
บังคับรถใช้ก๊าซติดสติกเกอร์
พลังงานจับมือคมนาคมออกก.ม.บี้เจ้าของรถดื้อหมดสิทธิต่อทะเบียนนายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า เตรียมหารือกับกรมขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคมในการออกกฎหมายบังคับให้รถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์แอลพีจี และเอ็นจีวีต้องจดทะเบียนติดสติกเกอร์และตรวจเช็กสภาพถังก๊าซเพื่อต่ออายุ ทุก 1 ปี เหมือนกับทะเบียนรถยนต์ เนื่องจากต้องการสร้างความปลอดภัยแก่เจ้าของรถยนต์ โดยผู้ที่ได้สติกเกอร์ต้องผ่านการรับรองจากอู่ที่ติดตั้งและใช้อุปกรณ์ที่มี มาตรฐาน หากเจ้าของรถยนต์ไม่ดำเนินการจะถูกลงโทษทางกฎหมายคล้ายกับรถยนต์ที่ไม่ติด ทะเบียน เบื้องต้นคงใช้วิธีการประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของรถยนต์ทราบก่อน จากนั้นก็ตักเตือน และลงโทษต่อไป
“ปัจจุบันมีการติดสติกเกอร์อยู่แล้วแต่ไม่ได้บังคับ ดังนั้นกระ ทรวงจะหารือกับกรมขนส่งทางบก เพื่อกำหนดเป็นข้อบังคับ โดยในสติกเกอร์ต้องระบุการเติมก๊าซรถยนต์ เช่น แอลพีจีหรือเอ็น จีวีที่เติมก๊าซซีเอ็นจี รวมถึงวันที่ตรวจสภาพของถังและระบบติดตั้ง และวันหมดอายุของสติกเกอร์”
ขณะเดียวกันเตรียมเสนอให้ที่ประชุมครม. รับทราบมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ให้ปรับราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคขนส่งและอุตสาหกรรมเพิ่มอีก 6 บาทต่อกก. จากปัจจุบันที่มีราคา 18.13 บาทต่อกก. โดยทยอยปรับขึ้นเดือนละ 2 บาทเป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง ก่อนที่จะนำไปหารือในคณะกรรมการบริหาร นโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป
นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานเตรียมออกกฎหมายเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับกรมขนส่งทางบกในการ สร้างมาตรฐานกับระบบติดตั้งเครื่องยนต์แอลพีจีและเอ็นจีวี โดยบังคับให้ปั๊มก๊าซแอลพีจีและซีเอ็นจีต้องเติมให้กับรถยนต์ที่มีสติกเกอร์ เท่านั้นหากพบว่าแอบเติมให้รถที่ไม่มีสติกเกอร์ปั๊มจะมีความผิดทั้งค่าปรับ และจำคุกเหมือนกับเจ้าของรถยนต์ด้วย
ทั้งนี้การออกกฎหมายทั้งหมดไม่ได้กลั่นแกล้งผู้ใช้รถยนต์หรือปั๊มเติมก๊าซ แต่ต้องการให้เจ้าของรถไม่ไปติดตั้งระบบกับอู่ที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินด้วย
นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่าหากนโยบายรัฐบาลสามารถผลักดันการติดตั้งเครื่องยนต์เอ็นจีวีและแอล พีจีมีมาตรฐานจนสร้างความมั่นใจแก่ทุกฝ่ายแล้ว กระ ทรวงจะทำหนังสือไปยังห้างสรรพสินค้าบางรายยกเลิกกรณีที่บังคับไม่ให้รถยนต์ ที่ติดแอลพีจีและเอ็นจีวีรวมใกล้เคียงกับรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ธรรมดา แต่ต้องไปจอดรถชั้น 3 หรือ ชั้น 4 จนสร้างความเดือดร้อนแก่เจ้าของรถ และเชื่อว่าทุกฝ่ายจะยอมรับได้.
เนื้อหาดีๆจาก
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=182825&NewsType=1&Template=1