AE. Racing Club
11 มกราคม 2025 00:17:00 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2  »    ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สอบถามเรื่องเครื่องเสียง  (อ่าน 4811 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Rock_TZ058@AE.110
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,912



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2009 01:14:45 »

พี่ ๆ ท่านไหนเคยเป็นบ้างรึเปล่าคับ  เวลา เปิดเครื่องเสียงพร้อม กับ สตาร์ต รถ  แล้วมีเสียง "วีส" เวลาเร่งเครื่อง
ต่อ "กันกวน" แล้วก็ยังไม่หาย  มีวีธี แก้ ตรงไหนอีกรึเปล่าคับ ผมต่อเข้าปลั๊กเดิม หรือว่าเดินสายขั่ว + กับ -  ใหม่ ดีเอ่ย
ของผม ต่อแค่  เครื่องเล่นกับ พาวเวอร์ ไม่มีปรีกับ ซับคับผม
 (ปล.ต่อกาวาย5อยู่แล้ว เกี่ยวอะเปล่าหว่า)
 ไม่ไหวแล้ว... ไม่ไหวแล้ว... ไม่ไหวแล้ว...
คนหากูรู
บันทึกการเข้า

มีปากก็พูดไป น้ำลายไม่ได้ซื้อ
Aotdy
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2009 07:16:48 »

รอผู้รู้ครับ
บันทึกการเข้า
thoss
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 789


Taxi step


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2009 08:27:41 »

ที่เจอบ่อยๆนะครับ คือ สายสัญญาณ กับสายแบตเตอรี่ที่ต่อไปยังเพาเวอร์แอมน่ะ ไม่ควรเดินคู่กัน หรือว่าแตะกันครับ ควรจับแยกออกจากกัน ให้ห่างๆกันยิ่งดีครับ ลองเช็คดูครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 กุมภาพันธ์ 2009 08:33:22 โดย thoss » บันทึกการเข้า

wittayass@RYZ
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,282


ศูนย์แปดเจ็ดห้าสามเก้าสองแปดแปดสี่


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2009 08:39:20 »

ใช้ front ของอะไรครับ ถ้าใช้ front ของ pioneer จะมีปัญหาเรื่องหวีดครับ
ของยี่ห้ออื่นไม่แน่ใจเหมือนกัน ลองวิธีขอมผมดูครับ ของผมช่างแนะนำให้ลอง
ใช้วิธีนี้ ได้ผลครับไม่มีเสียงวี๊ดมากวนใจ ลองดูครับ
บันทึกการเข้า
โน่ SRC ™
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14,361


086-6202798 โน่ SRC


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2009 09:54:23 »

ใช้ front ของอะไรครับ ถ้าใช้ front ของ pioneer จะมีปัญหาเรื่องหวีดครับ
ของยี่ห้ออื่นไม่แน่ใจเหมือนกัน ลองวิธีขอมผมดูครับ ของผมช่างแนะนำให้ลอง
ใช้วิธีนี้ ได้ผลครับไม่มีเสียงวี๊ดมากวนใจ ลองดูครับ


 สุดยอด
บันทึกการเข้า
Rock_TZ058@AE.110
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,912



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2009 15:08:37 »

ขอบคุณคับ แล้วจะลองนะคับ กูรู ต่อไป
บันทึกการเข้า

มีปากก็พูดไป น้ำลายไม่ได้ซื้อ
ngageko
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2009 15:11:22 »

ขอบคุณคับ แล้วจะลองนะคับ กูรู ต่อไป


ถ้าไม่หาย ร็อค โทรไปถามเอกดูก็ได้ นะ

แต่ระวังอย่างอื่นหายแทน 55555555
บันทึกการเข้า
Hunter_JIK.CZ48
AE Racing Club Staff
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8,158


3S-GE Doraemonster 9X


ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2009 15:16:40 »

ถ้าไล่หมดแล้วไม่หาย ถอดแอมออกครับ แล้วลองดูว่าเงียบไหม

ผมไล่ทั้งคัน ทั้งปลักทั้งสายทั้งกราว ทุกอย่างไม่หาย ปรากฏว่าแอมพัง วีดมาเป้นช่วงๆ เวลาตกหลุมนี้ยิ่งดัง
บันทึกการเข้า

Rock_TZ058@AE.110
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,912



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2009 15:17:19 »

ว่างั้นไป  วันนี้ค่อย  ถามตอนเข้าปั๊ม ดีก่า  ถ้าได้เจอ คงขออะไหล่ ด้วยดีป่ะเอ่ย
บันทึกการเข้า

มีปากก็พูดไป น้ำลายไม่ได้ซื้อ
Rock_TZ058@AE.110
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,912



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2009 15:17:53 »

ถ้าไล่หมดแล้วไม่หาย ถอดแอมออกครับ แล้วลองดูว่าเงียบไหม

ผมไล่ทั้งคัน ทั้งปลักทั้งสายทั้งกราว ทุกอย่างไม่หาย ปรากฏว่าแอมพัง วีดมาเป้นช่วงๆ เวลาตกหลุมนี้ยิ่งดัง
ลองดูแล้วคับถ้าถอดแอมออก ก็ดัง(แต่เบากว่าเดิม)พอใส่แอมไป แล้วตามด้วยกันกวน  ก็ไม่ดัง มากคับ (แต่ก็ดังกลาง ๆ)
ไม่รู้ว่าแอมจะเสียด้วยรึเปล่า
บันทึกการเข้า

มีปากก็พูดไป น้ำลายไม่ได้ซื้อ
Hunter_JIK.CZ48
AE Racing Club Staff
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8,158


3S-GE Doraemonster 9X


ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2009 15:26:02 »

แอมกราวลงแน่นไหมครับ

วีดเฉพาะคู่หลังหรือคู่หน้าหรือเปล่าครับ

แบบว่าบางทีสายลำโพงลากยาวไปข้างหลัง ก็มีปัญหาได้
บันทึกการเข้า

Rock_TZ058@AE.110
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,912



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2009 15:33:34 »

แอมกราวลงแน่นไหมครับ

วีดเฉพาะคู่หลังหรือคู่หน้าหรือเปล่าครับ

แบบว่าบางทีสายลำโพงลากยาวไปข้างหลัง ก็มีปัญหาได้

แอมลงกราว แน่น คับ แต่ หน้า จะดังกว่า เพราะ หลังนั้น ไม่มีทวิสเตอร์ มีแต่คู่หน้า คู่หลังนั่น ดังไม่มาก 
บันทึกการเข้า

มีปากก็พูดไป น้ำลายไม่ได้ซื้อ
AE 115
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,078



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2009 18:15:05 »

ขอให้หายไวๆๆครับ
บันทึกการเข้า
Oat..20valve&G5
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 567


The Arsenal ...


ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2009 18:41:34 »

ผมก็เล่นเครื่องเสียงครับ แต่ไม่ได้เน้นยี่ห้อมากนัก
อาการที่คุณบอกมาง่ายมากครับ
1.front
2.ปรีแอม
3.ครอสโอเวอร์
4.แอมป์ขยาย
ไม่รู้ว่าคุณใช้อะไรบ้าง วิธีแก้ไขคือ ปรับ volume ทุกอย่างให้บาล้านกันเช่น    - front ปรับเสียงไว้กลางๆสมมุตเสียงมี50เปิด20พอ
                                                                                 -ปรีแอม ปรับเสียงไว้กลางๆ
                                                                                 -แอมป์ขยาย ก็มีตัวปรับเสียงที่ด้านหลัง ปรับระดับกลางขึ้น ไปแต่ไม่ถึงกับสุด
การที่เปิดเสียงตัวใดตัวหนึ่งมากไปจะทำให้เกิดเสียงวี๊ด เวลากดคันเร่งลองแก้ดูครับ ผมไปปรับให้ทั้งกะบะและเก๋ง มาหลายคันแล้ว ถ้าอยู่ใกล้ๆบ้านจะไปปรับให้ครับ 5นาทีก็เสร็จแล้ว สุดยอด สุดยอด
บันทึกการเข้า

AE 115
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,078



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2009 19:10:39 »

 อ่านหนังสือ
บันทึกการเข้า
JEAB_GZE
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,155


^^ ชิว ชิว ^^


ดูรายละเอียด
« ตอบ #15 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2009 20:18:34 »

ที่เจอบ่อยๆนะครับ คือ สายสัญญาณ กับสายแบตเตอรี่ที่ต่อไปยังเพาเวอร์แอมน่ะ ไม่ควรเดินคู่กัน หรือว่าแตะกันครับ ควรจับแยกออกจากกัน ให้ห่างๆกันยิ่งดีครับ ลองเช็คดูครับ

เคยเป็นเหมือนกัน นานมาล่ะ แก้ด้วยวิธีเนี้ยหายสนิท
บันทึกการเข้า

เดิน           เดิน           เดิน           เดิน          เดิน          เดิน          เดิน          เดิน          เดิน
wittayass@RYZ
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,282


ศูนย์แปดเจ็ดห้าสามเก้าสองแปดแปดสี่


ดูรายละเอียด
« ตอบ #16 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2009 02:47:19 »

เอามาจากผู้รู้ครับ....
นั่นคือถ้าต่อฟร้อนท์ผ่านสวิทซ์กุญแจ   รถจะเกิดเสียงวี๊ดดังมากตาม
  รอบเครื่องแต่ถ้าต่อสายตรงจากแบตเตอรี่ ไม่เกิดเสียงรบกวนใดๆ เลย แต่ลูกค้าประสงค์จะให้ต่อสาย ผ่านสวิสซ์กุญแจรถยนต์เพราะกลัว
  ลืมปิดวิทยุ ?ตื่นเช้าขึ้นมา แบตเตอรี่หมดหม้อ?ปัญหาเสียงวี๊ดมันคู่กันมากับเครื่อเสียงรถยนต์เพราะผิดพลาดตั้งแต่เริ่มต้นวางระบบ
  กล่าวกันง่ายๆ ?ผิดพลาดกัน ตั้งแต่บรรทัดแรกๆ ของหลักสูตร การวางระบบที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหา นั้นทำไม่ยาก แต่ต้องปฏิบัติให้ติด
  เป็นนิสัย พูดแบบชาวบ้าน ก็ต้องพูดพยายามทำให้ติดเป็น สันดาน...ว่างั้นเหอะ ? นั้นคืออย่าไม่ยุ่งกับระบบไฟฟ้าที่มากับรถเป็นอันขาด
  สายไฟฟ้าที่ต่อมา ให้กับวิทยุที่แถมมากับรถเดิมๆ นั้น ไม่ควรนำมาใช้ร่วมกับระบบ การทำงานของอุปกรณ์ที่เราจะติดตั้งเพิ่มขึ้นใหม่เพราะ
  สายเดิมๆ ออกแบบมาเพื่อระบบเล็กๆ ระบบเด็กๆดังนั้น การวางระบบตั้งแต่ซิงเกิ้ลแอมป์ขึ้นไปควารจะจัดระบบๆฟขั้นใหม่ทั้งระบบเริ่มตั้ง
  แต่สายไฟบวกตรงๆ ที่จะต่อกับสายสีเหลือง (โดยทั่วๆผจะใช้โค้ดสีเป็นสีเหลืองเป็นมาตรฐานสากล ยกเว้นสินค้าจีนแดงบางค่ายที่ไม่ยอมโก
  อินเตอร์) เฉพาะสายไฟตรงมาจากแบ็ตที่จะต่อกับฟร้อนท์นี้ไม่ควรใช้สายที่มีขนาดต่ำกว่า 10 มิล เกินไม่เป็นอะไร ขั้นตอนต่อไปเราต้อง
  มาใส่ใจกับเจ้าสายสีแดงของตัวฟร้อนท์ กรุฯอย่าไปต่อเข้ากับเส้น เอ.ซี.ซี. โดยตรงเป็นอันขาด เพราะเส้นนี้มากับชุมทางไฟของรถยนต์ ถ้าเป็น
  ระบบเด็กๆ ไม่เป็นอะไร แต่นี่มันเป็นระบบผู้ใหญ่จึ่งมีเรื่องปราบ เซียนเกิดขึ้น เยอะแยะ ตาแป๊ะไก๋การจะใช้ไฟฟ้าผ่านสวิทซ์กุญแจต้องใช้
  ?รีเลย์? ให้รีเลย์มันจ่ายไฟฟ้าแทน
บันทึกการเข้า
wittayass@RYZ
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,282


ศูนย์แปดเจ็ดห้าสามเก้าสองแปดแปดสี่


ดูรายละเอียด
« ตอบ #17 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2009 02:52:39 »

จากภาพประกอบเราจะเห็นชัดเจนว่าเรามิได้เอาสายผ่าน สวิสซ์กุญแจต่อเข้ากับสายเส้นสีแดงของตัววิทยุใช่มั้ย เพียงแต่เรา
  ใช้สาย เอ.ซี.ซี สั่งงานให้ขา 30 ของตัวรีเลย์จ่ายไฟตรงที่มาจากแบ็ตฯ ให้จ่ายไฟ ต่อไปยัง ขา 87 ของตัวรีเลย์ ซึ่งขา 87   
  นี้แหละที่เราต้องนำไปต่อกับสายสีแดงของตัวฟร้อนท์ สรุปว่าความประสงค์ที่เจ้าของรถต้องการใช้วิทสซ์กุญแจก็ไม่ ผิดประสงค์
  เพียงแต่เราให้รีเลย์จ่ายแทน เรียกว่าไฟมาจากแบ็ตกันจะๆ ถ้าเราต่อสายสีแดงโดยไม่ใช้รีเลย์เราจะได้ฟังเสียงวี๊ดกันจะๆ
  เหมือนกัน เพราะจุดนั้นแอมป์ต่ำมาก มีค่าเหนี่ยวนำด้วยอ้อ...ลืมนำเสนออีกประการ สายที่เข้าขา 30 ของตัวรีเลย์ นั้น
  ก็อย่าใช้สายเล็กสายน้อยของไฟรถนะ เราต้องใช้สายที่เดินมาใหม่ที่ต่อกับสายสีเหลืองของตัววิทยุนั่นแหละ ผ่านไปแล้ว 2 สาย
  และ 2 สี ทีนี้มาคำนึงอีกสาย คือเจ้าสายสีดำ ที่ชาวเขาชาวเรามักจะเรียกกันว่าสายดินเอาล่ะ ไม่ว่าจะ เรียกสายดิน หรือ
  สายกราวด์ก็แล้วแต่ ?มันคือกระแสไฟฟ้าลบ วันยังค่ำ? กระแสไฟฟ้าในรถเนี่ยะมันจะไหลมันจะไหลจากขั้วบวกไปหาขั้วลบ
  เสมอใช่มั้ย ฉะนั้น จุดนี้เราต้องให้ความสำคัญด้วย อย่าใช้สายกราวด์เดิมๆ ที่ต่อมากับตัววิทยุ (ซึ่งส่วนมากช่างติดตั้ง บางร้าน
  ชอบใช้กัน) จะด้วยเหตุผลเพราะว่าไม่ทราบ ไม่รู้นี่หว่า หรือเพราะความขี้เกียจอะไรก็แล้วแต่ขอเรียนให้ทราบว่าท่าน
  ที่ใช้สายกราวด์เดิมๆ ทำผิดพลาดอย่างมหันต์ บอกแล้ไงข้างต้น ว่าเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสายไฟเดิมๆ ของรถ เราก็เดิน
  สายกราวด์ขึ้น ใหม่สิครับ โดยกำหนดให้สายกราวด์มีความโตเท่าๆ หรือใกล้เคียง กับสายที่เราใช้เป็นสายไฟบวกต่อกับ
  วิทยุนั่นแหละ หาจุดลงกราวด์ ที่ไม่ไหลจากวิทยุมากนัก ยึดให้แน่น ด้วยน๊อต เบอร์ 8, เบอร์10, เบอร์12   
 ก็ได้อย่าใช้น๊อตเกลียวปล่อยใช้งานไปสักพักมันก็ปล่อยคลายจนหลวม เอาล่ะครับท่าผู้ชม ถ้าท่าปฏิบัติระบบ ต้นๆ
  ให้เป็นดังนี้ ปัญหาเสียงรบกวนจะไม่เกิดในระดับหนึ่ง ส่วนเสียงรบกวนในระดับสองนั้น ผู้เขียนขอนำเสนอในฉบับที่ 90
  นะครับ เนื่องจากมีโควต้าเพียง 2 หน้าเท่านั้น การแก้ปัญหาด้วยการใช้โช้คดักเสียงรบกวนนั้นเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ
  ต้นเหตุมันอยู่ที่การวางระบบ เพราะคุณสมบัติของเจ้า โช้คที่ว่านี้มันมีค่าความต้านท่านลักษณะเป็นทรานสฟอร์เมอร์
  บางท่านเรียกหม้อแปลง ภายในนั้นประกอบด้วยแผ่นโลหะ เป็นแผ่นอี E และแผ่นไอ I มีดลวดทองแดงพันอยู่ขณะทำงาน   
  จะต้านทานมิให้กระแสไฟไหลผ่านมากนัก ช่างติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์ถ้าใช้โช้ค ?ถือว่าสอบตก? เพราะว่าเสียงวี๊ดที่ท่าน
  ว่าทำหายนั้น หารู้ไม่ว่าเสียงวี๊ดมันหายไปพร้อมกับเสียงเพลง ชิ้น ดนตรีต่างพร้อมใจกันหายไปด้วย ลง่ทุนติดตั้งเครื่องเสียง
  ราคาห้าหมื่น แต่ได้คุณภาพเพียงหมื่นห้า....ฮา

ไม่รู้จะยุ่งยากไปป่าว...ลองทำดูนะครับ
บันทึกการเข้า
wittayass@RYZ
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,282


ศูนย์แปดเจ็ดห้าสามเก้าสองแปดแปดสี่


ดูรายละเอียด
« ตอบ #18 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2009 03:13:23 »

ต่อครับ..เก็บเอาไว้เป็นความรู้ครับ
เราเห็นความสำคัญของสายแบตเตอรี่ใช่มั้ยแต่ฉบับนี้ เราจะพบกับความสำคัญการใช้งาน และการเลือกซื้อสายนำสัญญาณแน่นอนสายนำสัญญาณ ที่ดีที่สุดย่อมมีราคาแพงเป็นที่สุด (เหมือนเสื้อตัวละ 100 บาทกับเสื้อตัวละ 1,000 บาทคุณภาพ ทั้งเนื้อผ้าและคุณภาพการตัดเย็บย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง....ฉันใดก็ฉันเพล) ......สายนำสัญญาณที่มีคุณภาพสูงราคา ก็ย่อมสูงเพราะผู้ผลิตจะเลือกสารตัวนำที่สุดยอด และขั้นตอนการผลิตก็สุดยอด ดังนั้นปัญหาการเกิดช่องว่างในเนื้อตัวนำนั้นจะน้อยมาก คือน้อยยิ่งกว่าน้อยท่านควรยอมรับว่าสายโลหะทองแดงที่ท่านเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ส่วนใหญ่จะมีช่องว่างในเนื้อตัวนำแทบทั้งสิ้น แต่จะมีช่องว่างในเนื้อตัวนำมากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิต การหลอมละลาย การตีเกลียวรวมถึงการคัดเกรดของทองแดงอีกด้วย ยกตัวอย่าง ไม้อัดปาติเกิ้ล จะมีช่องว่างในเนื้อแผนไม้มากกว่าไม้อัด เอ็ม ดี เอฟ เห็นหันจะๆ เลยใช่มั้ยแต่ช่องว่างในเนื้อตัวนำของสายนำสัญญาณนั้นท่านไม่สารมารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และในช่องว่างนั้นมันจะอุดมสมบูรณ์ไป ด้วยสนิมออกไซด์ หรือที่ชาวเขาชาวเราเรียกกันว่า สนิมสีเขียว ทำนองนั้นการทีเกิดช่องว่างในเนื้อตัวนำมากๆ
นั้นทำให้สัญญาณไหลผ่านไม่สะดวกไม่สม่ำเสมอ คุณภาพเสียงก็ย่อมได้ตามราคาที่จ่ายกะตังค์ แต่ก็ยังดีนะที่มันแถมเสียงรบกวนมาให้คลายเหงาฮา...ถ้าท่าถามว่าผมมีงบประมาณน้อยจะใช้สายนำสัญญาณธรรมดา โนเนมได้มั้ย คุณได้สิทธินั้นเดี๋ยวนี้
(1) ท่านต้องเลือกซื้อสายนำสัญญาณที่มีกราวด์สัญญาณเป็นตาข่าย
(2) ภายในสายต้องมีอลูมิเนี่ยมฟรอยส์
(3) ฉนวนหรือเปลือกหุ้มต้องยืดหยุ่นได้พอควร (อย่าให้มันแข็งข้อกับเราเป็นอันขาด ตรงนี้ ?คุณแม่ขอร้อง? และอย่าซื้อสายที่เปลือกหุ้มหดตัวเหนอะหนะตามความร้อนและความเย็นภายในรถ
(4) ถ้าจำเป็นต้องซื้อสายนำสัญญาณสำเร็จรูป พร้อมแจ็ค RCA ต้องเลือกซื้อชนิดที่ปลอกหุ้มแจ็ค RCA ทีมีเกลียวถอดออกเพื่อเสริมกราวด์สัญญาณได้
(5) การบัดกรีสายนำสัญญาณ กับขั้วโลหะของแจ็ค RCA ต้องใช้ตะกั่วบัดกรีให้น้อยที่สุด(เพราะตะกั่วเป็นตัวนที่ไม่ดีนัก แม้ว่าจะมีส่วนผสมของดีบุกกี่มากน้อยก็ตามก็ยังสู้การสัมผัสกันระหว่างสายตัวนำกับผิวโลหะของแจ็ค RCAโดยตรงไม่ได้) เอาล่ะครับท่านผู้ชมทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนการเดินสายนำสัญญาณในรถยนต์ ก่อนอื่นท่านต้องยอมรับอีกข้อนะว่าสายสัญญาณเนี่ยมันมีหน้าที่นำพาสัญญาณต่ำเท่านั้นมันจะนำพาสัญญาณต่ำจากเจ้าตัวฟร้อนท์ไปยังปรีแอมป์ต่อไปยังครอสโอเวอร์และไปยังเพาเวอร์แอมป์ตามลำดับในเมื่อมันมีหน้าที่นสัญญาณต่ำจังไม่ควรให้มันเดินทางใกล้กลับ สายไฟฟ้าซึ่งมีกำลังสูงขอตัวรถ โดยเฉพาะด้านซ้ายด้านขวาของตัวรถจะมีสายไฟเบรค สายไฟเลี้ยว และสายไฟถอยสารพัดสาย......อย่าให้สายนำสัญญาณมันไปเข้าใกล้เพราะมักจะมีสนามแม่เหล็กป้วนเปี้ยนอยู่แยะความจริงในรถยนต์แต่ละคันนั้น ส่วนใหญ่มีสนามแม่เหล็กป้วนเปี้ยนอยู่แทบทุกตารางนิ้วจะมีมากมีน้อยขั้นอยู่กับว่ารถคันนั้นใช้ระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ มากน้อยขึ้นอยู่กับว่ารถคันนั้นใช้ระบบไฟฟ้า และอุปกรณ์ต่างๆ มากน้อยแค่ไหนเจ้าสนามแม่เหล็กเนี้ยนะเรามองไม่เห็นมันแต่ถ้าเป็นสนามฟุตบอลเราจะมองเห็น ถ้าท่านจะถามว่าตรวจเช็คได้มั้ย ว่าจุดใดมีสนามแม่เหล็กมากหรือน้อย ?คุณได้สิทธินั้นเดี๋ยวนี้?
 (1) ถอดเบาะรถให้หมดทั้งคันอย่างมองข้ามความปลอดภัยนะ ขาของเบาะรถหนึ่งเบาะจะมี 4 ขาเป็นโลหะค่อนข้างคม เมื่อถอดน็อตออกจากขาเบาะแล้วควรใช้เศษผ้าเศษหนังหรือเศษพรมห่อหุ้มขาเบาะทุกๆ ขาเสียก่อนแล้วรัดด้วยหนังยางเพื่อป้องกันไม่ให้ขาเบาะขูดขีดประตูรถ
(2) แกะถอดพรมที่ปูพื้นรถออกให้หมดทั้งคัน และดูดฝุ่นทำความสะอาดพื้นรถดังกล่าวจุดระเบิดเครื่องยนต์ แล้วปิดระบบเครื่องเสียงให้ทำงานตลอดเวลาเปิดไฟสูงของรถทิ้งไว้
(3) ใช้ T.V. สี ที่จอภาพมีปืนอิเลคตอนจะใช้จอกี่นิ้วก็ได้เปิดเครื่อง T.V. สี ให้ทำงานแล้วคว้ำหน้าจอกับพื้นรถยนต์เบาๆค่อยๆ ยกประคองเครื่องเคลื่อนที่ไปมาเดินหน้าถอยหลังเลื่อนไปซ้ายยายไปขวา ไม่ต้องให้หน้าจอแตะกับพื้นรถถ้าตรงที่ใดมีสนามแม่เหล็กมาก ๆก็จะพลว่าหน้าจอ T.V. สี ของท่านจะเกิดสีม่วงสีครามสีซ้ำเลือดชำหนองเลอะเทอะไปหมด ล้าท่านต้องการจะล้างสีให้มันสะอาดตามเดิม ก็ใช้แม่เหล็กของลำโพงมาล้างก็ได้ หรือใช้หัวแร้งปืนที่ช่างสมัยโบราณเขานิยมใช้แม่เหล็กของลำโพงมาล้างก็ได้ หรือใช้หัวแร้งปืนที่ช่างสมัยโบราณเขานิยมชักรีดนั่นก็ได้เอามาเสียบปลั๊ก และกรดสวิทซ์แช่ค้างไว้ คือด้านข้างของหัวแร้งที่เห็นลวดทอแดงใหญ่ๆ เคลื่อนตัวไปมาบริเวณหน้าจอ T.V.ไล่ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสีช้ำเลือดช้ำหนองหายไป การติดตั้งเครื่องเสียในรถยนต์ ถ้าช่างติดตั่งที่มีอายุงานมากหน่อยอาจสังเกตุพลว่าบางครั้งการที่เราขยับสายนำสัญญาณเปลี่ยนตำแหน่งเคลื่อนที่เพียง 2-3 นิ้ว ก็ทำให้เสียงรบกวน เสียงวี๊ด เปลี่ยนความถี่ตามรอบเครื่องทันทีบริเวณที่สายนำสัญญาณเดินทางผ่านแล้วไม่กิดปัญหาเสียงรบกวนมากนัก คือ บริเวณกิ่งกลางเบาะของคนขับ และบริเวณกึ่งกลางเบาะซ้ายของคนนั่งข้างๆ กึ่งกลางเบาะที่ว่านี้หมายความว่าถ้าท่านเดินสายนำสัญญาณไว้ใต้พรมก็จริงเถอะ แต่สายต้องอยู่ใต้หว่างขา (ตรงจุดผ่านหมากของชายชาตรีว่างั้นเหอะ) แต่ถ้ารถบางรุ่นบางคันมีชุมทางไฟฟ้าอยู่เราก็เคลื่อนย้ายสายหลบหลีกได้ อ้อ! มีอีกเรื่องหนึ่งขอทีเหอะพ่อคุณทูนหัว กรุณาอย่าใช้สายรีโมทผิดประเภทการใช้สายรีโมทท่านต้องเดินสายขึ้นมาใหม่ จากฟร้อนท์ไปยังอุปกรณ์ร่วมอื่นๆ และก็ไม่ควรให้สายริโมทเดินทางใกล้สายนำสัญญาณ เพราะสายรีโมทมีกระแสไฟฟ้าสูง สายรีโมทอยู่ใกล้สายแบตเตอรี่บวกไม่เป็นอะไร สายรีโมทอยู่ใกล้สายลำโพงไม่เป็นอะไร เพราะทั้งสายแบตเตอรี่ และสายสำโพงมีกระแสๆไฟฟ้าอยู่ในตัวเองแล้ว ในเมื่อเจ้าสายนำสัญญาณมันมีหน้าที่นพาสัญญาณต่ำ แล้วพระเดชพระคุณท่านจะเอาสายฯ กราวด์สัญญาณเสริมให้เป็นสายรีโมทได้ยังงัย! เจ้าสายเส้นเล็กๆ ที่ตีเกลียวเดินขนาบตรงกลางระหว่างสายสัญญาณ ซีกซ้าย ซีกขวา นั่นน่ะมันไม่ใช่สายรีโมทนะโยม! มันคือสารกราวด์เสริมระหว่างตัวถัหรือตัวบอดี้ของอุปกรณ์ (ดูภาพประกอบ) เช่นบัดกรีสายเส้นนี้เข้ากับหางปลาแล้วขันน็อตยึดลงกับตัวถังระหว่างฟร้อนท์กับอีเลคโทรนิคครอส หรือระหว่างอีเลคโทรนิคครอสกับเพาเวอร์แอมป์ตามลำดับที่นี้มาว่ากันถึงเรื่องการนำผ้าห่ม หรือเศษพรมมาห่อหุ้มสายนำสัญญาณซึ่งบางร้านนิยมใช้กันบางร้านไม่นิยม ใช้บางท่านว่ามันไร้สาระเสียเวลาสิ้นดี ?มันไม่ไร้สาระนะคุณผู้ชาย? การใช้ผ้าห่มห่อหุ้มสายแม้นมันตะต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นจนน่ารำคาญ
แต่ทราบมั้ยว่ามันมีประโยชน์ถึง 3 ประการที่เดียว
(1) บางครั้งนะ บางครั้งเราวางสายนำสัญญาณราบกับพื้นรถจะพบว่ามีเสียงวี๊ดตามรอบเครื่องครั้นเรายากสายฯ ให้สูงขั้นมาเพียง 1-2 มิล กลับพบว่ามีเสียงวี๊ดหายไป ฉะนั้นการใช้วัสดุห่อหุ้มสายฯ ทำให้มันมีสภาพหนีพ้นจากพื้นรถได้ระดับหนึ่ง
(2) การที่ห่อหุ้มสายฯ ไว้เป็นแรมปี สายฯ ก็ยังดูใหม่ และสดอยู่เสมอ เวลามีการย้ายรื้อออกไปใช้คันอื่นๆ เราก็แกะผ้าห่มเก่าทิ้งไปแล้วห่อหุ้มขั้นใหม่อีกครั้ง ก็เป็นเหตุผลพอที่จะไม่ทำให้ ?สายมือสอง? นำความเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปสู่เบาะหรือพรมของรถคันที่จะติดตั้ง่ต่อไป
(3) มันเป็นเสหน่ห์อย่างแรงที่ลูกค้าเจ้าของรถอยู่หน้าหน้าร้านกันแทบจะทั้งสิ้น แล้วท่านจะว่า ?มันไร้สาระได้ยังงั้ย? อย่าลืมนะครับ ?สุภาพชน? ไม่ขับรถเปิดเครื่องดังๆ ป้วนเปี้ยนไปป่วนร้านอื่นๆซึ่งทำอาชีพเดียวกันพบกันใหม่ฉบับหน้าขอจบดื้อๆเพียงหน้าพบกันใหม่ ขอจบ ดื้อๆ เพียงเท่านี้

 อ่านหนังสือ อ่านหนังสือ
บันทึกการเข้า
ajmoo
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #19 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2009 07:17:44 »

ถ้าแก้ตามทุกท่านแล้วยังไม่หายแนะนำว่าให้ลองเข้าร้านแล้วให้ลองเอา Amp รุ่นอื่น ๆ หรือว่ายี่ห้ออื่นมาลองผมเคยเจอว่า Amp กับวิทยุสัญญาณกวนกันเองครับ แต่ง่ายสุดคือเดินสายดินให้สั้นที่สุดและให้ใหญ่ ๆ หน่อย ลงตัวถังในจุดที่ใกล้ Amp ที่สุดครับ.
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2  »    ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!