ou ae110
|
|
« ตอบ #12880 เมื่อ: 09 มีนาคม 2013 18:27:17 » |
|
อิอิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Ae.ถึงจะเก่า. แต่ก็อึดนะคร๊าบ
|
|
|
Together
|
|
« ตอบ #12881 เมื่อ: 09 มีนาคม 2013 18:53:31 » |
|
อิอิ
ช่วงนี้แรงนะครับท่านอู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sa-tan
มือเก่าหัดแข่ง
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 138
เรื่องงานไม่สำคัญเพศสัมพันธ์ต้องมาก่อน
|
|
« ตอบ #12882 เมื่อ: 10 มีนาคม 2013 02:34:24 » |
|
แปดริ้วยังมีอยู่ไมคับ มีรวมพลไมคับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
tee^^_AE101
|
|
« ตอบ #12883 เมื่อ: 10 มีนาคม 2013 03:22:25 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
AE101..แปดริ้ว ___Tee^^___
|
|
|
Together
|
|
« ตอบ #12884 เมื่อ: 10 มีนาคม 2013 09:53:13 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
]-Indy-[
|
|
« ตอบ #12887 เมื่อ: 12 มีนาคม 2013 23:27:52 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"4A-FE"
"หน้าตาคล้ายคน รถยนต์ไม่มีขับ โทรศัพท์กล้องเสีย ข้อดีไม่มีเมีย ข้อเสียไม่มีตัง"
|
|
|
Together
|
|
« ตอบ #12888 เมื่อ: 17 มีนาคม 2013 21:22:09 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Together
|
|
« ตอบ #12889 เมื่อ: 18 มีนาคม 2013 21:37:54 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
4e-fte
|
|
« ตอบ #12891 เมื่อ: 22 มีนาคม 2013 13:34:30 » |
|
จะไปไหนกันคิดกันหน่อย เร็วๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Together
|
|
« ตอบ #12892 เมื่อ: 24 มีนาคม 2013 10:29:15 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Together
|
|
« ตอบ #12893 เมื่อ: 26 มีนาคม 2013 19:41:56 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAT<!!!>
|
|
« ตอบ #12894 เมื่อ: 27 มีนาคม 2013 05:43:28 » |
|
วันนี้หาข้อมูลดีๆๆ เรื่องน้ำมันเครื่องมาฝาก พี่ๆๆน้องๆๆชาวแปดริ้ว กันครับ ยาวหน่อยนะ ผมไม่อยากเเนะนำยี่ห้อ เเต่ขอให้หลีกเลี่ยง PTT, ZIC, Bangchak นะครับ ทั่วๆไปที่เป็น brand นำเข้าหรือ major brand พอคุยกันได้ครับ การเลือกใช้ น้ำมันหล่อลื่น มีสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา 2 อย่างครับ คือ 1. API 2. SAE
ค่า API เป็นเหมือนกับ standard specifications ถ้าตาม manual หรือการเเนะนำของศูนย์ Teana ของเรา ใช้เเค่ มาตรฐาน API SL ก็รองรับเเล้ว เเต่ ณ ปัจจุบัน ค่ามาตรฐาน API S(service) สำหรับกลุ่มการใช้งานเครื่องยนต์เบนซิน ไปสูงถึง API SN เเล้ว (ยิ่งหลังตัว S ไปไกลเท่าไหร่ยิ่งดีขึ้นในด้านต่างๆเท่านั้น SA, SB, SF, SG, SI, SJ, SL >> SM >>> SN ตามลำดับ) ซึ่งการเลือกมช้ที่ค่ามาตรฐานสูงจะดีกว่า เเละการจะ claim ได้ว่าน้ำมันหล่อลื่นเป็นมาตรฐานอะไรนั้น ต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพจาก ธพ หรือ กรมธุรกิจพลังงาน ซึ่งจะมีการกำหนดค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น viscosity (ค่าความหนืด) KVI (kinematic viscostity index หรือ ค่าดรรชนีความหนืด) TBN (total base number หรือ ความเป็นด่าง) รวมทั้งค่าสำคัญอื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง ซึ่งในการตั้งค่าเหล่านี้ API ต่างๆจะมีมาตรฐานของมันอยู่ (API เป็นของสหรัฐ ของเเต่ละช่วนของโลกจะมีมาตรฐานของตนเอง เพื่อยกระดับ คุณภาพ ในชั้นที่เทียบเคียงกันได้ เช่ร ILSAC, JASO เป็นต้น) เเนะนำนะครับ API ยิ่งสูงยิ่งดี API SM ถือว่าเป็นขั้นต้น API SN จะดีกว่าครับ (เเต่ไม่ได้จำเป็น เนื่องจาก SN พัฒนาขึ้น มากกว่า SM ในเรื่องของ energy preserv หรือ การอนุรักษ์พลังงาน ก็คือการช่วยในเรื่องประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้นนั่นเอง) เเต่ API ที่ claim เหมือนกัน ใช่ว่าจะทำงานได้เท่าเทียมกัน ผมเปรียบเทียบง่ายๆว่า ประเทศไทย เกรด 4 คือ เกิน 80% จากคะเเนนรวม เเต่ที่อเมริกา ป.โท จะได้ เกรด 4 หรือ A ต้องได้เกิน 93% ดังนั้น เกรด 4 เหมือนกัน เเต่ประสิทธิภาพคนละเรื่องครับ หรือ เทียบง่ายขึ้นไปอีก ก็ คนนี้สอบได้เกรด 4 วิชาสังคมที่ 82 คะเเนน อีกคน เป็น top ระดับชั้น 98 คะเเนน เเต่ก็จบที่เกรด 4 เหมือนกัน ฉันใดก็ฉันนั้น API มัน SM, SN เหมือนกัน เเต่มันมีหลายระดับ ซึ่งจะวัดกันได้ ที่คุณภาพจาก lab test ในผลิตภัณฑ์เเต่ละตัวนั่นเอง
ส่วนที่ 2 ที่ต้องคำนึงถึงคือ ค่า SAE มันคืออะไร มันคือ ค่าความหนืดเเบบเกรดรวม หรือ multigrade นั่นเอง อาจจะเคยเห็นตามเครื่องยนต์สำหรับอุปกรณ์ทางการเกษตร หรือ น้ำมันเครื่องของรถบรรทุกหนักเก่าๆ ที่เป็นน้ำมันเครื่องเกรดเดี่ยว ค่า SAE มักจะเป้น เบอร์ 40, 50 เป็นต้น ซึ่งน้ำมันเกรดเดี่ยว ไม่เหมาะกับการใช้งานเครื่องยนต์เบนซินอย่างเราครับ เกรดรวม คือ คำตอบที่เหมาะสม ซึ่งเกรดรวม มีอะไรบ้างล่ะ เเล้วเกรดรวมคืออะไร ผมจะมาช่วยเพื่อนๆเเนะนำทีละข้อละกันนะครับ น้ำมันเครื่องเกรดรวม หรือ multigrade engine oil คือ น้ำมันเครื่องที่ถูกออกเเบบมาให้ความหนืดสามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสม ในอุณหภูมิการทำงานของห้องเครื่องยนต์ ที่มีการเปลี่ยนเเปลงเมื่อมีการขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นรอบเดินสูง หรือ รอบเดินเบา ซึ่ง ค่า SAE ที่เป็นเกรดรวมนั้น จะมีหน้าตาประมาณนี้ ..W-... 0W-20, 0W-30, 0W-40 5W-20, 5W-30, 5W-40, 5W-50 10W-25, 10W-30, 10W-30, 10W-40, 10W-50 15W-30, 15W-40, 15W-50 20W-40, 20W-50 นี่เป็นเเค่ยกตัวอย่างนะครับ อาจจะมีมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานที่หลากหลาย เเละความพยายามทางการตลาดของบริษัทน้ำมันหล่อลื่น ตัวเลขชุดหน้า คือ ค่าความหนืดที่อุณหภูมิต่ำถึงต่ำมาก ซึ่งมี W กำกับ ย่อมาจาก winter เพราะ ค่า SAE กำหนดใช้ทั่วโลก เเละประเทศในเเถบตะวันตก มีอากาศหนาวเย็น ไปมากกว่าติดลบ ค่าชุดเเรกของ SAE จึงเป็นค่าความหนืดที่อุณหภูมิต่ำมากๆ อาจจะมีผลในประเทศเราเเค่ตอนเริ่ม start ครั้งเเรกในเเต่ละวันเท่านั้น เพราะ อุณหภูมิทั่วไปในประเทศเรา ไม่เคยมีหนาวจัดจนต้องไปคำนึงถึงอยู่เเล้วครับ ค่าที่สำคัญจริงๆ คือ ตัวเลขชุดหลัง ตัวเลขชุดหลัง คือ ค่าความหนืดในการทำงานขจองห้องครื่องที่อุณหภูมิสูง ควรเลือกใช้อย่างเหมาะสม สำคัญมากๆนะครับ รถใหม่ๆ ทุกยี่ห้อ on spec ที่เบอร์ 30, 40 ครับ ไม่ควรเลือกใช้เกินนี้ ถ้าคุณชอบหนืดน้อยๆ ก็เลือกเบอร์ 30 สมดุลย์หน่อย ตีนหนักบ้างก็ควรจะเบอร์ 40 จะเป็น 0W-30, 0W-40, 5W-30, 5W-40 เเทบไม่ต่างกันครับ อยู่ที่ความรู้สึกในการใช้งานมากกว่า ตัวเลขชุดความหนืดนี้ ยิ่งมากเเสดงว่ายิ่งหนืดมาก เเต่มันก็มีดีมีเสียต่างกัน เมื่อคุณเลือกน้ำมันค่าความหนืดต่ำ ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดการสูญหายของน้ำมันหล่อลื่นหรือกินน้ำมันเครื่องได้ อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดการสึกหรอได้มากกว่า เพราะ ฟิล์มน้ำมันของคุณมันบางเพราะ คุณเลือกใช้ไม่เหมาะสม ในขณะเดียวกัน ถ้าคุณใช้น้ำมันเบอร์ที่มีความหนืดมากไป สิ่งที่จะตามมา คือ เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มที่ ตื้อๆ อั้นๆ เเละเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอีกตะหาก
ถ้าเครื่องยนต์คุณยังใหม่ นังฟิตปั๋งพูดกันเข้าใจง่ายๆ วิ่งยังไม่ถึง 50,000 น้ำมันเบอร์ที่คุณควรเลือกใช้ หรือ 0W-30, 0W-40, 5W-30, 5W-40 ใน range นี้ เเต่ถ้าคุณเริ่มมีการสึกหรอในเครื่องยนต์ เริ่มวิ่งมาเยอะๆ สิ่งที่คุณควรเลือกใช้ ก็ควรจะเป็น เบอร์ 10W-40, 5W-50, 10W-50 เป็นต้น ยิ่งหากในกรณีที่คุณใช้ พลังงานทางเลือก อย่าง CNG/LPG หรือ NGV คุณควรเลือกใช้น้ำมันที่มีความหนืดสูงขึ้น เช่น เบอร์ 50 ขึ้นไป สิ่งที่มีความสำคัญจริงๆ คือ ค่า VI หรือ ดรรชนีความหนืด ซึ่งส่งผลเวลาคุณขับรถจริงๆ เพราะ น้ำมันเป็นสสารทั่วไป เมื่ออยู่ในที่อุณหภูมิสูง มันก็จะเปลี่ยนเเปลงตัวเองในระดับโมเลกุล มันอาจจะเหลว อาจจะข้น เเตกต่างกันออกไป เเต่น้ำมันที่คุณภาพที่ดี มันควรจะเปลี่ยนเเปลงตัวเองน้อยที่สุด หรือ มีความเสถียรในการคงสภาพโมเลกุลสูงที่สุด ค่า VI ยิ่งสูง น้ำมันยิ่งดี ค่า VI ที่ดีสำหรับน้ำมันเครื่องกลุ่มสังเคราะห์เเท้ 100% ควรจะสูงกว่า 170 ขึ้นไป ซึ่งในส่วนนี้ ไม่สามารถอ่านค่าได้จากอะไรเลย ยกเว้นผ่าน lab test หรือ ขอดูเอกสาร data sheet ของน้ำมันหล่อลื่นตัวนั้นๆ จะมีค่า VI กำกับบอกด้วยเสมอ
อย่าลืมนะครับ ไม่ใช่ว่าต้องเลือกยี่ห้อ เเต่เเนะนำว่าให้เลือกตามความเหมาะสมในการใช้งาน เเละควรใช้น้ำมันเครื่องสะงเคราะห็เเท้ 100% หรือ fully synthetic นะครับ เพื่อการปกป้องรถยนต์ที่คุณรักสูงที่สุด ให้การเร่งเครื่อง หล่อลื่น ตอบสนองเต็มสมรรถนะ เเละยืดระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายได้อย่างยาวนาน (จริงๆ มากกว่า 20,000 km ครับ เเต่ต้องเปลี่ยนไส้กรองนะครับ) เเละควรระมัดระวัง คำว่า synthetic blend หรือ synthetic technology อะไรพวกนี้นะครับ พวกนี้ไม่ใช่ สังเคราะห์เเท้ 100% ส่วนมากจะเป็น มีน้ำมัน group 3 (ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ผสม เเต่ไม่ใช่ 100%) ถ้าจะให้ดี ต้องเลือกน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ที่เป็น polymer base ในกลุ่มของ polyalpha olefins ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์กลุ่มน้ำมันจากพืช ซึ่งมีค่า VI ที่สูงมาก (>185) ซึ่งจะให้คุณภาพที่ดีที่สุดในกลุ่มของน้ำมันหล่อลื่น ยิ่งถ้าเปรียบเทียบกับ น้ำมันเครื่องธรรมดาเเล้วนั้น ยิ่งไม่ต้องคุยกันครับ
ปล. มาทิ้งท้ายไว้อีกนิดว่า ไอน้ำมันเครื่องทั้งหลายของ PTT เช่น สำหรับ hybrid หรือ สำหรับ LPG/NGV มันไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยครับ เเค่เป็นเรื่องของการทำการตลาด ให้เข้ากับ target ที่มีมากขึ้นเท่านั้น ส่วนผสม ภายในยังคงเป็นอะไรที่เดิมๆ เบอร์เดิมๆ ค่าเดิมๆ ดังนั้น อย่าเป็นเหยื่อของการตลาดอย่างพวกผมนะครับ
ยาวไปนิด เเต่ได้ความรู้จริงๆนะครับ ลองอ่านกันดูครับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกท่าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
PU TOYOTA AE92
|
|
« ตอบ #12895 เมื่อ: 27 มีนาคม 2013 14:42:58 » |
|
วันนี้หาข้อมูลดีๆๆ เรื่องน้ำมันเครื่องมาฝาก พี่ๆๆน้องๆๆชาวแปดริ้ว กันครับ ยาวหน่อยนะ ผมไม่อยากเเนะนำยี่ห้อ เเต่ขอให้หลีกเลี่ยง PTT, ZIC, Bangchak นะครับ ทั่วๆไปที่เป็น brand นำเข้าหรือ major brand พอคุยกันได้ครับ การเลือกใช้ น้ำมันหล่อลื่น มีสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา 2 อย่างครับ คือ 1. API 2. SAE
ค่า API เป็นเหมือนกับ standard specifications ถ้าตาม manual หรือการเเนะนำของศูนย์ Teana ของเรา ใช้เเค่ มาตรฐาน API SL ก็รองรับเเล้ว เเต่ ณ ปัจจุบัน ค่ามาตรฐาน API S(service) สำหรับกลุ่มการใช้งานเครื่องยนต์เบนซิน ไปสูงถึง API SN เเล้ว (ยิ่งหลังตัว S ไปไกลเท่าไหร่ยิ่งดีขึ้นในด้านต่างๆเท่านั้น SA, SB, SF, SG, SI, SJ, SL >> SM >>> SN ตามลำดับ) ซึ่งการเลือกมช้ที่ค่ามาตรฐานสูงจะดีกว่า เเละการจะ claim ได้ว่าน้ำมันหล่อลื่นเป็นมาตรฐานอะไรนั้น ต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพจาก ธพ หรือ กรมธุรกิจพลังงาน ซึ่งจะมีการกำหนดค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น viscosity (ค่าความหนืด) KVI (kinematic viscostity index หรือ ค่าดรรชนีความหนืด) TBN (total base number หรือ ความเป็นด่าง) รวมทั้งค่าสำคัญอื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง ซึ่งในการตั้งค่าเหล่านี้ API ต่างๆจะมีมาตรฐานของมันอยู่ (API เป็นของสหรัฐ ของเเต่ละช่วนของโลกจะมีมาตรฐานของตนเอง เพื่อยกระดับ คุณภาพ ในชั้นที่เทียบเคียงกันได้ เช่ร ILSAC, JASO เป็นต้น) เเนะนำนะครับ API ยิ่งสูงยิ่งดี API SM ถือว่าเป็นขั้นต้น API SN จะดีกว่าครับ (เเต่ไม่ได้จำเป็น เนื่องจาก SN พัฒนาขึ้น มากกว่า SM ในเรื่องของ energy preserv หรือ การอนุรักษ์พลังงาน ก็คือการช่วยในเรื่องประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้นนั่นเอง) เเต่ API ที่ claim เหมือนกัน ใช่ว่าจะทำงานได้เท่าเทียมกัน ผมเปรียบเทียบง่ายๆว่า ประเทศไทย เกรด 4 คือ เกิน 80% จากคะเเนนรวม เเต่ที่อเมริกา ป.โท จะได้ เกรด 4 หรือ A ต้องได้เกิน 93% ดังนั้น เกรด 4 เหมือนกัน เเต่ประสิทธิภาพคนละเรื่องครับ หรือ เทียบง่ายขึ้นไปอีก ก็ คนนี้สอบได้เกรด 4 วิชาสังคมที่ 82 คะเเนน อีกคน เป็น top ระดับชั้น 98 คะเเนน เเต่ก็จบที่เกรด 4 เหมือนกัน ฉันใดก็ฉันนั้น API มัน SM, SN เหมือนกัน เเต่มันมีหลายระดับ ซึ่งจะวัดกันได้ ที่คุณภาพจาก lab test ในผลิตภัณฑ์เเต่ละตัวนั่นเอง
ส่วนที่ 2 ที่ต้องคำนึงถึงคือ ค่า SAE มันคืออะไร มันคือ ค่าความหนืดเเบบเกรดรวม หรือ multigrade นั่นเอง อาจจะเคยเห็นตามเครื่องยนต์สำหรับอุปกรณ์ทางการเกษตร หรือ น้ำมันเครื่องของรถบรรทุกหนักเก่าๆ ที่เป็นน้ำมันเครื่องเกรดเดี่ยว ค่า SAE มักจะเป้น เบอร์ 40, 50 เป็นต้น ซึ่งน้ำมันเกรดเดี่ยว ไม่เหมาะกับการใช้งานเครื่องยนต์เบนซินอย่างเราครับ เกรดรวม คือ คำตอบที่เหมาะสม ซึ่งเกรดรวม มีอะไรบ้างล่ะ เเล้วเกรดรวมคืออะไร ผมจะมาช่วยเพื่อนๆเเนะนำทีละข้อละกันนะครับ น้ำมันเครื่องเกรดรวม หรือ multigrade engine oil คือ น้ำมันเครื่องที่ถูกออกเเบบมาให้ความหนืดสามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสม ในอุณหภูมิการทำงานของห้องเครื่องยนต์ ที่มีการเปลี่ยนเเปลงเมื่อมีการขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นรอบเดินสูง หรือ รอบเดินเบา ซึ่ง ค่า SAE ที่เป็นเกรดรวมนั้น จะมีหน้าตาประมาณนี้ ..W-... 0W-20, 0W-30, 0W-40 5W-20, 5W-30, 5W-40, 5W-50 10W-25, 10W-30, 10W-30, 10W-40, 10W-50 15W-30, 15W-40, 15W-50 20W-40, 20W-50 นี่เป็นเเค่ยกตัวอย่างนะครับ อาจจะมีมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานที่หลากหลาย เเละความพยายามทางการตลาดของบริษัทน้ำมันหล่อลื่น ตัวเลขชุดหน้า คือ ค่าความหนืดที่อุณหภูมิต่ำถึงต่ำมาก ซึ่งมี W กำกับ ย่อมาจาก winter เพราะ ค่า SAE กำหนดใช้ทั่วโลก เเละประเทศในเเถบตะวันตก มีอากาศหนาวเย็น ไปมากกว่าติดลบ ค่าชุดเเรกของ SAE จึงเป็นค่าความหนืดที่อุณหภูมิต่ำมากๆ อาจจะมีผลในประเทศเราเเค่ตอนเริ่ม start ครั้งเเรกในเเต่ละวันเท่านั้น เพราะ อุณหภูมิทั่วไปในประเทศเรา ไม่เคยมีหนาวจัดจนต้องไปคำนึงถึงอยู่เเล้วครับ ค่าที่สำคัญจริงๆ คือ ตัวเลขชุดหลัง ตัวเลขชุดหลัง คือ ค่าความหนืดในการทำงานขจองห้องครื่องที่อุณหภูมิสูง ควรเลือกใช้อย่างเหมาะสม สำคัญมากๆนะครับ รถใหม่ๆ ทุกยี่ห้อ on spec ที่เบอร์ 30, 40 ครับ ไม่ควรเลือกใช้เกินนี้ ถ้าคุณชอบหนืดน้อยๆ ก็เลือกเบอร์ 30 สมดุลย์หน่อย ตีนหนักบ้างก็ควรจะเบอร์ 40 จะเป็น 0W-30, 0W-40, 5W-30, 5W-40 เเทบไม่ต่างกันครับ อยู่ที่ความรู้สึกในการใช้งานมากกว่า ตัวเลขชุดความหนืดนี้ ยิ่งมากเเสดงว่ายิ่งหนืดมาก เเต่มันก็มีดีมีเสียต่างกัน เมื่อคุณเลือกน้ำมันค่าความหนืดต่ำ ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดการสูญหายของน้ำมันหล่อลื่นหรือกินน้ำมันเครื่องได้ อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดการสึกหรอได้มากกว่า เพราะ ฟิล์มน้ำมันของคุณมันบางเพราะ คุณเลือกใช้ไม่เหมาะสม ในขณะเดียวกัน ถ้าคุณใช้น้ำมันเบอร์ที่มีความหนืดมากไป สิ่งที่จะตามมา คือ เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มที่ ตื้อๆ อั้นๆ เเละเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอีกตะหาก
ถ้าเครื่องยนต์คุณยังใหม่ นังฟิตปั๋งพูดกันเข้าใจง่ายๆ วิ่งยังไม่ถึง 50,000 น้ำมันเบอร์ที่คุณควรเลือกใช้ หรือ 0W-30, 0W-40, 5W-30, 5W-40 ใน range นี้ เเต่ถ้าคุณเริ่มมีการสึกหรอในเครื่องยนต์ เริ่มวิ่งมาเยอะๆ สิ่งที่คุณควรเลือกใช้ ก็ควรจะเป็น เบอร์ 10W-40, 5W-50, 10W-50 เป็นต้น ยิ่งหากในกรณีที่คุณใช้ พลังงานทางเลือก อย่าง CNG/LPG หรือ NGV คุณควรเลือกใช้น้ำมันที่มีความหนืดสูงขึ้น เช่น เบอร์ 50 ขึ้นไป สิ่งที่มีความสำคัญจริงๆ คือ ค่า VI หรือ ดรรชนีความหนืด ซึ่งส่งผลเวลาคุณขับรถจริงๆ เพราะ น้ำมันเป็นสสารทั่วไป เมื่ออยู่ในที่อุณหภูมิสูง มันก็จะเปลี่ยนเเปลงตัวเองในระดับโมเลกุล มันอาจจะเหลว อาจจะข้น เเตกต่างกันออกไป เเต่น้ำมันที่คุณภาพที่ดี มันควรจะเปลี่ยนเเปลงตัวเองน้อยที่สุด หรือ มีความเสถียรในการคงสภาพโมเลกุลสูงที่สุด ค่า VI ยิ่งสูง น้ำมันยิ่งดี ค่า VI ที่ดีสำหรับน้ำมันเครื่องกลุ่มสังเคราะห์เเท้ 100% ควรจะสูงกว่า 170 ขึ้นไป ซึ่งในส่วนนี้ ไม่สามารถอ่านค่าได้จากอะไรเลย ยกเว้นผ่าน lab test หรือ ขอดูเอกสาร data sheet ของน้ำมันหล่อลื่นตัวนั้นๆ จะมีค่า VI กำกับบอกด้วยเสมอ
อย่าลืมนะครับ ไม่ใช่ว่าต้องเลือกยี่ห้อ เเต่เเนะนำว่าให้เลือกตามความเหมาะสมในการใช้งาน เเละควรใช้น้ำมันเครื่องสะงเคราะห็เเท้ 100% หรือ fully synthetic นะครับ เพื่อการปกป้องรถยนต์ที่คุณรักสูงที่สุด ให้การเร่งเครื่อง หล่อลื่น ตอบสนองเต็มสมรรถนะ เเละยืดระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายได้อย่างยาวนาน (จริงๆ มากกว่า 20,000 km ครับ เเต่ต้องเปลี่ยนไส้กรองนะครับ) เเละควรระมัดระวัง คำว่า synthetic blend หรือ synthetic technology อะไรพวกนี้นะครับ พวกนี้ไม่ใช่ สังเคราะห์เเท้ 100% ส่วนมากจะเป็น มีน้ำมัน group 3 (ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ผสม เเต่ไม่ใช่ 100%) ถ้าจะให้ดี ต้องเลือกน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ที่เป็น polymer base ในกลุ่มของ polyalpha olefins ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์กลุ่มน้ำมันจากพืช ซึ่งมีค่า VI ที่สูงมาก (>185) ซึ่งจะให้คุณภาพที่ดีที่สุดในกลุ่มของน้ำมันหล่อลื่น ยิ่งถ้าเปรียบเทียบกับ น้ำมันเครื่องธรรมดาเเล้วนั้น ยิ่งไม่ต้องคุยกันครับ
ปล. มาทิ้งท้ายไว้อีกนิดว่า ไอน้ำมันเครื่องทั้งหลายของ PTT เช่น สำหรับ hybrid หรือ สำหรับ LPG/NGV มันไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยครับ เเค่เป็นเรื่องของการทำการตลาด ให้เข้ากับ target ที่มีมากขึ้นเท่านั้น ส่วนผสม ภายในยังคงเป็นอะไรที่เดิมๆ เบอร์เดิมๆ ค่าเดิมๆ ดังนั้น อย่าเป็นเหยื่อของการตลาดอย่างพวกผมนะครับ
ยาวไปนิด เเต่ได้ความรู้จริงๆนะครับ ลองอ่านกันดูครับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกท่าน
สุดยอดครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ou ae110
|
|
« ตอบ #12896 เมื่อ: 29 มีนาคม 2013 11:41:11 » |
|
เดือนนา่. ครบรอบ 4 ปีเออี. จัดหนักกันไหม. อิอิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Ae.ถึงจะเก่า. แต่ก็อึดนะคร๊าบ
|
|
|
Together
|
|
« ตอบ #12897 เมื่อ: 29 มีนาคม 2013 22:09:51 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aunaook
มือใหม่หัดซิ่ง
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 70
DRIFT KING
|
|
« ตอบ #12898 เมื่อ: 02 เมษายน 2013 20:50:36 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|