...แหล่งความรู้ชั้นเยี่ยมจากเว็บนี้ครับ
http://www.thaiautoserver.com/techreviews_view.php?id=9เอี๊ยดดดด...... โครม!!!.... เป็นเสียงที่คุ้นเคยกันดีว่าก่อนรถจะชนเรามักจะได้ยินเสียงอะไรทำนองนี้ ทำไมเอี๊ยดแล้วต้องต่อด้วยโครมล่ะ ก็เพราะว่าเมื่อเราเบรครถอย่างกระทันหัน เบรคจะจับล้ออย่างรวดเร็วและทำให้ล้อล๊อค เมื่อล้อล๊อคตาย หน้าสัมผัสยางจะสัมผัสกับถนนเพียงจุดเดียว และนั่นก็เป็นสาเหตุให้ประสิทธิภาพของการเกาะถนนลดลงมาก (จริงๆแล้วมันเรียกว่าลื่นไปเลยก็ไม่ผิดนักก็เลย เอี๊ยดดดด...) เมื่อเกินอาการลื่นแบบนี้ขึ้นนอกจากจะทำให้ระยะเบรคยาวขึ้นมากแล้ว รถยนต์ก็จะสูญเสียการเลียวด้วย แม้ว่าผู้ขับจะพยายามเลี้ยวหลบวัตถุที่กำลังจะชนแล้ว แต่รถจะยังเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดิมอยู่ดี นั้นเป็นสาเหตุของคำว่า โครมมม!!!
ในเมื่อตัวปัญหาของงานนี้ก็คืออาการล้อล๊อคตาย เราก็ต้องทำให้มันไม่ล๊อค และวิธีที่งายที่สุดก็คือ ผ่อนแรงเบรคที่จับล้อเอาไว้และเพิ่มแรงเบรคเข้าไปใหม่เพื่อให้ล้อหมุนอีกนิดซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนหน้าสัมผัสยางกับถนนเพื่อ เพิ่มแรงเสียดทานขึ้น ทำให้ล้อสามารถกลับมาเกาะถนนได้อีกครั้ง ทั้งนี้ขั้นตอนต่างๆที่ว่านี้ ทำงานด้วยความรวดเร็วมากๆ เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น จากหลักการดังกล่าวเป็นเหตุให้ต้องมีอุปกรณ์เพิ่มเติมจากเบรคในระบบเดิม
ระบบนี้มีอุปกรณ์เพิ่มขึ้นมาอีก 4 ตัว สำคัญๆ
1. ตัววัดความเร็วรถ ทำหน้าที่ตรวจจับว่าล้อมีอาการล๊อคหรือยังโดยอุปกรณ์ตัวนี้มักจะติดตั้งอยู่ตามล้อแต่ละล้อ
2. วาล์ว ทำหน้าที่ผ่อนแรงดันเบรคที่ล้อแต่ละข้าง
3. ปั๊ม ทำหน้าที่ปรับแรงดันกลับให้เบรค
4. ตัวควบคุม เป็นคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่คำนวนและควบคุมอุปกรณ์ทุกอย่างให้ทำงานกันอย่างสอดคล้องเป็นปี่เป็นขลุ่ย
ขับขี่ปลอดภัยขึ้นเพราะมีข้อดีหลักๆ 2 ข้อ
1. ระบบนี้สามารถทำให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้ในขณะที่เบรคอย่างกระทันหัน (เลี้ยวหลบได้)
2. สามารถหยุดรถได้ระยะทางสั้นลง (เทียบกับเมื่อล้อล๊อค)
อาการเบรคสะท้านเท้าเป็นเรื่องธรรมดา
อาการนี้จะเกิดขึ้นเป็นปกติขณะที่ ABS ทำงานเปิดปิดวาล์ว ผู้ขับก็เพียงแค่เหยียบเบรคให้เต็มแรงตามปกติต่อไป ไม่ต้องผ่อนเอง ระบบ ABS จะจัดการให้เองครับ