่าและอาจจะไปทำอันตรายต่อชิ้นส่วนอื่น หรือทำให้สึกหรอเร็วยิ่งขึ้น ต้องป้องกันน้ำอย่างเด็ดขาด เพราะผ้าครัชและสปริงกลัวน้ำมากจะเสียหายอย่างรวดเร็ ว ถ้าสงสัยว่าน้ำอาจเข้าต้องรีบเช็คหรือรีบเปลี่ยนถ่ายทันที


++ ไปหาจากหลาย ๆ เวปแล้วรวมมาให้อ่าน ++


ความรู้ล้วน ๆ ขอบคุณครับ...... คำนับ คำนับ คำนับ คำนับ คำนับ
บันทึกการเข้า
AE80
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,427


2E-TE


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #36 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2008 00:09:27 »

ขอถามหน่อยครับว่า มีเต็ดตัวใหนใส่เออีได้อีกครับ เคยเห็นแต่เพื่อนใช้ของ 4E(ep92)
บันทึกการเข้า

kabuy
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #37 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2008 09:35:36 »

เยี่ยมๆๆๆๆๆ
บันทึกการเข้า
Chanjaoka
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 572



ดูรายละเอียด
« ตอบ #38 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2008 10:21:36 »



โดยปกติรถยนต์ทั่วไปจะมีชุดเฟืองท้ายเป็นเฟืองดอกจอก (Differential) ซึ่งทำหน้าที่รับแรงจากเฟืองบายศรี
แล้วเฉลื่ยแรงไปให้เพลาซ้าย-ขวาแยกกัน เพราะเวลาที่รถเลี้ยว ล้อซ้าย-ขวาจะมีระยะทางวิ่งไม่เท่ากัน
ดังนั้นถ้าทำให้เพลาซ้าย-ขวาหมุนเท่ากันจะทำให้มีการลื่นไถลที่ ยางได้และจะทำให้รถเลี้ยวเป็นวงกว้าง
แต่ถ้าล้อข้างใดข้างหนึ่งเกิดหมุนฟรีจะทำให้ล้อที่มีความฝืดมาก ไม่หมุน เช่น
กรณีที่ล้อตกหล่มข้างเดียวหรือเลี้ยวโค้งแรงๆนํ้าหนักรถจะถูกถ่ายไปข้างเดียว  ซึ่งจะทำให้การส่งกำลังไปพื้นถนนไม่ดีเท่าที่ควร
L.S.D. (Limited slip differential) จึงมีความจำเป็นขึ้นมาในกรณีที่กล่าวมา โดยที่ชุด L.S.D จะทำหน้าที่เหมือนDifferential
ทั่วไปคือการเฉลื่ยกำลังแบ่งส่งไปให้เพลาข้างซ้าย-ขวาในสภาพการ ใช้งานปกติ ในขณะที่มีแรงกระชากเครื่องแรงหมุนจากเครื่องไม่รุนแรง
แต่เมื่อความเร็วของเพลาข้างซ้าย-ขวาต่างกันมากและมีแรงกระชากท ี่รุนแรง ชุดคลัตซ์ที่อยู่ภายใน Differential จะถูกกดให้
ชุดเฟืองดอกจอกล็อค ทำให้ความเร็วของเพลาข้างซ้าย-ขวาต่างกันน้อยลง ซึ่งการที่คลัตช์จะจับมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความแรง
ของการกระชากคือ ยิ่งกระชากแรง (เร่งเครื่องมาก)  คลัตช์ยิ่งจับแรง
 

รู้จักก่อนกับเฟืองขับ (Differential ) กันก่อน
เป็นส่วนที่สำคัญในระบบส่งกำลัง ทำหน้าที่รับกำลังจากเกียร ส่งต่อมายังเฟืองขับตัวนี้ ทำหน้าที่เปลี่ยนแนวการหมุนในแนวมุมฉาก เป็นแนวขนานผ่านเพลาขับไปยังล้อทั้ง 2 ด้าน เฟืองขับนั้นในระบบขับเคลื่อนล้อหน้าจะถูกติดตั้งมาใ นห้องเกียร ส่งกำลังจากเฟืองเกียรมายังเฟืองขับ โดยตรงเรียกว่า Front Differentias Gear แล้วจึงส่งกำลังผ่านเพลาข้างไปยังล้อทั้ง 2 ข้าง ส่วนในระบบขับเคลื่อนล้อหลังเฟืองขับจะได้รับการส่งก ำลังมาจากเพลากลาง ต่อมายังเฟืองขับแล้วจึงส่งกำลังมายังเพลาข้างและล้อ อีกทีเรียกว่า Rear Differential Gear

ส่วนประกอบของเฟืองขับ ( Differential )
1.เฟืองเดือยหมู ( Worm Gear ) มีลักษณะคล้ายเฟืองรูปกรวย โคนเฟืองมีขนาดโตกว่าส่วนด้านยอดจะมีขนาดเล็ก ทำหน้าที่รับแรงบิดจากเพลากลางในแนวตั้งฉากมาขับเคลื่อนให้เกิดการหมุนตัว
เมื่อเฟืองหมุนตัวจะไปขบกับเฟืองบายศรีทั้ง 2 ด้านให้หมุนตาม
2.เฟืองบายศรี ( Ring Gear ) มีลักษณะเป็นเฟืองวงแหวนมีฟันเฟืองอยู่ด้านข้าง เฟืองตัวนี้จะมีอยู่ 2 ตัว ส่วนอีก 2 ตัวด้านในจะมีเฟืองต่อมายังเพลาขับทั้ง 2 ด้าน มีหน้าที่เปลี่ยนมุมการหมุนให้เป็นแนวขนาน
3.เฟืองดอกจอก ( Planet Gear ) เป็นเฟืองวงแหวน 2 ตัว ทำหน้าที่แยกการหมุนของเพลาขับทั้ง 2 ด้านเมื่อขณะรถวิ่งตรง เฟืองจะรับแรงกดให้ไปขับเพลาทั้ง 2 ด้านเท่ากัน แต่เมื่อเกิดการเลี้ยวเฟืองดอกจอกจะทำหน้าที่แยกการหมุนของล้อให้ส่งกำลังไปเพียงด้านเดียว
คุณสมบัติของเจ้าเฟืองขับแบบธรรมดานี้ คือการส่งกำลังจะส่งไปยังล้อที่รับภาระสูงสุดเพียงล้อเดียว สังเกตุเวลาขึ้นแม่แรงแล้วหมุน ล้อจะหมุนเพียงล้อเดียว อีกล้อฟรีทิ้งอยู่เฉยๆ หรือเวลารถติดหลุม เมื่อเข้าเกียรเร่งเครื่อง ล้อจะหมุนล้อเดียว คุณสมบัตินี้ใช้ในเวลารถเข้าโค้งจะทำให้ล้อที่อยู่ด้านในโค้งหมุนช้ากว่าล้อที่อยู่นอกโค้งรถจึงเข้าโค้งไ ด้อย่างนุ่มนวล

มารู้จักกับ Limited Slip Differential
บางคนเรียกกันสั้นๆว่า เต็ด หรือชื่อย่อๆคือ LSD เจ้าเฟืองท้ายแบบนี้ได้รับการพัฒนามาจาก Differential แบบธรรมดาเพื่อป้องกันล้อหมุนฟรีในขณะรถติดหลุ่มแ เจ้ากลไกในตัว LSD จะทำหน้าที่ล็อคล้อที่หมุนฟรีให้หมุนตามนิยมในพวกรถแ บบ 4WD และในรถแข่งที่ต้องอาศัยการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไป ยังล้อทั้ง 2 ด้านให้ใกล้เคียงกัน ภายในมักจะมีส่วนประกอบคล้ายกับเฟืองขับแบบธรรมดา แต่จะเพิ่มชุดฟันเฟืองพิเศษ ชุดสปริงกด และชุดครัชแบบเปียกที่จะคอยรับแรงกดจากจานกดที่เกิดจ ากแรงบิดจากเครื่องยนต์ และการทำงานของชุดกลไกภายในของ LSD มากดให้จานกดและครัชให้จับตัวกัน ยิ่งมีแรงบิดมากก็จะมีแรงกดมาก เปอร์เซ็นต์การจับตัวก็จะมาก แรงบิดน้อยแรงกดน้อยเปอร์เซ็นต์การจับตัวก็จะน้อยลง แรงกดนี้จะมีฟันเฟืองต่อไปยังเพลาขับเพื่อไปขับล้อแล ะยางให้หมุนตามกัน
ชนิดต่างๆของ LSD

1) 1 way LSD หรือระบบ limited Slip แบบทางเดียว LSD แบบนี้จะทำหน้าที่ส่งกำลังไปยังล้อทั้ง 2 ด้านได้ใกล้เคียงเวลาเฉพาะเหยียบคันเร่ง จะทำให้เกิดแรงบิดไปพลักดันกลไกลภายในให้ทำงาน แต่พอถอนคันเร่งก็หยุดการทำงานล้อที่ไม่ได้รับภาระก็ จะหมุนฟรีเป็นปกติ LSD แบบนี้มักจะติดตั้งมากับรถโรงงาน พวกนี้เวลารถเข้าโค้งแล้วถอนคันเร่งการทำงานจะมีลักษณะเหมือนเฟืองขับปกติ นิยมใช้กับรถทุกประเภทสามารถบังคับได้ง่าย เหมาะกับมือใหม่และการใช้งานบนท้องถนน L.S.D แบบนี้คลัตช์จะจับเฉพาะตอนเร่งเครื่อง

2) 1.5 way LSD พัฒนาการใช้งานระหว่าง 1 way และ 2 way แบบนี้จะทำงานเต็มที่เมื่อเหยียบคันเร่งแต่พอถอนคันเ ร่งจะทำงานน้อยกว่า ลดอาการ Understree ได้มาก
เหมาะกับรถขับเคลื่อนล้อหน้าโดยที่ L.S.D ชนิดนี้ คลัตช์จะจับตอนเร่งและเมื่อถอนคันเร่งจะจับแค่เพียงครึ่งเดียว ทำให้ออกจากโค้งได้เร็ว
ซึ่งเหมาะกับการแข่งขัน เช่น จิมคาน่า ซึ่งเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน

3) 2 way LSD หรือระบบ limied Slip แบบสองทาง แบบนี้จะทำงานทั้งในขณะเหยียบคันเร่งและยกคันเร่ง แบบนี้จะทำให้เวลาเข้าโค้งเกิดความยากลำบาก เพราะล้อด้านในโค้งจะหมุนตามด้วยความเร็วใกล้เคียงกั บล้อด้านนอกโค้ง ส่งผลให้เกิดการฟรีทิ้งของยางจนเกิดการควบคุมรถได้ยา กกว่า แต่ในทางตรงจะสามารถส่งกำลังไปยังล้อได้ดีกว่า LSD แบบนี้มักจะต้องซื้อมาติดตั้งที่เรียกกันว่า เต็ดซิ่ง ที่หลายสำนักผลิตกันออกมาจำหน่ายกัน แบบนี้เวลาเข้าโค้งรถจะเกิดอาการ Understree
เหมาะกับแข่งขันนิยมใช้กับรถขับเคลื่อนล้อหลัง และ ขับเคลื่อน 4ล้อ  L.S.D. ชนิดนี้ จะจับทั้งตอนเร่งและถอนคันเร่ง
ทำให้ควบคุมรถในการเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ


ข้อดีเมื่อทียบกับเฟืองท้ายแบบธรรมดา
1. ช่วยแก้ปัญหาเวลารถตกหล่ม ทำให้ล้ออีกด้านไม่หมุนฟรีสามารถใช้กับเส้นทางทุรกันดารได้ดีกว่า
2. ช่วยให้การออกตัวดีขึ้น ลดอาการฟรีของล้อ เหมาะสำหรับรถควอเตอร์ไมล์
3. ช่วยในการออกโค้งได้ดีกว่า ลดอาการหมุนกลับ และสามารถใช้เทคนิคจนควบคุมรถได้
4. เพิ่มลูกเล่นและเทคนิคการขับรถได้มากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบฝึกฝนหรือหาเทคนิคใหม่ๆ
ข้อเสีย
1. การเข้าโค้งจะยากกว่าและต้องระวังมากกว่า เพราะอาจทำให้รถเกิดการ Understeer ได้ง่าย
2. ยางสึกหรอเร็ว เพราะล้อที่ไม่หมุนฟรีต้องอาศัยการหมุนฟรีของยางที่สัมผัสกับถนนยางจะสึกหรออย่างรวดเร็ว และมีเสียงดัง
3. อายุการใช้งานของเพลาขับและลูกปืนล้อสั้นลงอย่างรวดเ ร็ว เพราะต้องรับแรงบิดเพิ่มขึ้น เพลาอาจขาดหรือลูกปืนแตกได้ง่าย
4. ดูแลรักษายาก ต้องดูแลอยู่เสมอ และมีการสึกหรอค่อนข้างสูง
5. ในรถแบบขับเคลื่อนล้อหน้าจะมีการขัดขืนเวลาเข้าโค้ง อาจเกิดการ 0ver streer ได้ง่าย

การติดตั้งและการเลือกใช้
มีรถส่วนน้อยที่ได้ติดตั้ง LSD มาจากโรงงาน รถส่วนใหญ่ที่ติดตั้ง LSD มักจะเป็นรถจำพวก 4wd และรถที่เครื่องยนต์แรงเพื่อช่วยในการออกตัวที่ดี
สำหรับการติดตั้งในรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าต้องทำการ ยกเกียร์ทั้งลูกลงมาแล้วทำการผ่าเกียรออกมาแล้วยกชิ้น ส่วน และถอดเฟืองขับแบบธรรมดาออกมา
แล้วจึงเอาชุด LSD ติดตั้งประกอบกับเฟืองขับเดิม หรือบางรุ่นจะมีเฟืองขับที่มีอัตราทดใหม่มาติดตั้งแทนได้เลย ในรถขับเคลื่อนล้อหลังแบบคานแข็งต้องทำการถอดเพลากลาง เพลาข้าง เฟืองเดือยหมู
หรือบางรุ่นมีหน้าแปลนถอดเปลี่ยนได้เลย ในรุ่นที่เป็นคานอิสระถอดเพลาข้างและเพลากลางออก แล้วจึงถอดชุดเฟืองท้าย ออกมาแล้วเปลี่ยนชุดใหม่ทั้งเฟืองท้ายหรือถอดมาเปลี่ยนเฉพาะชุด LSD
แต่เฟืองท้ายเดิม การควบคุมการทำงานบางรุ่นใช้การควบคุมด้วยระบบลม และบางรุ่น การเลือกใช้ต้องคำนึงถึงรูปแบบการขับขี่เป็นสำคัญว่า จะใช้แบบ 1 way - 1.5 way หรือ 2 way
ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และการแข่งขันที่แตกต่างกัน การเลือกยี่ห้อต้องดูที่
โครงสร้างภายในบางรุ่นใช้ระบบฟันเฟือง ( Helical LSD )ในการทำงาน บางรุ่นใช้ระบบผ้าครัช ( Multiplate LSD ) ที่มีจำนวนแตกต่างกันเช่น 4 แผ่น 8 แผ่น หรือ 12 แผ่น
ยิ่งมีผ้าครัชมากก็สามารลดอาการฟรีของล้อได้มาก สามารถกระจายแรงม้าลงพื้นได้มากกว่าเดิม
ในรถขับเคลื่อน 4 ล้อมักจะมี LSD ติดตั้งมาแล้ว แต่อาจเปลี่ยนใหม่ในรูปแบบแตกต่างกันได้เช่นด้านหน้า เป็นแบบ 1.5 way และด้านหลัง 2 way จะทำให้ขับขี่สนุกขึ้น

การดูแลรักษา
เนื่องจาก LSD มีระบบการทำงานที่ซับซ้อนกว่าเฟืองขับแบบปกติ เช่นบางรุ่นมีฟันเฟืองพิเศษ ที่ต้องอาศัยเบอร์น้ำมันที่ไม่เหมือนกับเฟืองท้ายปกติ และบางรุ่นส่วนใหญ่จะมีผ้าครัชแบบเปียก จึงต้องใช้น้ำมันพิเศษที่ออกแบบมาสำหรับ LSD โดยเฉพาะ ไม่ควรใช้น้ำมันเฟืองท้ายหรือผสมหัวเชื้อใดๆเพราะอาจจะทำให้ผ้าครัชลื่น น้ำมัน LSD ต้องได้รับการเปลี่ยนถ่ายไวกว่า เพราะจะมีเศษของชิ้นส่วนที่สึกหรอปนออกมามากกว่าและอาจจะไปทำอันตรายต่อชิ้นส่วนอื่น หรือทำให้สึกหรอเร็วยิ่งขึ้น ต้องป้องกันน้ำอย่างเด็ดขาด เพราะผ้าครัชและสปริงกลัวน้ำมากจะเสียหายอย่างรวดเร็ ว ถ้าสงสัยว่าน้ำอาจเข้าต้องรีบเช็คหรือรีบเปลี่ยนถ่ายทันที


++ ไปหาจากหลาย ๆ เวปแล้วรวมมาให้อ่าน ++


อ๋อ..มันเป็นอย่างนี้ นี่เอง เต็ดเฟือง กะ เต็ดครัช  คำนับ  คำนับ
บันทึกการเข้า


Thanks: ฝากรูป

"ไอ้น้อง ระยะทางเท่ากัน เครื่องยนต์แรงพอๆกัน แพ้ชนะมันวัดกันที่ใจ
    เป็นคำพูดที่หมูบินมักพูดอย
pkandtom@van wagon
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 588


ความสวยและความแรงต้องมาคู่กับความแพงและความบ้าบิ่น


ดูรายละเอียด
« ตอบ #39 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2008 11:04:01 »

ความรู้อีกแล้ว
บันทึกการเข้า

จำหน่ายครอบคาลิปเปอร์เบรคราคาคู่ละ 370 บาท ครับมี 3 สีและ 3 ยี่ห้อมาให้เลือกกันครับ แดง น้ำเงิน เหลือง โลโก้ SPOON BREMBO TRD ส่วนทรงใหม่ 450 บาท ติดตั้งเองได้ครับ ใช้ซิลิโคนยึดและมีคิ้วJAZZ หงุดหงิด ราคา 550 ต่อ1ชุดครับ + ค่าส่ง EMS 100 ครับ
โทรมาสอบถามกันได้ราคาเออีครับ 080-430-5288 เค ตลอดเวลา
หน้า:  «  1 [2] 3  »    ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!