ปีนี้ผมจัด cachaca มาแล้ว 2ขวด นะรับรองปลิ้นๆ แน่ๆ อยากรู้ว่าคืออะไร ไป หาในกูเกิ้ล เอาล่ะกัน อิอิอิอิ
เครื่องดื่ม




มีนัก เดินทางต่างชาติหลายรายคิดว่าเบียร์ของบราซิลเป็นเบียร์ที่ดีที่สุดในซีกโลก ตะวันตกสำหรับคนรุ่นใหม่ มีผู้เชี่ยวชาญด้านการต้มเบียร์ของเยอรมันและดัชท์ดูแลการผลิตและกระบวนการ ผลิตเบียร์ของบริษัทใหญ่ ๆ บราซิลผลิตเหล้ารัมสดที่ใส และมีพลัง (cachaca) ซึ่งทำจากแอลกอฮอล์ที่ได้จากอ้อยหมัก Cachaca เมื่อผสมกับน้ำมะนาวคั้น น้ำตาล และน้ำแข็ง ก็จะกลายเป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มมากที่สุดเรียกว่า caipirinha
Guarana เป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติไม่เหมือนใครของบราซิล ทำจากผลไม้จากอะเมซอน
Cachaca(คา -ชาห์/ซ่า)Cachaca เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประจำชาติของบราซิล ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบในทุกวงสังคมของชาวบราซิลและได้รับการยกย่องจากผู้เชี่ยว ชาญด้านการกลั่นเครื่องดื่ม Cachaca รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า aguardente de cana และตามประเพณีของชาวบราซิล มีชื่อเรียกเป็นอย่างอื่นอีกมากมาย เช่น aguardente, pinga, paraty, parti, abrideira, aninha, agua benta, agua que passarinho nao bebe, assovio de cobra, baronesa, birita, branquinha, brasa, brasileira, cana, caninha, danada, engasga-gato, fogo, imaculada, jeribita, jiribita, jurubita, geribita, giribita, geriba, lindinha, mata bicho, meu consolo, perigosa, purinha, remedio, sete virtudes, suor de alambique, tira teima, veneno.
Cachaca เป็นแอลกอฮอล์ที่ได้จากอ้อย ได้รับคำจำกัดความโดยฝ่ายนิติบัญญัติของบราซิลว่าเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ได้จากการกลั่นน้ำตาลจากอ้อยหมัก โดยมีความแรงของแอลกอฮอล์ระหว่าง 38 และ 54%
ความ เป็นมาของ cachaca เริ่มเมื่อประมาณ 500 ปีที่ผ่านมาและปัจจุบันนี้มีมากกว่า 4,000 ยี่ห้อที่ผลิตทั่วประเทศบราซิลทั้งในโรงกลั่นขนาดใหญ่และขนาดเล็ก การผลิต 1.3 พันล้านลิตรต่อปีทำให้cachaca เป็นแอลกอฮอล์หนึ่งในห้าชนิดที่มีคนดื่มมากที่สุดในโลก โดยมีตั้งแต่ cachaca ที่มีสีตั้งแต่สีขาวจนกระทั่งเป็นสีทอง จากผู้ผลิตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ไปถึงผู้ผลิตรายย่อย
จน กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ การผลิตเกือบทั้งหมดเป็นการผลิตเพื่อตลาดของบราซิล แต่ระหว่างทศวรรษที่ผ่านมา cachaca เป็นที่นิยมในระดับนานาชาติ ได้มีการส่งผลิตภัณฑ์ออกไปยังประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส แคนาดา ออสเตรเลีย และประเทศอื่น ๆ การส่งออกในปี ค.ศ. 1994 มีมูลค่ารวม 3.5 ล้านเหรียญ ซึ่งล้ำหน้าการส่งออกในปี ค.ศ. 1992 ถึง 33% เนื่องจากรัฐบาลได้เริ่มมีโครงการส่งออกในเชิงรุกเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ทำให้การส่งออกมีความเจริญขึ้นมากกว่า 82% ถึงกระนั้นก็ดี การส่งออกในปัจจุบันก็ยังน้อยกว่า 1% ของผลผลิตโดยรวม
ความเป็นมา
ตามเรื่องราวหลาย ๆ เรื่อง ทั้งหมดเริ่มต้นในศตวรรษที่ 16 เมื่อทาสดื่มเครื่องดื่มที่เป็นฟองที่ทำจากน้ำตาลหมัก คือ cagaca อันที่จริงคำว่า cachaca ดูเหมือนว่ามาจากคำในภาษาสเปนว่า cachaza ซึ่งเป็นคำที่ใช้ในไอบีเรียน เพนนินซูล่า ซึ่งเป็นคำที่เรียกบรั่นดีที่ทำจากองุ่น เช่น คำภาษาโปรตุเกส "bagaceira"
ใน ศตวรรษที่ 16 ผู้ที่ตั้งถิ่นฐานชาวยุโรปได้นำอ้อยที่ตัดจากมาเดียร่าและเริ่มปลูกอ้อยใน บราซิล นอกจากนี้ยังนำเอาเครื่องกลั่นสุรา ทำให้เกิด cachaca ขึ้นมา ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และในศตวรรษที่ 17 ได้มีการใช้ cachaca เป็นสกุลเงินสำหรับการซื้อทาสจากอาฟริกา
การผลิต cachaca เริ่มต้นในยุค 'engehos de acucar" ซึ่งเป็นสวนอ้อย ตั้งอยู่ในรัฐเปอร์นัมบุคโค บาเฮีย ริโอ เดอ จาเนโร และ เซา เปาโล "engenho" แห่งแรกสร้างขึ้นในซานโตส รัฐเซา เปาโล ในสรัฐริโอ เดอ จาเนโร ชาวโปรตุเกสจากอซอเรสได้ทำไร่อ้อยใน เมือง เบีย ดา อิลฮา กรองด์ ซึ่งเป็นอ่าวที่สวยงามจาก มันการาติบา ไปยัง ปาราตี ในปี ค.ศ. 1640 Paraty สามารถส่งออก cachaca ได้
ใน ศตวรรษที่ 18 การบริโภค cachaca เป็นการคุกคามต่อการค้าไวน์และบรั่นดีของโปรตุเกส ชาวโปรตุเกสจึงพยายามห้ามการผลิต แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ จึงตัดสินใจเรียกเก็บภาษี ภาษีเหล่านี้เป็นแหล่งเงินทุนสำคัญในการสร้างเมืองลิสบอนขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นเมืองที่ถูกทำลายจากเหตุแผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 1755 การผลิต cachaca ยังคงดำเนินต่อไปแต่ในศตวรรษที่ 20 cachaca ในประเทศ
บราซิล เริ่มเป็นที่นิยมน้อยลงกว่าเครื่องดื่มนำเข้า ในขณะที่ยังคงนิยมบริโภคกันในพื้นที่แถบชนบทและในบาร์เล็ก ๆ ซึ่งมักเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารเพื่อดื่มคู่กับอาหาร feijoada อาหารที่นิยมรับประทานกันในวันเสาร์ นับจากนั้นมาก็มักเสิร์ฟในพร้อมค็อกเทลแทนที่จะดื่ม cachaca แต่เพียงอย่างเดียว
ถึงแม้ ว่าจะล้าสมัยไปแล้วก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิต cachaca ทั่วบราซิลก็ยังเก็บแอลกอฮอล์ดั้งเดิมนี้ไว้นับศตวรรษ เมื่อยี่สิบที่ที่แล้ว จะเห็นได้ว่ามีการพัฒนาในการผลิต cachaca ที่มีคุณภาพสูง และมีการนำออกมาแนะนำในประเทศบราซิลอีก มีห้างหลายแห่งเก็บ cachaca ไว้จากผู้ผลิตรายย่อยในท้องถิ่นรวมทั้งยี่ห้อระดับชาติด้วย
การทำ cachaca
มีผู้ผลิต cachaca สองประเภท คือ แบบดั้งเดิมซึ่งเป็นผู้ผลิตรายย่อยที่ใช้เครื่องกลั่นสุรา และการผลิตแบบอุตสาหกรรม ซึ่งใช้เครื่องกลั่นสมัยใหม่ แต่อย่างไรก็ดี ความแตกต่างนี้ก็ไม่ถือว่าดีที่สุดทีเดียวในการอนุรักษ์ประเพณีในการดูและ งานฝีมือที่ต้องมีการควบคุมคุณภาพในกรณีที่มีการผลิต cachaca ปริมาณมาก ๆ ในแถบที่มีการปลูกอ้อยเป็นหลัก
อ้อย
ในประเทศบราซิล การทำ cachaca เป็นการผสมผสารประเพณีดั้งเดิมและเทคโนโลยี่สมัยใหม่ มีอ้อยพันธ์ใหม่ ๆ ได้รับการพัฒนาซึ่งง่ายที่จะเพาะปลูกและมีความทนทานต่อปรสิต จริง ๆ แล้ว อุตสาหกรรม cachaca เป็นรูปแบบหนึ่งของการปฏิบัติที่ดีทางด้านนิเวศวิทยา
Cachaca ทำจากน้ำหวานบริสุทธิ์ที่ได้จากอ้อย ซึ่งไม่ได้มาจากผลิตข้างเคียง เช่นน้ำตาลกลั่นหรือกากน้ำตาล แต่กระบวนการหมักจะเริ่มต้นขึ้นทันทีหลังจากที่มีการตัดอ้อย ด้วยเหตุผลนี้และเนื่องจากถิ่นกำเนิดของอ้อย โรงกลั่นจึงมักตั้งอยู่ในไร่อ้อย
การหมัก
สิ่งที่แตกต่างประการหนึ่งระหว่างการกลั่นแบบดั้งเดิมและแบบอุตสาหกรรมจะ เห็นได้ในขั้นตอนของการหมัก ผู้ผลิตทางด้านอุตสาหกรรมจะใช้ยีสต์สำเร็จรูปมากมาย ส่วนผู้ผลิตแบบดั้งเดิมจะใช้ผงฟูที่ทำจากแป้งข้าวโพด เป็นสื่อเพื่อให้ยีสต์เติบโต ซึ่งจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติในตัวอ้อยเอง ยีสต์เหล่านี้จึงกลายมาเป็นสารที่ใช้สำหรับหมัก
การกลั่น
ลักษณะที่โดดเด่นของ cachaca ก็คือมีหลายอย่างที่กลั่นได้ช้ามากจนกว่าจะได้ระดับแอลกอฮอล์ที่ต้องการ แทนที่จะกลั่นให้มีความแรงสูงและลดลงโดยการเติมน้ำ ตามกฎหมายของบราซิล cachaca ต้องมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ระดับ 38% ถึง 54%
ระยะเวลาในการเก็บ
Cachaca สามารถบรรจุใส่ขวดได้โดยตรงจากเครื่องกลั่น ในกรณีนี้ ถ้ามีการเติมคาราเมล ก็จะเป็นสีขาว cachaca ที่ดีส่วนมากต้องเก็บไว้อย่าวงน้อยในถังไม้ การเก็บผลิตภัณฑ์ไว้จะทำให้ได้สีสรรตามประเภทของไม้ที่ใช้และระยะเวลาในการ เก็บ ปัจจุบันนี้ cachaca จะเก็บไว้ในถังไม้ที่แตกต่างกัน (เช่น amburana, angelim, amendoim, balsamo, jequitiba, jatoba, ipe) และในถังไม้โอ๊คขนาดเล็ก
ข้อสังเกตความแตกต่างระหว่าง cachaca และรัม
Cachaca และรัมมีความแตกต่างกันอย่างมากในด้านรสชาติและกลิ่น ทั้ง ๆ ที่ทำมาจากอ้อยเหมือนกัน ปริมาณของแป้งข้าวโพดในยีสต์ที่ใช้ในการทำ cachacas จะเป็นตัวแยก cachacas ออกจากรัม ตามข้อกำหนดสากล ผลิตภัณฑ์ทางอุตสาหกรรมส่วนมากก็ยังคงมีคุณสมบัติด้านนี้ถึงแม้ว่ายังคงมี ลักษณะดั้งเดิมของ cachaca ในขณะที่ cachacas ก็เป็นที่ชื่นชอบของคนที่ชื่นชอบรัมเช่นกัน จึงไม่มีปัญหาเลยว่า ทั้ง ๆ ที่มีลักษณะที่เหมือนกัน cachaca และรัมก็เป็นแอลกอฮอล์สองประเภทที่แตกต่างกัน รัฐบาลของประเทศบราซิลได้ดำเนินการเมื่อไม่นานมานี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่า cachaca อาจเป็นคำที่ใช้สำหรับแอลกอฮอล์ที่ผลิตในประเทศบราซิลตามข้อกำหนดอย่างเคร่ง ครัด
ผลิตภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยสีสัน
แต่เดิมทั้งชื่อยี่ห้อและฉลาก cachaca มีสีสรรสวยงามมาก ชื่อเหมือนกับคำว้า "การอวยพร" "เทพธิดาของฉัน" "ความอร่อย" "ปีกขาว" "นกฮัมมิ่ง" "ทิวทัศน์อันสวยงาม" "ต่างหูเงิน" "ปีศาจน้อย" "พระจันทร์เต็มดวง" "ราชินีแห่งหุบเขา" และถ้อยคำอื่น ๆ อีกมากมายที่อธิบายสภาพทางภูมิศาสตร์ สัตว์ ความนิยม ความโรแมนติค มีบางคนอธิบาย cachaca ในตัวเองด้วยลักษณะ การผลิตและภาคพื้นที่ผลิต ฉลากของ cachaca ส่วนมากมีความสะดุดตา เต็มไปด้วยสีสรร และมักออกแบบเป็นแบบเก่า มีฉลาก cachaca ต่าง ๆ ที่สามารถหาดูได้จากเว็บไซต์
Cachaca เป็นแอลกอฮอล์ที่สามารถดื่มได้ในหลายโอกาส โดยสามารถดื่มเพียว ๆ ก็ได้หรือดื่มกับค็อกเทล ที่นิยมมากที่สุดคือ caipirinha เป็นการผสม cachaca กับน้ำมะนาว น้ำตาล และน้ำแข็ง caipirinha เป็นเครื่องดื่มประจำชาติของชาวบราซิล ทุก ๆ วันจะมีบาร์หรือร้านอาหารมากมายเสิร์ฟ cachaca โดยเฉพาะอย่างยิ่ง caipirinha ซึ่งได้กลายมาเป็นค็อกเทลที่เป็นที่นิยมในอเมริกาเหนือและยุโรป Cachaca ยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างคงที่ทั่วโลกว่าเป็นเครื่องดื่มที่ทัน สมัย
Caipirinha
เป็นเครื่องดื่มประจำชาติของชาวบราซิล ซึ่งมีกลิ่นหอม ซึ่งเราจะเห็น caipirinha ได้ในทุกที่ คำว่า caipirinha ได้มาจากคำว่า caipira ซึ่งหมายถึงบุคคลที่ทันสมัยของประเทศ ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่บราซิลได้คำ caipirinha มาจากเครื่องดื่มนี้
เมนู caipirinha
ส่วนผสม
cachaca 1 shot
มะนาวครึ่งลูก
น้ำตาล 1 หรือ 2 ช้อนชา
น้ำแข็งก้อนหรือน้ำแข็งบดคั้น มะนาวและน้ำตาลด้วยที่บดไม้ เติม cachaca และน้ำแข็งแล้วผสมให้เข้ากันดี หรือจะเลือกผสมน้ำมะนาวครึ่งลูกกับน้ำตาล เติมน้ำแข็งและตกแต่งด้วยชิ้นมะนาวก็ได้
Advinhacao - 'o que e que pode mais que Deus" E a cachaca porque Deus da juizo e a cacha tira' © Cascon & Shadwick 2001
อนา คาสคอน เป็นชาวบราซิลที่หลงใหลเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างของชาวบราซิล เธอเป็นคนแรกที่นำ cachaca เข้าสู่ตลาดแคนาดา และทราบเรื่องราวเกี่ยวกับ cachaca เธอติดต่อกับโรงกลั่น cachaca ในประเทศบราซิล เธอมีความรู้เกี่ยวกับนิสัยคนในท้องถิ่นและการใช้และพยายามเรียนรู้กล ไลของกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้มีความรู้กว้างขวางในเรื่องดังกล่าว
เครดิต by
http://www.brazilembassy.or.th