วิชาการ กันนิดนึงแล้วกัน ถือว่าเป็นนิทานก่อนนอน นะครับ ประวัติ Toyota Corolla AE9x (Doraemon)ผมจำไม่ได้ว่านำมาจากไหน ...ต้องขอโทษผู้เขียน และ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ ต่อผู้อ่านนะครับ เริ่มเลยนะ
โตโยต้า โคโรลล่า ขับเคลื่อนล้อหน้ารุ่นที่ 2 เปิดตัวในเมืองไทยหวังกระตุ้นตลาดและก็กวาดยอดจำหน่ายไปเพียบ หลังจากรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้ารุ่นแรกทำตลาดได้ดีแค่พอสมควรต่างจากรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังรุ่นสุดท้ายในรหัสตัวถัง KE70ที่ทำตลาดได้ดีมากเปิดตัวในไทยครั้งแรกช่วงปี 1988 ตัวถังเป็นแบบซีดาน 4 ประตูล้วนๆโดยมีการเปลี่ยนโฉมจากรุ่นเดิมแบบไร้คราบ พลิกจากสันเหลี่ยมหน้าเท-ท้ายตัดมาสู่ความโค้งมนตลอดคัน
โดยในช่วงแรก แบ่งเป็น 2 รุ่นหลักตามบล็อกเครื่องยนต์ คือ เครื่องยนต์บล็อก Eในรหัสตัวถัง EE90 เป็นรุ่นประหยัด เครื่องยนต์ 2E 12 วาล์ว 1,300 ซีซีและใช้เครื่องยนต์บล็อก A ในรหัสตัวถัง AE92 เป็นรุ่นมาตรฐานใช้เครื่องยนต์ 4A-F ทวินแคม 16 วาล์ว 1,600 ซีซี คาร์บูเรเตอร์ นับเป็นรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์16 วาล์วรุ่นแรกของโคโรลล่าในเมืองไทย
ตลอดอายุตลาดไม่มีการปรับโฉม-ไมเนอร์เชนจ์เลย แต่มีการเพิ่มรุ่นพิเศษGTI เครื่องยนต์ 4A-GE หัวฉีด 130.5 แรงม้า ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนพันธุ์แรง และขึ้นชื่อว่าแรงที่สุดในโคโรลล่าในเมืองไทยมาจนถึงทุกวันนี้ และในช่วงหนึ่งก็มีการเสริมรุ่น SPORTYเครื่องยนต์ 4A-G 1,600 ซีซี คาร์บูเรเตอร์คู่ ออกมาเพียงไม่กี่คันเท่านั้น จนหลายคนไม่ทราบเลยว่าโคโรลล่าตัวถังนี้มีรุ่น SPORTY จำหน่ายด้วย
รุ่น 1,300 ซีซี รหัสตัวถัง EE90 แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย คือ XL และ GL ใช้เครื่องยนต์ 2E แบบเบนซิน 4 สูบ 1,300 ซีซี ซิงเกิลโอเวอร์เฮดเดอร์ แคมชาฟต์ 12 วาล์ว (3 วาล์ว/สูบ) คาร์บูเรเตอร์เดี่ยว ความกว้างกระบอกสูบ 73.0 มิลลิเมตรช่วงชัก 77.4 มิลลิเมตร ความจุกระบอกสูบ 1,295 ซีซี อัตราส่วนการอัด 9.0 : 1 กำลังสูงสุด 72 แรงม้า (PS) ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 10.3 กก.-ม. ที่ 4,200 รอบ/นาที
รุ่น 1,300 ซีซี ทั้ง 2 รุ่น ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา รุ่น XL เป็นแบบ 4 จังหวะน้ำหนักตัวรถ 910 กิโลกรัม รุ่น GL เป็นแบบ 5 จังหวะ น้ำหนักตัวรถ 925 กิโลกรัมใช้ยางขนาด 165 SR13
รุ่น 1,600 ซีซี รหัสตัวถัง AE92 มี 3 รุ่น โดยมี 1 รุ่นที่ทำตลาดหลัก คือ SE LIMITEDและอีก 2 รุ่นรองเป็นรุ่นพิเศษที่มียอดจำหน่ายไม่มากนัก คือ GTI ที่มีจำหน่ายมากพอสมควรและ SPORTY ที่ผลิตออกมาเป็นรุ่นพิเศษน้อยมาก
รุ่น 1,600 ซีซี รุ่นหลักที่มียอดจำหน่ายมากที่สุด SE LIMITED ใช้เครื่องยนต์รหัส 4A-F แบบเบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว คาร์บูเรเตอร์เดี่ยว ความกว้างกระบอกสูบ 81.0 มิลลิเมตร ระยะช่วงชัก 77.0 มิลลิเมตร ความจุกระบอกสูบ 1,587 ซีซี อัตราส่วนการอัด 9.5 : 1 กำลังสูงสุด 94 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.0 กก.-ม. ที่ 4,200 รอบ/นาที แบ่งเป็น 2 รุ่น คือ เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ น้ำหนักตัวรถ 960 กิโลกรัมหรืออัตโนมัติ 4 จังหวะ น้ำหนักตัวรถ 995 กิโลกรัม ใช้ยางขนาด 175/70 SR13
รุ่นพิเศษ GTI มียอดจำหน่ายไม่มาก เพราะราคาแพงกว่ารุ่น SE LIMITED เกือบ 100,000 บาท หรือเกือบ 20% เป็นรุ่นที่มาแบบครบๆ นับเป็นจุดเริ่มต้นของเครื่องยนต์หัวฉีดของโคโรลล่าในไทย และเป็นโคโรลล่ารุ่นเดียวในไทยที่ใช้ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อโดยใช้เครื่องยนต์รหัส 4A-GE หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ TCCS มีอัตราส่วนการอัดเพิ่มเป็น 10.3 : 1มีกำลังสูงสุด 130.5 แรงม้า (PS) ที่ 7,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.8 กก.-ม.ที่ 6,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะน้ำหนักตัวรถ 1,023 กิโลกรัม ดิสก์เบรก 4 ล้อ ใช้ยางขนาด 185/60 HR14 ทั้งแรงทั้งเกาะถนนและเบรกดีกว่ารุ่น SE LIMITED เพียบ
ระบบพวงมาลัยเป็นแบบแร็กแอนด์พิเนียนทุกรุ่น และมีเพาเวอร์เฉพาะในรุ่น 1.6 ระบบช่วงล่างทั้งรุ่น 1.3 และ 1.6 เป็นแบบอิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง 4 ล้อ ระบบเบรกด้านหน้าเป็นแบบดิสก์พร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลังเป็นแบบดรัม ส่วนรุ่น GTI เป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ
ภายนอกออกแบบเรียบง่าย ฝากระโปรงหน้าทรงเรียบขนานกับกระจังหน้าซี่นอน มุมกันชนหน้าติดตั้งไฟเลี้ยว ด้านข้างติดตั้งคิ้วยางกันกระแทกตลอดแนว (ยกเว้นรุ่น XL) ไฟท้ายรุ่น 1.3 XL และ GL เป็นแบบสั้น รุ่น SE LIMITED และ GTI เพิ่มทับทิมจรดป้ายทะเบียน ทุกรุ่นใช้กระทะล้อขนาด 13 นิ้ว รุ่น XL ให้ฝาครอบเฉพาะดุมกลาง รุ่น GL และ SE LIMITED ให้ฝาครอบแบบเต็ม ยกเว้นรุ่น GTI ใส่ล้อแม็กขนาด 14 นิ้ว
มิติตัวถัง ยาว 4,235 มิลลิเมตร กว้าง 1,655 มิลลิเมตร สูง 1,365 มิลลิเมตร ระยะห่างฐานล้อ 2,430 มิลลิเมตร
ถ้าสนใจจะซื้อโคโรลล่ารุ่นนี้ ควรตัดสินใจให้ดีว่า จะเลือกรุ่น 1.3 หรือ 1.6 ถ้าเลือกรุ่น 1.3 เพราะราคาถูกกว่ากันเล็กน้อยหรือคาดหวังด้านความประหยัด แล้วไม่พอใจกับกำลังเครื่องยนต์และต้องการเปลี่ยน หรืออยากเพิ่มอุปกรณ์ให้เหมือนรุ่น 1.6 จะต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 30,000-40,000 บาท กับเครื่องยนต์ 4A-GE 130-140 แรงม้า หรือหาวางเครื่องยนต์ 4A-F ได้ยาก เพราะในเชียงกงไม่ค่อยมี มักจะมีเครื่องยนต์ 5A-F 5A-FE 1,500 ซีซี หรือรุ่นพลังแรงอย่าง 4A-GE ไปเลย
เพราะนอกจากเครื่องยนต์ของรุ่น 1.3 กับ 1.6 ที่แตกต่างกันแล้ว อุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น กระจกไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อก พวงมาลัยเพาเวอร์ เบาะผ้า มีเฉพาะรุ่น 1.6 แบบครบๆ ดังนั้นราคามือสองของรุ่น 1.3 กับ 1.6 ที่แตกต่างกันไม่ถึง 50,000 บาท จึงคุ้มค่าในการเพิ่ม
จุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้ คือ อะไหล่ที่มีให้เลือกเพียบ ในสารพัดรูปแบบ แท้ เทียบ เทียม เก่าใหม่ ราคาไม่แพงและไม่เคยต้องควานหา และช่วงนี้แท็กซี่ มิเตอร์รุ่นนี้เริ่มหมดอายุต่อทะเบียน ไม่ได้แล้ว อะไหล่เชียงกงก็เริ่มเหลือมากขึ้น ไร้กังวลเรื่องอะไหล่จะหาไม่ได้หรือแพงไปเลย
ความทนทาน ความไม่จุกจิก ก็เป็นอีกจุดเด่นที่สำคัญ เพราะไม่มีระบบอะไรสลับซับซ้อน และเท่าที่ดูจากแท็กซี มิเตอร์ ส่วนใหญ่ก็ผ่านระยะทาง 1 ล้านกิโลเมตรไปแล้วก็ยังขับกันอยู่
รูปลักษณ์ภายนอกที่เรียบง่ายแม้จะเก่าถึง 10 ปีแล้วก็ยังดูไม่เชย ห้องโดยสารเพียงพอ สำหรับ 5 ที่นั่งแบบเบียดเล็กน้อย ระบบต่างๆ เป็นแบบพื้นฐาน มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์น้อย จึงดูแลรักษาง่ายและทนทาน
จุดด้อยที่พอมี คือ ราคาแพงกว่ารถยนต์ยี่ห้ออื่นในรุ่นปีเดียวกัน เช่น นิสสัน เซนทรา หรือซันนี แต่ก็นับว่าเป็นการแพงอย่างคุ้มค่า
ถ้าใช้จนเครื่องยนต์หมดอายุหรืออยากแรง ก็สามารถเปลี่ยนได้ด้วยเครื่องยนต์ตระกูล E หรือ A เหมือนเดิม โดยดัดแปลงไม่มาก มีความแรงให้เลือกตั้งแต่ 80-165 แรงม้า ด้วยเครื่องยนต ์สารพัดรุ่น เช่น 4E-FE, 4A-FE, 5A-FE, 4A-GE หรือข้ามมายังบล็อกใหม่ 4A-GE 20V ก็แรงจัดถึง 160-165 แรงม้า วางได้ไม่ยาก แม้จะต้องดัดแปลงในเครื่องยนต์บางบล็อก แต่ไม่ถึงกับหืดขึ้นคอแน่
สำหรับคันในภาพนี้เป็นรุ่น 1.3 GL ราคากลางปี 1988 ประมาณ 140,000 บาทปี 1989 ประมาณ 150,000 บาท ปี 1990 ประมาณ 160,000 บาทและ ปี 1991 ประมาณ 170,000 บาท
จากกำลัง 72 แรงม้ากับตัวถังหนักประมาณ 1 ตัน จึงมีอัตราเร่งและความเร็วแบบไปได้แค่เรื่อยๆ ไม่ถึงกับอืดแต่ไม่หวือหวาแน่ ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ ให้ความนุ่มนวลที่ความเร็วต่ำ แต่เริ่มยวบยาบเมื่อใช้ความเร็วสูงถ้าสนใจรถยนต์รุ่นนี้ ควรเลือกรุ่นสูงสุดเท่าที่มีเงินพอ เพราะจะได้เครื่องยนต์ที่แรงกว่าและมีอุปกรณ์มาตรฐานแบบครบๆ
หากชอบความแรงต้องหาซื้อรุ่น GTI โดยต้องตรวจสอบตัวถัง ช่วงล่าง และเครื่องยนต์เป็นพิเศษ เพราะบางคันอาจช้ำมาก ตามสไตล์ของคนขับรถแรง และถ้าเป็นการใช้งานในเมืองอาจไม่สะดวกเพราะไม่มีเกียร์อัตโนมัติให้เลือกใช้ และหาซื้อยาก เพราะรุ่น GTI มีจำนวนน้อย
โดยรวมแล้ว ถ้าไม่ได้อยากแรงจัดจ้านนัก รุ่น 1.6 SE LIMITED น่าสนใจที่สุด เพราะสมรรถนะพอใช้ได้ มีอุปกรณ์มาตรฐานครบครันกว่ารุ่น 1.3เพราะไม่ได้ต่างกันแค่เครื่องยนต์เท่านั้น
โตโยต้า โคโรลล่า อีอี90/เออี92 นับเป็นรถยนต์ขนาดกลางอายุ 10 ปี ที่สบายใจเรื่องอะไหล่ และความทนทานได้มากที่สุดรุ่นหนึ่ง
จาก : CHL - 21/04/2004 15:30 [/size]
ที่มา :
http://board.dserver.org/A/AECLUB/00001475.html