เนื่องจากบริษัทของเจคือ TOA PAINT ซึ่งขายสียี่ห้อ TOA นั่นเอง
ได้จัดโครงการ"แต่งสี แต้มสรร เติมฝันให้น้อง" ทุกปีค่ะ (เจเป็น HEAD PROJECT เอง ^^)
ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 3 เระค่ะ สำหรับโรงการแรกเราจะไปที่ "วัดโบสถ์วรดิษฐ์" ที่อ.ป่าโมก อ่างทองค่ะ
ที่วัดนี้ เพื่อน ๆ สามารถไป Search จากเน๊ทได้นะคะ เพราะมีรีวิวเยอะมาก แต่เด๋วเจจะเล่าคร่าว ๆ ให้ฟังก่อนนะคะ ยาวหน่อยนะคะ แงแง วัดนี้ดูแลเด็กกำร้าถึง 400 ชีวิต อยู่ในวัยกำลังกิน กำลังโตและกำลังเรียนทั้งนั้น แต่ปรากฎว่าชีวิตขาดแคลนไปเสียทุกสิ่ง ทั้งอาหารที่จะกินให้ท้องอิ่มเหมือนเราๆ ยังยากนักหนา
มื้อๆ หนึ่งบางครั้งก็ต้องกินมาม่าผัดกับข้าวเปล่า และนมกล่อง เพราะของบริจาคมาอย่างนั้น รวมถึงเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และเครื่องเรียน สมุดปากกา ยังไม่นับรวมโอกาสทางการศึกษาและการรักษาพยาบาลในยามเจ็บไข้ได้ป่วย
"ของเหลือจากคนเมืองอันมีจะกิน เป็นสิ่งมีค่าเหลือหลายสำหรับเด็กที่ไม่เคยได้ใช้ "เงิน" แม้แต่บาทเดียว "คำพูดนี้กลั่นออกมาจากปากของ " พระครูวุฒิธรรมาทร" เจ้าอาวาสวัดโบสถ์วรดิตถ์
ในขณะที่ทุกคนเข้าวัดเพื่อทำบุญหรือหาที่พึ่งทางใจ แต่ ณ วัดป่าโมก วัดเล็กๆ ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ! กลับเป็นสถานที่ชุบเลี้ยงเด็กอีกหลายร้อยชีวิต
พวกเขาคิดว่า " วัด" คือบ้านที่ให้ชีวิตพวกเขาให้แหล่งพักพิงอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่คนไร้ญาติ ขาดคนเหลียวแล และคนจนเช่นพวกเขาจะได้รับ
หลวงพ่อพระครูวุฒิธรรมาทร เจ้าอาวาสวัดโบสถ์วรดิตถ์ เล่าถึงความเป็นมาของวัดว่า เมื่อประมาณ 30 ปี ที่แล้ว พวกทหารพรานนำเด็กกว่า 30 คนมาฝากให้ท่านเจ้าอาวาสรูปก่อนดูแล
ส่งเงินให้เดือนละ 500 บาทเด็กๆ ที่นำมาฝาก
ส่วนใหญ่เป็นเด็กกำพร้าเพราะพ่อแม่เป็นพวกคอมมิวนิวส์ หลังพ่อแม่ถูกฆ่า ถูกกวาดล้างก็มาขอพึ่งพาอาศัยใบบุญวัดเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด" ต่อมาชาวเขาทางภาคเหนือที่มีฐานะยากจนรู้เรื่องก็ส่งลูกๆ มาให้ทางวัดดูแลอีก เขาบอกว่าอย่างน้อยก็ยังดีกว่าอดตายอยู่บนเขา และก็มีมาอีกเรื่อยๆ เกือบทุกจังหวัด
จนถึงปัจจุบันก็กลายเป็นกว่า 400 คนแล้ว ก็ต้องดูแลกันไป จำชื่อได้บ้างไม่ได้บ้าง ดื้อบ้างซนบ้าง แต่อาตมาก็ดูแล ไม่ให้ทะเลาะกัน ถ้าทะเลาะกันจะไม่ถามเลยว่าใครผิดใครถูก
จะตีทั้งคู่ เด็กๆ เขาก็ซนตามประสาเด็กๆ" หลวงพ่อกล่าว พร้อมด้วยรอยยิ้ม! เล็กๆ ที่แฝงไว้ซึ่งความเมตตาต่อเด็กๆ
พร้อมกันนี้ท่านยังบอกอีกว่า ทางวัดก็มีโรงเรียนให้เด็กๆ ได้เรียนหนังสือ เป็นโรงเรียนประจำแต่ก็เป็นไปตามอัตภาพที่จะทำได้ มีตั้งแต่ชั้นระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6
แต่เด็กเป็นร้อยคนดูแลเด็กก็ต้องไปบิณฑบาตข้าวของเครื่องเรียนต่างๆ เพื่อนำมาให้เด็กๆ เขาใช้ ส่วนครูที่สอนหนังสืออยู่ที่นี่ก็เป็นระบบกึ่งข้าราชการ มีเงินเดือนมีสวัสดิการให้จากภาครัฐ
แต่เงินเดือนจะไม่ขึ้น ที่เขาเสียสละมาอยู่กับเด็กๆ ก็เพราะรัก
"
ทุกวันนี้หลวงพ่อไม่เคยมีปัญหาอะไร มีแต่ทุกข์ ขนาดเป็นพระก็ยังมีทุกข์ ทุกข์ที่ว่ากลัวจะมีไม่พอเลี้ยงเขา จะอยู่กันไปตลอดได้อย่างไร บางคนเรียนจบก็กลับมาช่วย บางคนก็ไม่กล้ามา เขาคงละอายใจตัวเองที่ยังช่วยวัดไม่ได้ เพราะในแต่ละเดือนภาระค่าใช้จ่ายของทางวัด เฉพาะค่าไฟก็ไม่น้อยไปกว่า 3 หมื่นบาท รายได้ก็มาจากการบริจาค ส่วนใหญ่ก็ต้องไปขอบิณฑบาตเอาปัจจัยบ้าง และของที่บริจาคจะเป็นจำพวกข้าวสารอาหารแห้ง แต่บางทีข้าวสารไม่พอ วัดก็ไปขอหยิบยืมมาจากโรงสี พอมีผ้าป่ากฐินมา วัดก็เอาเงินไปใช้เขา ถ้าไม่มีหรือไม่พอเขาก็ไม่ทวงทางวัด ก็ถือว่าเป็นการทำบุญไป" หลวงพ่อ กล่าว ในขณะที่หลายคนเกิดมาบนกองเงินกองทอง เรียนบ้างเล่นบ้างตามประสา ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยตามสมัยนิยม แต่ในวัดเล็กๆ แห่งนี้ยังมีเด็กอีกหลายร้อยชีวิตที่ไม่เคยได้สัมผัส " เงิน" ที่กลายเป็นปัจจัยในการดำรงชีวิต หรือไม่มีเสื้อผ้าใหม่ๆ ดีๆ สวมใส่ " ของเก่ามันเก่าที่บ้าน แต่กับเด็กๆ ที่เขาไร้โอกาสมันก็เป็นของใหม่สำหรับเขา แต่ส่วนใหญ่เด็กๆ เค้าก็ดีใจ เราเคยบอกกับเด็กๆ ว่าถ้าไม่มีคนช่วยก็ต้องต่างคนต่างไป เพราะญาติโยมที่มาก็ไม่เยอะมาก แต่แค่เงินทำบุญหาได้เดือนชนเดือนก็พอใจแล้ว ไม่ได้หวังอะไรมาก ส่วนใหญ่คนที่มาบริจาคเค้ามาเอง มาแบบปากต่อปาก วัดไม่เคยออกไปโฆษณาทางไหน ของบริจาคอยากจะบริจาคเสื้อผ้า ของเล่น อะไรก็เอามาบริจาคได้ อาหารแห้ง ถ้าเหลือใช้ไม่รู้จะทิ้งที่ไหน ก็เอามาได้"เรียกได้ว่า ทุกคำพูด ทุกลมหายใจเข้าออกของหลวงพ่อพระครูวุฒิธรรมาทร จะคิดคำนึงถึงปากท้องของชีวิตน้อยๆ ที่ต้องเลี้ยงดูอยู่เสมอ
" การกินเป็นสิ่งสำคัญต้องมาก่อนอย่างอื่น เด็กๆ ต้องกินแล้วค่อยร่ำเรียน ยังไงก็ต้องให้เค้ามีกิน ถึงจะไม่ดีตาม แต่ก็ต้องได้กิน ทุกวันนี้กลัวอย่างเดียวคือวันข้างหน้าจะมีไม่พอให้เค้ากินเค้าใช้" หลวงพ่อ กล่าวความทุกข์ที่เป็นกังวลใจ พร้อมๆ กับฝากถึงคนที่มีโอกาสว่า " กว่าพ่อแม่จะเลี้ยงมาได้ กว่าจะเติบโตมาเป็นคนได้ มันสุดแสนจะยากลำบาก ยังมีชีวิตก็ยังมีโอกาส อย่าไปคิดสั้นชีวิตมันยังต้องต่อสู้กันต่อไป"
"
บางสิ่งบางอย่างคนที่มีเพียบพร้อมอาจจะมองเป็นเพียงแค่เศษขยะ เป็นของเหลือกินเหลือใช้ แต่ในทางตรงกันข้าม สิ่งของเหล่านั้นอาจจะช่วยประทังชีวิตเล็กๆ ให้อยู่ต่อข้ามพ้นไปในอีกวัน"เท่าที่คุยกับหลวงพ่อ สรุปได้ว่าของที่จำเป้นที่ต้องการในการบริจาคคือ1. ข้าวสาร (ที่วัดใช้ประมาณ 100กิโล/ 1 วันค่ัะ เยอะจริง ๆ)
2. เสื้อผ้าเด็กหญิงเด็กชาย
3. ของใช้ในชีวิตประจำวัน ผ้าอนามัย เพราะเด็กหญิงกำลังเข้าสู่วัยสาวราว 80 คนได้ ต้องใช้ทุกเดือน รวมไปถึงชุดชั้นใน
4. อาหารแห้งต่าง ๆ เช้นปลากระป๋อง เพราะสามารถเอาไปทำอะไรได้หลายอย่าง
เจเลยอยากจะชวนพี่น้อง AE ทุกโซนที่ว่าง
ไปร่วมทำบุญกันค่ะ ไปทำบุญด้วยแรงก้อได้ค่ะ
คือเจจะมีอุปกรณ์ทาสี+สีให้ทุกอย่าง ก้อไปช่วยกันทาสีโรงเรียน
หรือจะร่วมเลี้ยงอาหารกลางวันด้วยกันก้อได้ค่ะ
หรือมีอะไรที่จะบริจาคก้อสามารถบริจาคได้เลยค่ะ
เป็นเงินก้อได้ค่ะ หลวงพ่อจะได้นำปัจจัยไปจ้างครูหรือพี่เลี้ยงได้ค่ะ
กำหนดการณ์คร่าว ๆ ก้อจะเป็นวันเสาร์ค่ะ
น่าจะช่วงต้นเดือน กรกฎาคม ค่ะ (วัน-เวลา เจจะมาบอกอีกทีค่ะ ) ..
เจแวะมาชวนพี่ ๆ น้อง ๆ ค่ะ ทาง AE ถ้าคนไปเยอะ
อาจจะไปเล่นกิจกรรมหรือทำในนามคลับก้อได้ค่ะ
เพราะในวันดังหล่าวจะมีบริษัทอมรินทร์ บุ๊ค มาร่วมบริจาคหนังสือด้วยค่ะ
" ความสุขที่แท้จริงคือการให้...มากกว่าการรับ "