AE. Racing Club
17 เมษายน 2568 07:49:38 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [«5]  «  1 ... 4 5 [6] 7 8 9  »    ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: -:+*:ให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายสำหรับชาว AE:*+:-  (อ่าน 32988 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
HiMen
มือใหม่หัดซิ่ง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 52



ดูรายละเอียด
« ตอบ #100 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2552 22:20:58 »

แนะนำหน่อยครับ

พอดีผมทำงานแล้ว ถ้าอยากจะเรียนต่อด้านกฎหมาย เพื่อเป็นทนาย ควรไปเรียนที่ไหน มหาลัยไรดีครับ เอาแบบที่ไม่ต้องออกจากงานน่ะครับ



นิติศาสตร์รามคำแหงครับ ดีที่สุด ค่าใช้จ่ายน้อย (มาก)
ไม่เสียเวลาต้องไปเรียน (แต่บางวิชาจะต้องเข้าเรียนแต่ไม่มากครับ)  
ตำรา ข้อสอบเก่า มีขายเพียบ แถมมีการสอบซ่อมหลายหนด้วยทำให้ผ่านได้ง่ายขึ้น  
จบมาคุณภาพมากๆครับ  ลงเรียนไม่ต้องมากครับ แรก ๆ อาจต้องปรับตัวนิดหน่อยครับ
แต่วิชากฎหมายนั้น ยิ่งเป็นผู้ใหญ่มาก ๆ จะเรียนได้ดีครับ เพราะมันเป็นเรื่องของเหตุ และผลครับ
มีพี่ที่สอบผู้พิพากษาด้วยกัน แกเป็นผู้หญิง แกเป็นฃ่างตัดเสื้อมาก่อน มาเรียนกฎหมายตอนอายุ 45 ปีแต่เรียนสุโขทัยธรรมาธิราช
เรียน 4 ปีจบ เรียนเนติ 2 ปีจบ  ตอนนี้แกจบโทแล้ว กำลังสอบผู้พิพากษาอยู่ อายุไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับการเรียนกฎหมาย
ใครบอกแก่แล้วความจำไม่ดี ไม่ใฃ่นะครับ กฎหมายไม่ได้จำอย่างเดียวมันต้องเข้าใจด้วยซึ่งคนมีอายุผ่านประสบการณ์มากๆ อาจเจอเรื่องราวที่เรียน
ในชีวิตมาบ้างก็จะประยุกต์และมองเห็นภาพได้ง่าย เข้าใจหลักกำหมายได้ง่ายกว่าเด็กๆ ซึ่งประสบการณ์ยังน้อย   ผมสนันสนุนครับ สุ้ตายนพครับ ไม่เข้าใจ
หรือมีปัญหาเรื่องการเรียน การสอบก็มาปรึกษาในกระทู้นี้ได้ครับ ยินดีมาก ๆ ครับ

ขอบคุณมากครับ
บันทึกการเข้า
พณฯท่าน บรรหาร
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 973


พณฯท่าน


ดูรายละเอียด
« ตอบ #101 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2552 12:01:10 »

up หน่อยครับ
บันทึกการเข้า

KaNoP Osk
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 840


I LOVE AE@CURZE


ดูรายละเอียด
« ตอบ #102 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2552 14:00:12 »

ได้ความรู้มากมายเลย ขอบคุนคับ
บันทึกการเข้า
พณฯท่าน บรรหาร
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 973


พณฯท่าน


ดูรายละเอียด
« ตอบ #103 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2552 11:14:26 »

up หน่อยครับ
บันทึกการเข้า

พณฯท่าน บรรหาร
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 973


พณฯท่าน


ดูรายละเอียด
« ตอบ #104 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2552 08:49:29 »

ปรึกษาได้นะครับ
บันทึกการเข้า

Tonsuan
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,000



ดูรายละเอียด
« ตอบ #105 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2552 11:41:47 »

 
บันทึกการเข้า

จี่จี๋ รักในหลวง
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,892



ดูรายละเอียด
« ตอบ #106 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2552 14:54:32 »

ผมงงกับฝากระโปรงดำอะครับ
ถามขนส่ง เค้าบอกว่าถ้าไม่ได้ทำสีมา(ทำสีที่อู่) ไม่ต้องแจ้งเปลี่ยนสี
รถผมติดสติ๊กเกอร์ฝากระโปรงดำ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า สติ๊กเกอร์ถือเป็นอุปกรณ์ตกแต่ง ไม่ต้องแจ้งเปลี่ยนครับ
บันทึกการเข้า
พณฯท่าน บรรหาร
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 973


พณฯท่าน


ดูรายละเอียด
« ตอบ #107 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2552 10:15:36 »

ผมงงกับฝากระโปรงดำอะครับ
ถามขนส่ง เค้าบอกว่าถ้าไม่ได้ทำสีมา(ทำสีที่อู่) ไม่ต้องแจ้งเปลี่ยนสี
รถผมติดสติ๊กเกอร์ฝากระโปรงดำ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า สติ๊กเกอร์ถือเป็นอุปกรณ์ตกแต่ง ไม่ต้องแจ้งเปลี่ยนครับ


ผมก็เข้าใจแบบนั้น แต่เวลาโดนตำรวจจับ พี่แกคงไม่ฟังหลอกครับว่าทำสีหรือสติกเกอร์ แกคงปรับนะครับ (แน่นอนด้วยเพราะน้องโดนมาแล้ว) เพื่อความปลอดภัยของเงินในกระเป๋า ผมว่าไปแจ้งเปลี่ยนแปลงดีกว่าครับ แล้วถ้าขนส่งไม่รับแจ้งก็ขอรายละเอียดหรือข้อมูลมาไว้ เพื่อยืนยันพี่ตำรวจเวลาโดนเรียกนะครับ  แต่เรื่องสีรถ กฎหมายไม่ได้บอกว่าสีที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมต้องมีการทำสี หรือไม่ทำสี กฎหมายเขียนว่าหากมีการเปลี่ยนสีรถไม่ตรงกับเล่มทะเบียนที่แจ้งไว้ ต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงในเล่มทะเบียน โดยจะเขียนเพิ่มเติมลงไปว่า "สีเขียว + ฝากระโปรงสีดำ" เป็นต้น โดยเจตนารมณ์ของกฎหมายที่กำหนดเรื่องสีรถนั้นเพื่อบ่งบอกว่า รถทะเบียนนี้ สีอะไร ดังนั้นหากมีการเปลี่ยนสีไม่ว่าจะเป็นด้วยวิธีใด ก็ควรต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงเสมอ โดยการบ่งบอกลักษณะภายนอกว่าเป็นสีอะไร ไม่ได้คำนึงถึงว่าสีที่เปลี่ยนแปลงนั้น ทำสีหรือติดสติกเกอร์มากกว่า
บันทึกการเข้า

พณฯท่าน บรรหาร
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 973


พณฯท่าน


ดูรายละเอียด
« ตอบ #108 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2552 20:35:21 »

`อัพหน่อยครับ
บันทึกการเข้า

BOOK
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 322


ดูรายละเอียด
« ตอบ #109 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2552 22:52:13 »

คงต้องตีความว่า สีที่รถนั้นเกิดขึ้นจากการทำแบบถาวรหรือไม่ถาวรมากกว่า ถ้าเช่นนั้น ก็เอาสีน้ำมาทารถ แล้วแจ้งขนส่งก็คงได้ เพราะในขณะนั้นมันเป็นสีนั้น (สีน้ำ) ผมว่าคงต้องดูว่าสีนั้นเป็นแบบถาวรหรือไม่ ถ้าถาวรก็คงต้องแจ้ง ถ้าไม่ถาวรก็ไม่ต้องแจ้ง
อันนี้เป็นข้อคิดเห็น
บันทึกการเข้า
พณฯท่าน บรรหาร
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 973


พณฯท่าน


ดูรายละเอียด
« ตอบ #110 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2552 10:31:32 »

คงต้องตีความว่า สีที่รถนั้นเกิดขึ้นจากการทำแบบถาวรหรือไม่ถาวรมากกว่า ถ้าเช่นนั้น ก็เอาสีน้ำมาทารถ แล้วแจ้งขนส่งก็คงได้ เพราะในขณะนั้นมันเป็นสีนั้น (สีน้ำ) ผมว่าคงต้องดูว่าสีนั้นเป็นแบบถาวรหรือไม่ ถ้าถาวรก็คงต้องแจ้ง ถ้าไม่ถาวรก็ไม่ต้องแจ้ง
อันนี้เป็นข้อคิดเห็น


น่าจะเป้นเช่นนั้นครับ แต่ด่านเค้าจะจับปรับ(ไถ่)ก่อนจะอธิบายครับ กฎหมายกับความจริงบางทีก็สวนทางกันครับ ^^
บันทึกการเข้า

aod_ae
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #111 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2552 11:06:52 »

 
บันทึกการเข้า
Wijit
มือใหม่หัดขับ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 42



ดูรายละเอียด
« ตอบ #112 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2552 15:54:33 »

อยากสอบถามเรื่องให้ญาติกู้เงินแล้วจะฟ้องเอาเงินคืน จะโทรสอบถามได้หรือเปล่าครับ
บันทึกการเข้า
พณฯท่าน บรรหาร
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 973


พณฯท่าน


ดูรายละเอียด
« ตอบ #113 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2552 14:12:24 »

อยากสอบถามเรื่องให้ญาติกู้เงินแล้วจะฟ้องเอาเงินคืน จะโทรสอบถามได้หรือเปล่าครับ


ไม่ได้เข้ามาหลายวันครับ ขอโทษที่ตอบช้า    ไม่รับปรึกษาทางโทรศัพท์นะครับ ^^

เรื่องเงินกู้ยืม

หลักกฎหมายว่าไว้ "การกู้ยืมเงินกว่า 2,000 บาทถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อ"ผู้กู้"ท่านว่าจะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่"

ภาษาชาวบ้านคือ "ถ้ากู้ยืมเงินเกิน 2,000 บาทแล้วไม่มีหลักฐานลงลายมือชื่อผู้กู้ไว้จะฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ ดังนั้นถ้าให้ญาติยืมไปโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อของญาติคนนั้นไว้ ก็สามารถฟ้องร้องบังคับคดีได้ครับ

 แต่ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อก็ฟ้องร้องไม่ได้ แต่อาจหาอุบายที่สามารถทำให้มีหลักฐานเป็นหนังสือได้ เช่น

ลงมือทะเลาะวิวาทกับญาติคนนั้น แล้วไปแจ้งความกับตำรวจว่าเรื่องอะไร ที่ทะเลาะกันนั้น โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกลงในใบแจ้งความว่า "วิวาทกันเรื่องที่ได้มีการกู้ยืมเงินกันจำนวน .... แล้วได้รับเงินไปครบถ้วนแล้ว แต่ไม่ยอมชดใช้ เมื่อไปทวงจึงเกิดมีปากเสียง ทะเลาะวิวาท" จากนั้นให้ญาติลงชื่อในบันทึกประจำวัน

เท่านี้ก็จะได้หลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้กู้เป็นสำคัญแล้วครับ

ส่วนเรื่องการฟ้องร้องบังคับคดีนั้น มีขั้นตอนดังนี้
1.ส่งหนังสือทวงถามไปก่อนว่าจะจ่ายไหม ไม่จ่ายจะฟ้องนะ (ขั้นนี้ถ้าลูหนี้ขี้อายหน้าบาง จะจ่ายหรืออาจเข้ามาทำอะไรที่ดูเข้าท่าเช่นขอผ่อนชำระ)
2.หากไม่มีการคุยกันหรือจ่ายภายในกำหนดที่แจ้งในหนังสือทวงถามก็จะต้องฟ้องร้องต่อศาลครับ (ขั้นนี้ลูกหนี้อาจจะมาจ่ายกันที่ศาลโดยขอเข้าระบบไกล่เกลี่ยก่อนก็ได้ครับ)
3.หากไกล่เกี่ยไม่สำเร็จก็จะกำหนดวันนั้สืบพยานกันไปตามเรื่องครับ ซึ่งแน่นอนช้ามาก เพราะศาลนัดสืบพยานในคดีอื่น ๆ ไว้ก่อนหน้าคดีเราเยอะมาก (อาจข้ามปีหรือข้าม2ปี)
4.เมื่อสืบพยานเสร็จทั้ง 2 ฝ่ายศาลจะนัดฟังคำพิพากษาอีกครั้ง
5.พิพากษาแล้วฝ่ายใดไม่พอใจก็สามารถอุธรณ์คำพิพากษาได้อีกภายใน 1 เดือนนับแต่วันมีคำพิพากษา
ที่กล่าวมาก้ขั้นตอนคร่าว ๆ ของระบบศาลนะครับ มันยาวนานรอแทบไม่ไหว ทางที่ดีไปคุยกันดีกว่า ญาติกันควรคุยกันน่าจะดีกว่าฟ้องร้องนะครับ เสียเวลา เสียเงิน(ค่าทนาย) แถมเสียญาติด้วย

ยังไงก็ขอให้คุยกันก่อนนะครับดีที่สุด มีปัญหาอื่นตามค่อยมาปรึกษาใหม่ครับ

      
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 ตุลาคม 2553 08:35:48 โดย shadow » บันทึกการเข้า

Wijit
มือใหม่หัดขับ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 42



ดูรายละเอียด
« ตอบ #114 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2552 20:47:21 »

ขอบคุณมากครับที่ให้คำแนะนำ
บันทึกการเข้า
Tonsuan
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,000



ดูรายละเอียด
« ตอบ #115 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2552 08:06:45 »

 
บันทึกการเข้า

PANO
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 191


ดูรายละเอียด
« ตอบ #116 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2552 11:48:39 »

จะขอปรึกษานิดนึงครับ
ผมเพิ่งไปผ่าตัดมา เนื่องจากแพทย์วินิจฉัยว่ามีซีสในตับอ่อน แต่เมื่อแพทย์ลงมือผ่าไปแล้ว ปรากฏว่าไม่มีซีสในตับอ่อน (ผ่าฟรี เจ็บตัวฟรี เสียเงินฟรี) ผ่าตั้งแต่ลิ้นปี่ ลงไปถุงท้องน้อย คุณลองคิดดูกว่าผมจะฟื้นตัวได้ ทรมานจริงๆ
ตอนนี้เวลาผ่านไป 1 เดือนครึ่งแล้ว อาการดีขึ้นแต่ยังมีเจ็บบริเวณแผลอยู่

***หมอที่ตรวจผมอยู่ที่ รพ.หัวเฉียว แล้วรพ.หัวเฉียว ก็ส่งผมไปผ่าที่ รพ.พระมงกุฎ พอผ่าแล้วไม่พบก็ส่งตัวกลับ แต่หมอที่ รพ.หัวเฉียวก็ยังยืนยันว่ามีซีสอยู่เพราะหมออ้างอิงจากฟิล์มเอ็กสเรย์
สรุปผมจะเชื่อใครได้ แล้วผมจะสามารถเรียกร้องอะไรได้มั้ยครับ เพราะถ้าไม่มีซีสผมก็สบายใจ แต่ถ้ามันยังมีอยู่แล้วมันกลายเป็นมะเร็งแล้วชีวิตผมจะเป็นอย่างไร 
บันทึกการเข้า
พณฯท่าน บรรหาร
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 973


พณฯท่าน


ดูรายละเอียด
« ตอบ #117 เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 14:30:05 »

จะขอปรึกษานิดนึงครับ
ผมเพิ่งไปผ่าตัดมา เนื่องจากแพทย์วินิจฉัยว่ามีซีสในตับอ่อน แต่เมื่อแพทย์ลงมือผ่าไปแล้ว ปรากฏว่าไม่มีซีสในตับอ่อน (ผ่าฟรี เจ็บตัวฟรี เสียเงินฟรี) ผ่าตั้งแต่ลิ้นปี่ ลงไปถุงท้องน้อย คุณลองคิดดูกว่าผมจะฟื้นตัวได้ ทรมานจริงๆ
ตอนนี้เวลาผ่านไป 1 เดือนครึ่งแล้ว อาการดีขึ้นแต่ยังมีเจ็บบริเวณแผลอยู่

***หมอที่ตรวจผมอยู่ที่ รพ.หัวเฉียว แล้วรพ.หัวเฉียว ก็ส่งผมไปผ่าที่ รพ.พระมงกุฎ พอผ่าแล้วไม่พบก็ส่งตัวกลับ แต่หมอที่ รพ.หัวเฉียวก็ยังยืนยันว่ามีซีสอยู่เพราะหมออ้างอิงจากฟิล์มเอ็กสเรย์
สรุปผมจะเชื่อใครได้ แล้วผมจะสามารถเรียกร้องอะไรได้มั้ยครับ เพราะถ้าไม่มีซีสผมก็สบายใจ แต่ถ้ามันยังมีอยู่แล้วมันกลายเป็นมะเร็งแล้วชีวิตผมจะเป็นอย่างไร 


ขอโทษที่ตอบช้าครับ พอดีไปเที่ยวเสียหลายวัน   น่าเห็นใจครับ  เรื่องนี้มันจะอยู่ที่ว่า การวินิจฉัยของหมอ ผิดพลาดหรือไม่ครับ

เรื่องเรียกค่าเสียหายตามกฎหมายแพ่งมันจะไปเข้า 420 เรื่องละเมิด  หลักกฎหมาย มาตรา 420  ผู้ใด จงใจ หรือ ประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่น โดยผิดกฎหมาย ให้เขาเสียหาย ถึงแก่ชีวิต ก็ดี แก่ร่างกาย ก็ดี อนามัย ก็ดี เสรีภาพ ก็ดี ทรัพย์สิน หรือ สิทธิ อย่างหนึ่งอย่างใด ก็ดี ท่านว่า ผู้นั้น ทำละเมิด จำต้องใช้ ค่าสินไหมทดแทน เพื่อการนั้น


เมื่อมองจากตัวบทคือว่า   ถ้าหมอที่ทำการรักษา โดยวินิจฉัยผิดพลาด กล่าวคือ หากการผิดพลาดเกิดจากการประมาทของแพทย์ โดยไม่ดูให้ดีหรือไม่ทดสอบให้แน่ใจว่าเป็นซีสแน่นอนหรือไม่  แล้วทำการผ่าตัด ซึ่งข้อเท็จจริงอยู่ที่ว่า ที่แพทย์เค้าเห้นในฟีลม์เอ๊กเรย์นั้น แพทย์โดยทั่วไป เค้าก็คงมองตามหลักวิชาการว่าเป็นซีส อันนี้ก็ไม่เป็นความประมาท  แต่ถ้าวิธีทดสอบว่าเป็นซีสหรือไม่ โดยมีวิธีอื่นนอกจากดูจากฟีลม์ แล้วหมอคนนั้นไม่ทำการทดสอบอีกครั้งตามหลักวิชาการแพทย์โดยด่วนสรุป  อันนี้จะเข้าประมาทแน่นอนครับ   เรื่องขั้นตอนทางการแพทย์บางทีเราก้สืบยากครับ เพราะวิธีของแพทย์ ๆ เท่านั้นที่รู้ แต่เท่าทีรู้มา จะมีทีมทนายที่มีทีมแพทย์ ซึ่งเค้ารับคำคดีเกี่ยวกับแพทย์โดยเฉพาะนะครับ ผมจะสอบถามให้แล้วจะหาข้อมูลให้ครับ

แต่ขั้นแรกที่ผมแนะนำนะครับ
1.ร้องแพทย์สภาครับ
2.ร้องสื่อมวลชนก็ได้ครับ ประเด็นของคุณผมว่าสื่อสนใจนะครับ
3.รอผมหาข้อมูลทีมทนายที่ฟ้องหมอก่อน นะครับแล้วเรื่องจะกระจ่างขึ้นเพราะผม ไม่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับขั้นตอนทางการแพทย์เลยครับ

ยังไงก็จะติดตามหาข้อมูลให้ครับ ขอให้หายไว ๆ นะครับ
บันทึกการเข้า

พณฯท่าน บรรหาร
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 973


พณฯท่าน


ดูรายละเอียด
« ตอบ #118 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2552 09:51:47 »

เพื่อนสมาชิกมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการหย่านะครับจึงถามมาทาง PM  แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อนะครับ

ปัญหามีอยู่ว่า " คือผมมีปัญหาเรื่องการหย่าครับคือฝ่ายหญิงไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหนครับคือหายไปครับเหลือผมกะลูกอยู่กันสองคนครับ กุมภาฯนี้จะครบสองปีครับคือไม่ได้แจ้งความด้วยครับเพราะเท่าที่ทราบคือเค้าไปเองครับจากที่เพื่อนบ้านเล่าว่าเค้านั่งแท๊กซี่ออกไป โดยนำกุญแจบ้านฝากไว้ที่เพื่อนบ้านเพื่อคืนผมครับ ไม่อยากเกี่ยวข้องเรื่องการขึ้นโรงขึ้นศาลเท่าไหร่ครับพอจะมีวิธีทางไหนบ้างครับเพราะเคยติดต่อไปทางบ้านฝ่ายหญิงอ่ะครับทางเค้าบอกว่าไม่ได้กลับมาที่บ้านเลยครับเหมือนพยายามหลบนะครับhttp://news.sanook.com/crime/crime_252999.php อันนี้เป็นเรื่องที่ผมตามหาเค้าครับตามโรงพยาบาล สถาบันนิติเวชครับ รบกวนขอคำปรึกษาด้วยครับ ผมกับลูกจะได้เป็นไทซะที เพราะการทำธุรกรรมบางอย่างไม่สะดวกเลยครับ รบกวนด้วยครับ  "


ตามหลักกฎหมายครอบครัวและมรดก บรรพ 5 และ 6 นะครับ

มาตราที่เกี่ยวข้อง  เกี่ยวกับเรื่องนี้คือเรื่องการหย่านะครับ ซึ่งการหย่ามีด้วยกัน 10 อนุ (แก้ไขใหม่เมื่อปี 2550) โดยเรื่องนี้อยู่ที่อนุ 4

มาตรา ๑๕๑๖  เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้
(๔) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

กรณีนี้ต้องร้องกับศาลเท่านั้นนะครับถึงจะถูกต้องตามกฎหมายโดยร้องที่ศาลเยาวชนและครอบครัวซึ่งมีเขตอำนาจดังนี้
1.ถ้าภริยามีทะเบียนบ้าน(ภูมิลำเนา)อยู่ในเขตกรุงเทพมหานครสามารถร้องได้ที่ ศาลเยาวชน ฯ กลาง หรือศาลเยาวชน ฯ ที่มีเขตอำนาจในจังหวัดนั้น ๆ
2.มูลเหตุแห่งการหย่า (การทิ้งร้างเกิน 1 ปีเกิดที่บ้าน) ร้องศาลเยาวชน ฯ ที่มูลคดีเกิดอยู่ในเขตอำนาจ

ผลของการหย่า
1.ทรัพย์สินต่าง ๆ ที่หามาได้ระหว่างสมรสก็ต้องแบ่งกันนะครับ (เป็นสินสมรส)
2.สิทธิการดูแลบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (อำนาจปกครอง) ขอให้ศาลสั่งให้เรามีอำนาจปกครองเพียงผู้เดียวก็ได้ครับ


แต่ถ้าเป็นกรณีสาปสูญนั้น กฎหมายวางหลักไว้ว่า

มาตรา ๖๑  ถ้าบุคคลใดได้ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ตลอดระยะเวลาห้าปี เมื่อผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอ ศาลจะสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนสาบสูญก็ได้

ระยะเวลาตามวรรคหนึ่งให้ลดเหลือสองปี

(๑)  นับแต่วันที่การรบหรือสงครามสิ้นสุดลง ถ้าบุคคลนั้นอยู่ในการรบหรือสงคราม และหายไปในการรบหรือสงครามดังกล่าว

(๒)  นับแต่วันที่ยานพาหนะที่บุคคลนั้นเดินทาง อับปาง ถูกทำลายหรือสูญหายไป

(๓)  นับแต่วันที่เหตุอันตรายแก่ชีวิตนอกจากที่ระบุไว้ใน (๑) หรือ (๒) ได้ผ่านพ้นไป ถ้าบุคคลนั้นตกอยู่ในอันตรายเช่นว่านั้น


ซึ่งเมื่อดูจากระยะเวลาแล้วต้องรอ 5 ปีในกรณีนี้ซึ่งช้าเกินไปนะครับ ดังนั้นแนะนำว่า "ใช้การฟ้องหย่าดีกว่าครับ" ไม่ยุ่งยากอะไรมากครับ มีที่อยู่ตามบัตรประชาชนของคู่สมรสและพยานเล็กน้องก้สามารถดำเนินการได้ครับ ส่วนค่าดำเนินการก็แล้วแต่จะจ้างทนายความระดับไหน แต่กรณีนี้ไม่น่าจะยากเพราะบางทีจำเลยอาจไม่ต่อสู้คดี หรือขาดนัดไม่มาก็ได้ครับ

บันทึกการเข้า

ขุนสุราบาน
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 142



ดูรายละเอียด
« ตอบ #119 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2552 13:59:20 »

เพื่อนสมาชิกมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการหย่านะครับจึงถามมาทาง PM  แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อนะครับ

ปัญหามีอยู่ว่า " คือผมมีปัญหาเรื่องการหย่าครับคือฝ่ายหญิงไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหนครับคือหายไปครับเหลือผมกะลูกอยู่กันสองคนครับ กุมภาฯนี้จะครบสองปีครับคือไม่ได้แจ้งความด้วยครับเพราะเท่าที่ทราบคือเค้าไปเองครับจากที่เพื่อนบ้านเล่าว่าเค้านั่งแท๊กซี่ออกไป โดยนำกุญแจบ้านฝากไว้ที่เพื่อนบ้านเพื่อคืนผมครับ ไม่อยากเกี่ยวข้องเรื่องการขึ้นโรงขึ้นศาลเท่าไหร่ครับพอจะมีวิธีทางไหนบ้างครับเพราะเคยติดต่อไปทางบ้านฝ่ายหญิงอ่ะครับทางเค้าบอกว่าไม่ได้กลับมาที่บ้านเลยครับเหมือนพยายามหลบนะครับhttp://news.sanook.com/crime/crime_252999.php อันนี้เป็นเรื่องที่ผมตามหาเค้าครับตามโรงพยาบาล สถาบันนิติเวชครับ รบกวนขอคำปรึกษาด้วยครับ ผมกับลูกจะได้เป็นไทซะที เพราะการทำธุรกรรมบางอย่างไม่สะดวกเลยครับ รบกวนด้วยครับ  "


ตามหลักกฎหมายครอบครัวและมรดก บรรพ 5 และ 6 นะครับ

มาตราที่เกี่ยวข้อง  เกี่ยวกับเรื่องนี้คือเรื่องการหย่านะครับ ซึ่งการหย่ามีด้วยกัน 10 อนุ (แก้ไขใหม่เมื่อปี 2550) โดยเรื่องนี้อยู่ที่อนุ 4

มาตรา ๑๕๑๖  เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้
(๔) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

กรณีนี้ต้องร้องกับศาลเท่านั้นนะครับถึงจะถูกต้องตามกฎหมายโดยร้องที่ศาลเยาวชนและครอบครัวซึ่งมีเขตอำนาจดังนี้
1.ถ้าภริยามีทะเบียนบ้าน(ภูมิลำเนา)อยู่ในเขตกรุงเทพมหานครสามารถร้องได้ที่ ศาลเยาวชน ฯ กลาง หรือศาลเยาวชน ฯ ที่มีเขตอำนาจในจังหวัดนั้น ๆ
2.มูลเหตุแห่งการหย่า (การทิ้งร้างเกิน 1 ปีเกิดที่บ้าน) ร้องศาลเยาวชน ฯ ที่มูลคดีเกิดอยู่ในเขตอำนาจ

ผลของการหย่า
1.ทรัพย์สินต่าง ๆ ที่หามาได้ระหว่างสมรสก็ต้องแบ่งกันนะครับ (เป็นสินสมรส)
2.สิทธิการดูแลบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (อำนาจปกครอง) ขอให้ศาลสั่งให้เรามีอำนาจปกครองเพียงผู้เดียวก็ได้ครับ


แต่ถ้าเป็นกรณีสาปสูญนั้น กฎหมายวางหลักไว้ว่า

มาตรา ๖๑  ถ้าบุคคลใดได้ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ตลอดระยะเวลาห้าปี เมื่อผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอ ศาลจะสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนสาบสูญก็ได้

ระยะเวลาตามวรรคหนึ่งให้ลดเหลือสองปี

(๑)  นับแต่วันที่การรบหรือสงครามสิ้นสุดลง ถ้าบุคคลนั้นอยู่ในการรบหรือสงคราม และหายไปในการรบหรือสงครามดังกล่าว

(๒)  นับแต่วันที่ยานพาหนะที่บุคคลนั้นเดินทาง อับปาง ถูกทำลายหรือสูญหายไป

(๓)  นับแต่วันที่เหตุอันตรายแก่ชีวิตนอกจากที่ระบุไว้ใน (๑) หรือ (๒) ได้ผ่านพ้นไป ถ้าบุคคลนั้นตกอยู่ในอันตรายเช่นว่านั้น


ซึ่งเมื่อดูจากระยะเวลาแล้วต้องรอ 5 ปีในกรณีนี้ซึ่งช้าเกินไปนะครับ ดังนั้นแนะนำว่า "ใช้การฟ้องหย่าดีกว่าครับ" ไม่ยุ่งยากอะไรมากครับ มีที่อยู่ตามบัตรประชาชนของคู่สมรสและพยานเล็กน้องก้สามารถดำเนินการได้ครับ ส่วนค่าดำเนินการก็แล้วแต่จะจ้างทนายความระดับไหน แต่กรณีนี้ไม่น่าจะยากเพราะบางทีจำเลยอาจไม่ต่อสู้คดี หรือขาดนัดไม่มาก็ได้ครับ



ขอบคุณอย่างสูงครับ ว่าแต่มีสำนักงานทนายความที่ไหนที่แนะนำบ้างหรือเปล่าครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [«5]  «  1 ... 4 5 [6] 7 8 9  »    ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!