JO_Zest
|
|
« ตอบ #60 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2009 22:37:12 » |
|
แค่ 15,000 ก็มองทางมะค่อยเห็นละมั้ง
แล้วสีอะไรที่มันมองเหนทางได้ไกลกว่าเดิมอะพี่ Osram Night Breaker
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิ่งปะละ เดียวก็รู้ จะจบไหม
|
|
|
[[Badd]]
|
|
« ตอบ #61 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2009 22:43:54 » |
|
อุณภูมิของหลอด xenon จะเป็นตัวกำหนดสี แต่จะแปรผันตรงกันข้ามกับความสว่าง
หมายถึงว่ายิ่งอุณภูมิหลอดยิ่งสูง ความสว่างจะยิ่งลดลง
อุณภูมิหลอดวัดเป็นหน่วยเคลวิน (kelvin) ส่วนความสว่างจะวัดเป็นลูเมน (lumen)
หลอด halogen ขนาด 55w ปกติจะให้ความสว่างประมาณ 1550 lumen
ส่วน หลอด xenon ก็ตามรายละเอียด ดังนี้ครับ
xenon HID 35W
3500K------3200 lumen ออกเหลือง 4300K------3500 lumen เหลืองทอง 5000K------3350 lumen เหลืองขาว 6000K------3000 lumen ขาวจ้าแบบแสงอาทิตย์ 8000K------2700 lumen เริ่มออกฟ้านิดๆ 10000K-----2400 lumen ฟ้ามาก แล้วก็เริ่มไปม่วง ไปเรื่อยๆๆๆๆ แล้วครับ 12000K-----2200 lumen 14000K-----2100 lumen 30000k-----1950 lumen
ลองคิดเล่นว่า ถ้าหลอด halogen 90w ก็จะมีค่า lumen มากขึ้นอีกเกือบเท่าตัว เมื่อเทียบกับ xenon ในบางสี หลอด halogen ยังสว่างกว่าด้วยซ้ำ
ไม่ได้พิมพ์เองไปก๊อบเข้ามา
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 ธันวาคม 2009 22:49:11 โดย [[Badd]] »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
cliff
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #63 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2009 22:46:27 » |
|
ใส่เพื่อสวย ชีวิตไว้ทีหลังคับ ตั้งแต่ 12,000K ขึ้นไป.....จัดไป
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 ธันวาคม 2009 22:51:25 โดย <<Davil's Smile>> »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
[[Badd]]
|
|
« ตอบ #64 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2009 22:51:35 » |
|
มารู้จัก xenon กัน
1. หลอด xenon คือ หลอดที่ทำงานเหมือนไฟแฟลชถ่ายรูป แสงสว่างเกิดจากการอาร์คของไฟฟ้าข้ามขั้ว (ขั้วงกัน 5 mm) ผ่านแกสแรงดันสูง (2 bar) เทอร์โบอัดหนักๆ อัดกันที่แรงดัน 1.2-1.5 bar พวกแข่งขันชิงสาว ชิงถ้วยรางวัลจะอัดกันที่ 2.4-2.5 bar ก่อนเครื่องกระจาย
2. แก็สในหลอด xenon เป็นแก๊สเฉื่อยชื่อ xenon (ถามเพื่อนๆที่เรียนเคมี จะรู้จักกันทุกคน) และมีแก๊สอื่นๆปนหลายอย่าง
3. ไฟที่ใช้จุดหลอด xenon ให้ทำงาน มีแรงดัน 12,000-18,000 volts! (แรงดัน สูงกว่าไฟที่อาร์คที่ขั้วหัวเทียนเสียอีก) เพราะแก๊สหรืออากาศปกติ ก็มีความต้านทานไฟฟ้าสูงมากๆ (เกือบอินฟินิตี้ .. ร้อยๆล้านโอห์มเลย) ยิ่งแก๊สในหลอด xenon ของเรา มีแรงดันสูง ยิ่งต้องใช้ไฟแรงสูงให้มันกระโดดข้ามได้ ที่เรียกๆ กัน (ผิดๆ) ว่ากล่องรีเลย์ หรือ (เรียกถูกต้องว่า) กล่องบัลลาสท์ มีหน้าที่นี้แหละ ... แปลงแรงดันจากไฟแบต 12 volts ให้สูงถึงเกือบสองหมื่นโวลท์ แต่เมื่ออาร์คเกิดแล้ว กล่องจะต้องลดแรงดันเหลือ 100-200 volts เพราะลำอาร์ค มีความต้านทานต่ำ (100 โอห์ม) เมื่อลำอาร์คเสถียร ให้แสงสว่างเต็มที่ ความต้านทานจะลดลงอีก กล่องจะต้องลดแรงดันลงอีก ไม่อย่างนั้น ไหม้แน่นอน
การทำงานทุกอย่างที่ว่ามา ต้องเสร็จภายใน 1-2 วินาที กล่องบัลลาสท์ดีๆ ถึงได้แพงระเบิด
คำเตือน คำเตือน คำเตือน
แรงดันไฟฟ้าในกล่องบัลลาสท์ เป็นไฟฟ้าแรงดันสูงมาก (20,000 volts) และมีพลังงานสูงมาก (200-300 joules) สามารถฆ่าคนถึงตายได้
4. เมื่อหลอดสว่างเต็มที่ แรงดันในหลอดจะสูงขึ้น 30-40 bar อุณหภูมิในหลอด จะสูงประมาณ 1200 องศาซี ความร้อนนี้ ลดลงไม่ได้ เพราะถ้าลดลง ลำอาร์คซึ่งเป็นพลาสมา จะดับทันที .. ถึงทำให้หลอด(ที่ใช้ในรถยนต์)มีขนาดใหญ่มากไม่ได้ หลอดแบบนี้ ถ้าเป็นหลอดใหญ่ๆ จะใช้เป็นไฟส่องสว่างถนน (ไฟแสงจันทร์ ไฟโซเดียม ฯลฯ) หลอดถึงต้องมีซีลสองชั้น .. กันระเบิด
หลอดธรรมดาๆ มีอุณหภูมิภายในแถวๆ 700 องศาซี และอุณหภูมิที่ผิวหลอดแก้ว ร้อยกว่าองศาเท่านั้น
5. ความสว่างของแสงที่ออก หน่วยวัดคือ L (ลูเมนส์ LUMENS) ไม่ใช่ K (Kelvin) K เป็นหน่วยวัดเปรียบเทียบ ว่าที่สว่างๆนั้น ให้สีเสมือนของที่กำลังร้อนที่กี่องศา K เสมือนร้อนกี่ K นะ ไม่ใช่ร้อนเท่านั้นๆ K จริง
6. ถ้าไปดู website ของ บ.ที่ผลิตหลอด xenon ระดับยักษ์ใหญ่ จะพบความจริงที่น่าตกใจ ที่เหมือนกันหมด ทุกบริษัทพูดเหมือนกันหมด คือ หลอดซีนอนในรถยนต์ ยิ่งมีองศาสีสูง (K ยิ่งสูง) ความสว่าง (L) ยิ่งน้อย หลอด 10,000K สว่างไม่ถึง 1/2 ของหลอด 5,000K xenon ของ BMW/Benz (frost ice) มีค่าองศาสี แค่ 4300K เท่านั้น ... แต่ความสว่างแถวๆ 3,000-3,500L
หลอดโรงงานยี่ห้อดังๆ มีองศาสีสูงสุด 6000K
พวก 10,000-12,000K ... บ.ยักษ์ใหญ่ ไม่กล้าเอาผลิตใต้ชื่อตัวเอง ... กลัวโดนฟ้อง เพราะความสว่างแค่ 1,600-1,800L เท่านั้น
7. หลอดไฟมีไส้ธรรมดาๆ จะมีความสว่าง 1,200-1,500L และให้อุณหภูมิสีอยู่ที่ 2,800-3,200K หลอด superbright จะสว่าง 1,500-1,800L และให้สีเสมือนมีอุณหภูมิ 3,300-3,500K
หลอดไต้หวันราคาถูกๆ จะสว่าง 1,800-2,000L โดยการเพิ่มขนาดของไส้หลอด ความต้านทานไส้ลดลง กินกระแสไฟฟ้ามากขึ้นเป็น 100-110w แทนที่จะเป็น 50/55w เหมือนหลอดธรรมดาๆ ... ไฟรถมีแรงดัน 12v หมายถึงกระแสไฟฟ้าไหลเข้าหลอด 10A แทนที่จะเป็น 5A
จะมีรีเลย์ (ไม่ใช่ดีเลย์) หรือไม่ก็ตามที กระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้ามากขึ้น (10A) จะทำให้ขั้วหลอดที่ไม่ดี (มีความต้านทาน) ร้อนจัดจนขั้วละลายได้ จะมีรีเลย์ (ไม่ใช่ดีเลย์) หรือไม่ก็ตามที ... พลังงานไฟฟ้า ไม่ได้ถูกเปลี่ยนเป็นแสงสว่างทั้งหมด แต่กลายเป็นพลังงานความร้อน(สูญเปล่า) ความร้อนที่มากขึ้น เกินปกตินี้ จะทำให้ปรอทที่ฉาบไว้บนโคม ไหม้ หรือระเหย (หมอง) ความร้อนไส้หลอดที่มากเกิน จะทำให้ไส้ขาดเร็ว
8. หลอด xenon เก๊ (zenon, xenan ฯลฯ) เป็นหลอดมีไส้ธรรมดาๆ แต่ใช้สีเคลือบหลอด เพื่อให้แสงไฟที่ออก มีสีเสมือนกับว่า เป็นหลอด xenon แท้
สีที่เคลือบ จะทำให้ความสว่างลดลง หลอด plasma blue ของ PIAA ราคาแพง เพราะผลิตโดยทำให้ตัวแก้วของหลอด มีสีน้ำเงินจางๆ (ผสม cobalt เข้าไปในเนื้อแก้ว) ความสว่างจึงลดลงน้อย ไม่เกิน 20%
หลอดไต้หวัน หลอดจีนแดง หลอดโนเนม .. ใช้สีเคลือบราคาถูกๆ การที่ความสว่างจะลดลง 40-50% จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ดูเผินๆ เหมือนหลอดสว่างขึ้น เพราะเวลากลางคืน ตาคนเราไวต่อแสงสีน้ำเงินน้อย พอเห็นแสงสีน้ำเงินจ้าๆ จึงหลอกตัวเองว่า เห็นแสงสว่างมากๆ ถ้าไม่หลอกตัวเอง จะพบว่า ตอนกลางคืน ตาของคนเร็ว ไวต่อแสงสีแดง มากกว่าสีน้ำเงิน เป็นร้อยๆเท่า นอกจากจะไวกว่าแล้ว ยังพร่ามัวเพราะแสงสีแดง น้อยกว่าแสงสีน้ำเงิน เป็นร้อยๆเท่าเช่นกัน
การใช้ของเก๊ ที่ให้แสงสว่างน้อยลง ให้แสงสว่างที่เห็นไม่ค่อยชัด ให้แสงสว่างที่ทำให้ตาพร่ามัวง่าย โดยคิดว่า มันสว่างกว่า ชัดเจนกว่า อันตรายไหมหละ?
9. หลอดไฟมีไส้ ทำงานโดยการเผาไส้หลอด (ด้วยกระแสไฟฟ้า) ให้ร้อนแดง ... ไส้หลอดจะระเหยออกไปบ้างเล็กน้อย ระเหยไปเคลือบที่ผิวหลอดด้านใน ใช้ไปนานๆ ไส้หลอดบางลง หลอดขาดหรือ ไส้หลอดยังไม่ทันบาง ไอโลหะเคลือบผิวหลอด จนแสงส่องผ่านน้อยลง (เหมือนฟิล์มปรอท) หลอดจึงบรรจุธาตุพวก halogen และแก๊สเฉื่อย ไว้เล็กน้อย เพื่อให้เกิด Halide cycle (กรุณาหาอ่านจาก google) ซึ่งทำให้กระบวนการที่ว่ามาข้างบน ไม่เกิดขึ้น
แต่ถ้าไส้หลอดร้อนจัดเกินไป กระบวนการ halide cycle ทำงานไม่ทัน ... ไส้หลอดขาดพั้วะ! หลอด 100/110w ... สว่างจริง ขาดเร็วจริง เวลาเราเปลี่ยนหลอดไฟหน้า เราเปลี่ยนสองข้าง (ก็อยากแต่งซิ่งนี่นา หรือใครเปลี่ยนข้างนึง 50w อีกข้าง 100w?) เวลาขาด .. มันจะขาดไล่เลี่ยกันมาก เพราะอะไร? ถ้าใส่ relay แยก หลอดใครหลอดมัน ก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ใส่ .. จะมีแรงดันตกคร่อมสูญหาย ในระบบสายไฟส่องสว่าง V = IR ตอนที่หลอด 2 หลอดทำงาน V ตกคร่อม = (I1 + I2) * R เนื่องจาก I1 = I2 ฉนั้นแรงดันตกคร่อมสูญหาย = 2*I*R แรงดันไปถึงขั้วหลอดคือ E - 2*I*R
แต่เมื่อหลอดหนึ่งขาด ไฟตกคร่อมจะเหลือ I*R แรงดันไปถึงขั้วหลอดคือ E - I*R
หลอดที่ปริ่มๆจะขาด โดนแรงดันเพิ่ม ถึงจะอีกนิดก็เหอะ ... ขาดไหมหละ?
คำถามบ่อย & คำตอบไม่บ่อย 1.ค่า K ของหลอดไฟมีผลต่อความสว่างและสีของแสงที่ออกมาไหม
มีผล ค่า K คือ อุณหภูมิสี (ไม่ใช่อุณหภูมิของไส้หลอด)ของแสงที่ออกมา โดยเทียบกับสีของของที่เผาจนร้อน จนอุณหภูมิที่ระบุ (กี่ K ก็ว่าไป) หลอด 5000k คือ หลอดที่มีสีสันของแสงไฟ เหมือนของที่เผาจนร้อน 5500 องศา Kelvin
เน้น ... เน้น .... เน้น ... สีสัน ไม่ใช่ความสว่าง และ ... K ยิ่งมาก ดูเหมือนสว่างมากขึ้น แต่จริงๆแล้ว สว่างน้อยลง ยิ่งหลอด xenon ยิ่งเห็นผลชัด หลอด 4100k ให้ความสว่างประมาณ 3500 lumens ในขณะที่หลอด 10,000-12,000 ให้ความสว่างไม่เกิน 2000 lumens
บ.ผลิตหลอด xenon ยี่ห้อดีๆ จะไม่ผลิตหลอดที่สีไฟเกิน 5500k โดยใช้ชื่อของบริษัทเองครับ หลอดมีไส้ทั่วๆไป ให้ความสว่าง 1200-1800 lumens
2. ค่า K มีผลต่อความร้อนภายในโคมไฟหน้าไหม
ค่า K ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความร้อนของหลอด ความร้อน และความสว่าง ขึ้นกับจำนวนวัตต์ของหลอด
3.ถ้า ค่า K มากๆจะทำให้โคมไฟหน้าขุ่นหรือละลายไหม (ถ้าเป็นโคมพลาสติก) แล้วสรุปว่าค่า K คืออารัย? ประโยชน์คืออะไร? ยิ่งมาก ยิ่งทำไมหรือ?
ค่า K ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความร้อนของหลอด ฉะนั้น จะขุ่นหรือไม่ขุ่น ไม่ได้เกี่ยวกับค่า K K ยิ่งสูง ก็แค่สวย และที่เข้าใจผิดกันมากๆๆ คือ ค่า K ที่เหมาะสมที่สุดนั้นคือ 4100-5500 เท่านั้น (สีเหลือง หรือ เหลือง-ขาว) เพราะในเวลากลางคืน ตาคนเรา ไวต่อแสงที่มีโทนสีร้อน (เหลือง) มากกว่าโทนสีเย็นหลายเท่า ยิ่งแสงไฟ มีโทนสี K สูงเท่าไหร่ แสงที่สะท้อนกลับจากพื้นถนน หรือ วัตถุอื่นๆ จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ และเห็นไม่ชัดมากขึ้น
ถ้าของที่มีโทนสีสูง (K สูง) ดีกว่า K ต่ำ .. เราคงเห็นเส้นถนน ที่ระบุถึงอันตราย เป็นสีขาวอมม่วง แทนที่จะเป็นสีเหลืองไปนานแล้วครับ
4. หลอด xenon กินไฟน้อยกว่าหลอดธรรมดา แล้วทำไมฟิวส์เดี๋ยวขาดๆ หละ?
ตัวหลอด ไม่กินไฟ แต่บัลลาสท์กิน และยัดจ่ายไฟให้หลอด ต้องรักษาพลังงานให้คงที่ (P=35 watts +/- 10%)
ตอนเริ่มทำงาน วงจรภายในต้องดึงพลังงานมาสะสมในกล่อง .. เพื่อการจุดอาร์คด้วยพลังงานสูงมาก หลายๆครั้ง ได้พอเพียง
ก็เหมือนกับเล่นซับ ในเครื่องเสียง แอมป์ 100 วัตต์ ขืนต่อฟิวส์ 100/12 .. 8 แอมป์เข้าไป ฟิวส์ขาดกระจาย! เพราะมันสามารถอัดได้ (สั้นๆ) ถึง 400 วัตต์
แค่ไฟแฟลชถ่ายรูปดวงกระจิ๋ว วงจรภายในยังต้องสะสมพลังงานไว้ถึง 15-50 joules เลย ... มากพอที่จะทำให้คนแกะไฟแฟลชออกมาเล่นโดยไม่รู้เรื่อง ร่วงลงไปกองกับพื้น
ก๊อบเข้ามาเหมือนกัน แต่ก็อ่านซะหน่อย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
cliff
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #65 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2009 22:57:33 » |
|
ไม่อ่าน จะใส่ แต่ต้องรอของฟรีชุดใหม่ก่อน อิอิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
LittleDeer
|
|
« ตอบ #66 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2009 23:36:50 » |
|
แค่ 15,000 ก็มองทางมะค่อยเห็นละมั้ง
แล้วสีอะไรที่มันมองเหนทางได้ไกลกว่าเดิมอะพี่ Osram Night Breaker พี่โจถามหน่อย ราคาเท่าไร ออกไฟสีอะไรคับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NosDriVe
|
|
« ตอบ #67 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2009 06:26:25 » |
|
แค่ 15,000 ก็มองทางมะค่อยเห็นละมั้ง
แล้วสีอะไรที่มันมองเหนทางได้ไกลกว่าเดิมอะพี่ Osram Night Breaker พี่โจถามหน่อย ราคาเท่าไร ออกไฟสีอะไรคับ 800
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้าไม่ทนเหนื่อย ทนลำบากมาด้วยกัน ก็ไม่รู้หรอกว่าแต่ละคนให้ใจกันแค่ไหน ใช่มั้ย พิเรณทีม
|
|
|
NosDriVe
|
|
« ตอบ #68 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2009 06:26:52 » |
|
มารู้จัก xenon กัน
1. หลอด xenon คือ หลอดที่ทำงานเหมือนไฟแฟลชถ่ายรูป แสงสว่างเกิดจากการอาร์คของไฟฟ้าข้ามขั้ว (ขั้วงกัน 5 mm) ผ่านแกสแรงดันสูง (2 bar) เทอร์โบอัดหนักๆ อัดกันที่แรงดัน 1.2-1.5 bar พวกแข่งขันชิงสาว ชิงถ้วยรางวัลจะอัดกันที่ 2.4-2.5 bar ก่อนเครื่องกระจาย
2. แก็สในหลอด xenon เป็นแก๊สเฉื่อยชื่อ xenon (ถามเพื่อนๆที่เรียนเคมี จะรู้จักกันทุกคน) และมีแก๊สอื่นๆปนหลายอย่าง
3. ไฟที่ใช้จุดหลอด xenon ให้ทำงาน มีแรงดัน 12,000-18,000 volts! (แรงดัน สูงกว่าไฟที่อาร์คที่ขั้วหัวเทียนเสียอีก) เพราะแก๊สหรืออากาศปกติ ก็มีความต้านทานไฟฟ้าสูงมากๆ (เกือบอินฟินิตี้ .. ร้อยๆล้านโอห์มเลย) ยิ่งแก๊สในหลอด xenon ของเรา มีแรงดันสูง ยิ่งต้องใช้ไฟแรงสูงให้มันกระโดดข้ามได้ ที่เรียกๆ กัน (ผิดๆ) ว่ากล่องรีเลย์ หรือ (เรียกถูกต้องว่า) กล่องบัลลาสท์ มีหน้าที่นี้แหละ ... แปลงแรงดันจากไฟแบต 12 volts ให้สูงถึงเกือบสองหมื่นโวลท์ แต่เมื่ออาร์คเกิดแล้ว กล่องจะต้องลดแรงดันเหลือ 100-200 volts เพราะลำอาร์ค มีความต้านทานต่ำ (100 โอห์ม) เมื่อลำอาร์คเสถียร ให้แสงสว่างเต็มที่ ความต้านทานจะลดลงอีก กล่องจะต้องลดแรงดันลงอีก ไม่อย่างนั้น ไหม้แน่นอน
การทำงานทุกอย่างที่ว่ามา ต้องเสร็จภายใน 1-2 วินาที กล่องบัลลาสท์ดีๆ ถึงได้แพงระเบิด
คำเตือน คำเตือน คำเตือน
แรงดันไฟฟ้าในกล่องบัลลาสท์ เป็นไฟฟ้าแรงดันสูงมาก (20,000 volts) และมีพลังงานสูงมาก (200-300 joules) สามารถฆ่าคนถึงตายได้
4. เมื่อหลอดสว่างเต็มที่ แรงดันในหลอดจะสูงขึ้น 30-40 bar อุณหภูมิในหลอด จะสูงประมาณ 1200 องศาซี ความร้อนนี้ ลดลงไม่ได้ เพราะถ้าลดลง ลำอาร์คซึ่งเป็นพลาสมา จะดับทันที .. ถึงทำให้หลอด(ที่ใช้ในรถยนต์)มีขนาดใหญ่มากไม่ได้ หลอดแบบนี้ ถ้าเป็นหลอดใหญ่ๆ จะใช้เป็นไฟส่องสว่างถนน (ไฟแสงจันทร์ ไฟโซเดียม ฯลฯ) หลอดถึงต้องมีซีลสองชั้น .. กันระเบิด
หลอดธรรมดาๆ มีอุณหภูมิภายในแถวๆ 700 องศาซี และอุณหภูมิที่ผิวหลอดแก้ว ร้อยกว่าองศาเท่านั้น
5. ความสว่างของแสงที่ออก หน่วยวัดคือ L (ลูเมนส์ LUMENS) ไม่ใช่ K (Kelvin) K เป็นหน่วยวัดเปรียบเทียบ ว่าที่สว่างๆนั้น ให้สีเสมือนของที่กำลังร้อนที่กี่องศา K เสมือนร้อนกี่ K นะ ไม่ใช่ร้อนเท่านั้นๆ K จริง
6. ถ้าไปดู website ของ บ.ที่ผลิตหลอด xenon ระดับยักษ์ใหญ่ จะพบความจริงที่น่าตกใจ ที่เหมือนกันหมด ทุกบริษัทพูดเหมือนกันหมด คือ หลอดซีนอนในรถยนต์ ยิ่งมีองศาสีสูง (K ยิ่งสูง) ความสว่าง (L) ยิ่งน้อย หลอด 10,000K สว่างไม่ถึง 1/2 ของหลอด 5,000K xenon ของ BMW/Benz (frost ice) มีค่าองศาสี แค่ 4300K เท่านั้น ... แต่ความสว่างแถวๆ 3,000-3,500L
หลอดโรงงานยี่ห้อดังๆ มีองศาสีสูงสุด 6000K
พวก 10,000-12,000K ... บ.ยักษ์ใหญ่ ไม่กล้าเอาผลิตใต้ชื่อตัวเอง ... กลัวโดนฟ้อง เพราะความสว่างแค่ 1,600-1,800L เท่านั้น
7. หลอดไฟมีไส้ธรรมดาๆ จะมีความสว่าง 1,200-1,500L และให้อุณหภูมิสีอยู่ที่ 2,800-3,200K หลอด superbright จะสว่าง 1,500-1,800L และให้สีเสมือนมีอุณหภูมิ 3,300-3,500K
หลอดไต้หวันราคาถูกๆ จะสว่าง 1,800-2,000L โดยการเพิ่มขนาดของไส้หลอด ความต้านทานไส้ลดลง กินกระแสไฟฟ้ามากขึ้นเป็น 100-110w แทนที่จะเป็น 50/55w เหมือนหลอดธรรมดาๆ ... ไฟรถมีแรงดัน 12v หมายถึงกระแสไฟฟ้าไหลเข้าหลอด 10A แทนที่จะเป็น 5A
จะมีรีเลย์ (ไม่ใช่ดีเลย์) หรือไม่ก็ตามที กระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้ามากขึ้น (10A) จะทำให้ขั้วหลอดที่ไม่ดี (มีความต้านทาน) ร้อนจัดจนขั้วละลายได้ จะมีรีเลย์ (ไม่ใช่ดีเลย์) หรือไม่ก็ตามที ... พลังงานไฟฟ้า ไม่ได้ถูกเปลี่ยนเป็นแสงสว่างทั้งหมด แต่กลายเป็นพลังงานความร้อน(สูญเปล่า) ความร้อนที่มากขึ้น เกินปกตินี้ จะทำให้ปรอทที่ฉาบไว้บนโคม ไหม้ หรือระเหย (หมอง) ความร้อนไส้หลอดที่มากเกิน จะทำให้ไส้ขาดเร็ว
8. หลอด xenon เก๊ (zenon, xenan ฯลฯ) เป็นหลอดมีไส้ธรรมดาๆ แต่ใช้สีเคลือบหลอด เพื่อให้แสงไฟที่ออก มีสีเสมือนกับว่า เป็นหลอด xenon แท้
สีที่เคลือบ จะทำให้ความสว่างลดลง หลอด plasma blue ของ PIAA ราคาแพง เพราะผลิตโดยทำให้ตัวแก้วของหลอด มีสีน้ำเงินจางๆ (ผสม cobalt เข้าไปในเนื้อแก้ว) ความสว่างจึงลดลงน้อย ไม่เกิน 20%
หลอดไต้หวัน หลอดจีนแดง หลอดโนเนม .. ใช้สีเคลือบราคาถูกๆ การที่ความสว่างจะลดลง 40-50% จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ดูเผินๆ เหมือนหลอดสว่างขึ้น เพราะเวลากลางคืน ตาคนเราไวต่อแสงสีน้ำเงินน้อย พอเห็นแสงสีน้ำเงินจ้าๆ จึงหลอกตัวเองว่า เห็นแสงสว่างมากๆ ถ้าไม่หลอกตัวเอง จะพบว่า ตอนกลางคืน ตาของคนเร็ว ไวต่อแสงสีแดง มากกว่าสีน้ำเงิน เป็นร้อยๆเท่า นอกจากจะไวกว่าแล้ว ยังพร่ามัวเพราะแสงสีแดง น้อยกว่าแสงสีน้ำเงิน เป็นร้อยๆเท่าเช่นกัน
การใช้ของเก๊ ที่ให้แสงสว่างน้อยลง ให้แสงสว่างที่เห็นไม่ค่อยชัด ให้แสงสว่างที่ทำให้ตาพร่ามัวง่าย โดยคิดว่า มันสว่างกว่า ชัดเจนกว่า อันตรายไหมหละ?
9. หลอดไฟมีไส้ ทำงานโดยการเผาไส้หลอด (ด้วยกระแสไฟฟ้า) ให้ร้อนแดง ... ไส้หลอดจะระเหยออกไปบ้างเล็กน้อย ระเหยไปเคลือบที่ผิวหลอดด้านใน ใช้ไปนานๆ ไส้หลอดบางลง หลอดขาดหรือ ไส้หลอดยังไม่ทันบาง ไอโลหะเคลือบผิวหลอด จนแสงส่องผ่านน้อยลง (เหมือนฟิล์มปรอท) หลอดจึงบรรจุธาตุพวก halogen และแก๊สเฉื่อย ไว้เล็กน้อย เพื่อให้เกิด Halide cycle (กรุณาหาอ่านจาก google) ซึ่งทำให้กระบวนการที่ว่ามาข้างบน ไม่เกิดขึ้น
แต่ถ้าไส้หลอดร้อนจัดเกินไป กระบวนการ halide cycle ทำงานไม่ทัน ... ไส้หลอดขาดพั้วะ! หลอด 100/110w ... สว่างจริง ขาดเร็วจริง เวลาเราเปลี่ยนหลอดไฟหน้า เราเปลี่ยนสองข้าง (ก็อยากแต่งซิ่งนี่นา หรือใครเปลี่ยนข้างนึง 50w อีกข้าง 100w?) เวลาขาด .. มันจะขาดไล่เลี่ยกันมาก เพราะอะไร? ถ้าใส่ relay แยก หลอดใครหลอดมัน ก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ใส่ .. จะมีแรงดันตกคร่อมสูญหาย ในระบบสายไฟส่องสว่าง V = IR ตอนที่หลอด 2 หลอดทำงาน V ตกคร่อม = (I1 + I2) * R เนื่องจาก I1 = I2 ฉนั้นแรงดันตกคร่อมสูญหาย = 2*I*R แรงดันไปถึงขั้วหลอดคือ E - 2*I*R
แต่เมื่อหลอดหนึ่งขาด ไฟตกคร่อมจะเหลือ I*R แรงดันไปถึงขั้วหลอดคือ E - I*R
หลอดที่ปริ่มๆจะขาด โดนแรงดันเพิ่ม ถึงจะอีกนิดก็เหอะ ... ขาดไหมหละ?
คำถามบ่อย & คำตอบไม่บ่อย 1.ค่า K ของหลอดไฟมีผลต่อความสว่างและสีของแสงที่ออกมาไหม
มีผล ค่า K คือ อุณหภูมิสี (ไม่ใช่อุณหภูมิของไส้หลอด)ของแสงที่ออกมา โดยเทียบกับสีของของที่เผาจนร้อน จนอุณหภูมิที่ระบุ (กี่ K ก็ว่าไป) หลอด 5000k คือ หลอดที่มีสีสันของแสงไฟ เหมือนของที่เผาจนร้อน 5500 องศา Kelvin
เน้น ... เน้น .... เน้น ... สีสัน ไม่ใช่ความสว่าง และ ... K ยิ่งมาก ดูเหมือนสว่างมากขึ้น แต่จริงๆแล้ว สว่างน้อยลง ยิ่งหลอด xenon ยิ่งเห็นผลชัด หลอด 4100k ให้ความสว่างประมาณ 3500 lumens ในขณะที่หลอด 10,000-12,000 ให้ความสว่างไม่เกิน 2000 lumens
บ.ผลิตหลอด xenon ยี่ห้อดีๆ จะไม่ผลิตหลอดที่สีไฟเกิน 5500k โดยใช้ชื่อของบริษัทเองครับ หลอดมีไส้ทั่วๆไป ให้ความสว่าง 1200-1800 lumens
2. ค่า K มีผลต่อความร้อนภายในโคมไฟหน้าไหม
ค่า K ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความร้อนของหลอด ความร้อน และความสว่าง ขึ้นกับจำนวนวัตต์ของหลอด
3.ถ้า ค่า K มากๆจะทำให้โคมไฟหน้าขุ่นหรือละลายไหม (ถ้าเป็นโคมพลาสติก) แล้วสรุปว่าค่า K คืออารัย? ประโยชน์คืออะไร? ยิ่งมาก ยิ่งทำไมหรือ?
ค่า K ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความร้อนของหลอด ฉะนั้น จะขุ่นหรือไม่ขุ่น ไม่ได้เกี่ยวกับค่า K K ยิ่งสูง ก็แค่สวย และที่เข้าใจผิดกันมากๆๆ คือ ค่า K ที่เหมาะสมที่สุดนั้นคือ 4100-5500 เท่านั้น (สีเหลือง หรือ เหลือง-ขาว) เพราะในเวลากลางคืน ตาคนเรา ไวต่อแสงที่มีโทนสีร้อน (เหลือง) มากกว่าโทนสีเย็นหลายเท่า ยิ่งแสงไฟ มีโทนสี K สูงเท่าไหร่ แสงที่สะท้อนกลับจากพื้นถนน หรือ วัตถุอื่นๆ จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ และเห็นไม่ชัดมากขึ้น
ถ้าของที่มีโทนสีสูง (K สูง) ดีกว่า K ต่ำ .. เราคงเห็นเส้นถนน ที่ระบุถึงอันตราย เป็นสีขาวอมม่วง แทนที่จะเป็นสีเหลืองไปนานแล้วครับ
4. หลอด xenon กินไฟน้อยกว่าหลอดธรรมดา แล้วทำไมฟิวส์เดี๋ยวขาดๆ หละ?
ตัวหลอด ไม่กินไฟ แต่บัลลาสท์กิน และยัดจ่ายไฟให้หลอด ต้องรักษาพลังงานให้คงที่ (P=35 watts +/- 10%)
ตอนเริ่มทำงาน วงจรภายในต้องดึงพลังงานมาสะสมในกล่อง .. เพื่อการจุดอาร์คด้วยพลังงานสูงมาก หลายๆครั้ง ได้พอเพียง
ก็เหมือนกับเล่นซับ ในเครื่องเสียง แอมป์ 100 วัตต์ ขืนต่อฟิวส์ 100/12 .. 8 แอมป์เข้าไป ฟิวส์ขาดกระจาย! เพราะมันสามารถอัดได้ (สั้นๆ) ถึง 400 วัตต์
แค่ไฟแฟลชถ่ายรูปดวงกระจิ๋ว วงจรภายในยังต้องสะสมพลังงานไว้ถึง 15-50 joules เลย ... มากพอที่จะทำให้คนแกะไฟแฟลชออกมาเล่นโดยไม่รู้เรื่อง ร่วงลงไปกองกับพื้น
ก๊อบเข้ามาเหมือนกัน แต่ก็อ่านซะหน่อย
ย๊าว ยาว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้าไม่ทนเหนื่อย ทนลำบากมาด้วยกัน ก็ไม่รู้หรอกว่าแต่ละคนให้ใจกันแค่ไหน ใช่มั้ย พิเรณทีม
|
|
|
|
[[Badd]]
|
|
« ตอบ #70 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2009 17:24:50 » |
|
ลพบุรีวันนี้ หินดีดโดนกระจกมาเซงเรยยย
แถมกันชนหลังไม่รู้ใครแมร่งมาเฉี่ยวอีกแสรดดด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
soda
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #71 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2009 17:41:36 » |
|
ลพบุรีวันนี้ หินดีดโดนกระจกมาเซงเรยยย
แถมกันชนหลังไม่รู้ใครแมร่งมาเฉี่ยวอีกแสรดดด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nu MaI <RZ>
|
|
« ตอบ #72 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2009 17:51:27 » |
|
งั้นพักซีนอนไว้ก่อน เอาโคมเพชร เพราะว่า โคมเก่าไม่ไหวแล้ว ขุน มัว เกินกว่าจะเยียวยา ที่สำคัน ข้างนึงแท้ ข้างนึงเทียม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nu MaI <RZ>
|
|
« ตอบ #73 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2009 17:55:35 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
[[Badd]]
|
|
« ตอบ #74 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2009 17:56:22 » |
|
งั้นพักซีนอนไว้ก่อน เอาโคมเพชร เพราะว่า โคมเก่าไม่ไหวแล้ว ขุน มัว เกินกว่าจะเยียวยา ที่สำคัน ข้างนึงแท้ ข้างนึงเทียม ข้างนึงเทียมข้างนึงแท้ ยังคิดจะใส่ซีนอนอีกโอ้โห แถวบ้านเรียกไม่ปรึกษา เด๋วก็เจอประมาณว่าใส่ซีอนแล้วต้องหาสปอร์ตไลท์เพิ่มอีก หรือคิดว่ามีแล้วไม่ต้องเพิ่ม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
[[Badd]]
|
|
« ตอบ #75 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2009 17:57:10 » |
|
โลกความฝันกะความจริงมันต่างกันเยอะน้องเอ้ยยยย นอกซะจากจะฝันแล้วตามมันให้เจอ ไม่ใช่คิดว่าได้แค่ฝันแล้วไม่พยายามทำ มันก็ไม่มีทางได้อะไรเลยต่างหาก ถ้ารักจะทำรถ เก็บเงินเข้า คิดไว้ว่าอันนี้ทำรถ แบ่งส่วนออกมา ไม่ใช่เอาเงินทำรถไปเลี้ยงหญิงหมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nu MaI <RZ>
|
|
« ตอบ #76 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2009 17:58:26 » |
|
งั้นพักซีนอนไว้ก่อน เอาโคมเพชร เพราะว่า โคมเก่าไม่ไหวแล้ว ขุน มัว เกินกว่าจะเยียวยา ที่สำคัน ข้างนึงแท้ ข้างนึงเทียม ข้างนึงเทียมข้างนึงแท้ ยังคิดจะใส่ซีนอนอีกโอ้โห แถวบ้านเรียกไม่ปรึกษา เด๋วก็เจอประมาณว่าใส่ซีอนแล้วต้องหาสปอร์ตไลท์เพิ่มอีก หรือคิดว่ามีแล้วไม่ต้องเพิ่ม เอาเปนว่าเปลียนโคมก่อน เนอะๆ พี่ๆเหนด้วยกะผมมั้ย แหะๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
[[Badd]]
|
|
« ตอบ #77 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2009 18:00:09 » |
|
งั้นพักซีนอนไว้ก่อน เอาโคมเพชร เพราะว่า โคมเก่าไม่ไหวแล้ว ขุน มัว เกินกว่าจะเยียวยา ที่สำคัน ข้างนึงแท้ ข้างนึงเทียม ข้างนึงเทียมข้างนึงแท้ ยังคิดจะใส่ซีนอนอีกโอ้โห แถวบ้านเรียกไม่ปรึกษา เด๋วก็เจอประมาณว่าใส่ซีอนแล้วต้องหาสปอร์ตไลท์เพิ่มอีก หรือคิดว่ามีแล้วไม่ต้องเพิ่ม เอาเปนว่าเปลียนโคมก่อน เนอะๆ พี่ๆเหนด้วยกะผมมั้ย แหะๆ โคมอะหาได้ เอาเพชรแท้ เพชรเทียม เพชรกำแพงยิง หรือแบบไหนล่ะ ถ้าคิดจะเอาของเทียมหวังสวย ก็คิดให้ดี เพราะถ้าให้แนะนำก้แนะนำสวยแบบของแท้ หรือไม่ก็ใสสว่างแบบของเดิม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nu MaI <RZ>
|
|
« ตอบ #78 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2009 18:03:19 » |
|
ไม่เอาแล้ววววว ขอเปนของแท้เพื่อ ค.ปลอดภัยคร๊าบ แต่คงจะเอื้อมไม่ถึงโคมดำ เพราะ ราคาช่าง ....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
卐 Vampire101 卐 <RZ>
|
|
« ตอบ #79 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2009 20:16:44 » |
|
วิ๊วๆ กลับมาแล้วววว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|