ผมว่าถ้าติดแก็สแล้วทำให้เราต้องเหนื่อยกับการขับมากขึ้น จงอย่าติด ถ้าติดแก็สแล้วทำให้เราต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงในการขับมากขึ้น จงอย่าติด ถ้าติดแก็สแล้วเราคาดหวังว่าจะได้โลละบาท จงอย่าติด ที่บอกอย่างนี้เพราะคนทั่วไปเป็นแบบนี้จิงๆ คิดดูดีๆนะครับ
1. จูนแก็สบางไป ผลคือ ออกตัวอืด โดนtaxi บีบแตรไล่กลางไฟแดง จะแซงแต่ละทีต้องนิมนต์หลวงพ่อมาช่วย ( เสี่ยงชีวิตจิงป๊ะ )
บางทีพอจะเร่งออกก็เกิดแบคไฟออกมา แล้วผลของการแบคที่เคยเห็นกับตามาแล้วที่รุนแรงที่สุดก็คือ ก้านคดจนกระแทกเสื้อทะลุออกมา แล้วเวลาขับมันก็น่าอึดอัดมาก เหมือนขับอัลติสวางเครื่องมิร่าเลย แล้วมันทำให้เปลื่องกว่าอีกนะ ระบบต่างๆก็ไม่เสถียร โอ๊ยเลิกเหอะแบบบางๆหน่ะ เอาพอดีดีกว่า แล้วจะเห็นสวรรค์ของการขับรถแก็สเลย
2. จูนหนาไปวิ่งก็ไม่ออก เปลืองก็เปลือง เหม็นก็เหม็น
(ที่ไหน จูนแก๊ส เครื่อง 2e 4e 4a 5a 7a หรืออะไรที่ใกล้เคียงกับ เครื่อง รหัสที่ว่าไป เนี่ยอะนะ....แล้วเกิด แบล๊คไฟล์ เนี่ยนะ....ก็อย่าไปทำกับ โปเตโต้ เลยครับ....ห่ วย แตก ..แค่นี้ยังทำแบล๊คไฟล์ เลยคิดดู...... ) สรุปแล้วท่านลองปรับจูนใหม่ เอาแบบว่าเวลาวิ่งให้ใกล้เคียงน้ำมันที่สุด ทั้งรอบเดินเบา รอบวิ่งกลางๆจนถึงการซิ่ง เพราะนั้นคือจุดที่ท่านจะได้คำว่าที่สุดในทุกๆด้านของแก็ส ( กำลังเครื่องยนต์ ความทนทาน ความปลอดภัย และประหยัด มันจะมาครบทุกด้าน ) แล้วปัญหาของแต่ละท่านจะหายไปเอง
แล้วอาการอีกอย่างของรถแก็สที่แสดงให้เรารู้เป็นอย่างแรกเลยถ้าปรับจูนไม่ได้ดีคือ การสตาร์ทด้วยแก็สจะให้ความรู้สึกที่เพี้ยนไป
(อันนี้ไม่แนะนำให้ สตารฺ์ทด้วยแก๊สครับ...ปกติ จะใช้น้ำมันสตาร์ทครับ.) อันนี้เจ้าของรถเองแหละที่จะรู้ได้ ลองสตาร์ทน้ำมันก่อนสัก 2-3 ครั้ง จำลักษณะตอนเครื่องยนต์ติดไว้ให้ดีว่าเป็นอย่างไร เวลาเปลี่ยนมาสตาร์ทแก็สก็จะต้องเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าจะตอนไหนๆ ไม่ว่าจะตอนเช้าเครื่องเย็นๆสตาร์ทครั้งแรกยังไงๆก็ต้องเหมือนน้ำมัน ....ชึ่งเดียวติด บางคันจูนมา 10 ช่างก็เหมือนกัน จูนไม่ดี เวลาสตาร์ทแก็สจะต้องลากยาวกว่าปกติ อันนี้ผมยอมรับไม่ได้ เพราะแค่สตาร์ทยังเพี้ยน แล้วใช้งานจะไม่เพี้ยนได้อย่างไร ช่างทั่วไปอาจทำแก็สตามใจลูกค้า ก่อนติดคุยกันไว้ว่าติดแล้วต้องได้โลละบาท หรือบาทนิดๆ พอเอาเข้าจริงติดตั้งเรียบร้อยกลับไม่ได้อย่างที่คุยก็เลยต้องบีบแก็สลงไปอีกจนได้โลละบาทหรือบาทนิดๆ แต่เจ้าของรถละครับทำไงต่อ .......ก็ขับอัลติสวางเครื่องมิร่าสิครับงานนี้ ...... ปัจจัยและองค์ประกอบมันมีเยอะ เอาแต่ได้งานอย่างเดียวไม่ได้ ต้องได้ชื่อด้วย ....บางคันก็ทำได้ตามนั้นจริงๆ....เพราะปัจจัยและองค์ประกอบพื้นฐานต่างๆทั้งเครื่อง ทั้งรถมันเอื้อ ทำให้เราได้ทั้งประหยัดและขับสบาย ใช้งานได้ดี รวมทุกอย่างแล้วสมูธครับ ....เช่น.....อัลติสปี 04 ใช้แอลพีจีมา 5 ปี แล้วมาเปลี่ยนเป็น ngv แล้วบอกจะเอาโลละ 0.5 บาท มันจะได้ไหมละครับ ...... แต่อีกคัน ออกรถมาป้ายแดง มาติด ngv คันนี้รับรอง 0.5 บาทแน่ แถมวิ่งได้ดีทั้งกำลังและความเร็วด้วย ..... คิดเอาเองนะครับว่าเราติดแล้วอย่างได้อะไรจากมันมากที่สุดด้านไหน ....... เลือกได้แล้วก็อย่าบ่น......
1. ถ้าเป็นแบบ direct coil เราจะปรับตั้งไฟไม่ได้ วิธีแก้ก็น่าจะเป็นที่การจูนไม่ดีพอ ปรับ idle ช่วยอีกหน่อย เพราะแก็สเลี้ยงไม่พอเวลามีโหลด ไม่ว่าจากแอร์ เกียร์ออโต้ ไฟหน้า หรือเวลาพัดลมหม้อน้ำสปีดสองทำงาน เพราะฉะนั้นการจูนที่ถูกต้องก็จะต้องเปิดโหลดทุกอย่างก่อนแล้วค่อยจูน ก็จะดีเอง
2. ถ้าเป็นแบบจานจ่าย เราสามารถปรับตั้งไฟได้ แล้วเวลาจูนเนี้ยนะช่างมักจะตั้งไฟให้แก่ขึ้นเสมอเพราะค่าออกเทนของแก็สมันมากกว่าน้ำมันตั้งเยอะ ไฟจึงต้องปรับให้แก่ขึ้นไปอีก (ช่างแต่ละคน รถแต่ละคัน สันดานมันไม่เหมือนกัน ) ที่เคยเจอนะบางคันปรับไฟไปจนแก่สุดๆ จนเวลาวิ่งน้ำมันแล้วมันเขก แต่ใช้แก็สเวลาเร่งวิ่งดีมาก แต่เวลาเจอรถติดทีไรแตะเบรคค้างไว้ สั่นเป็นเจ้าเข้าเลย ก็เลยต้องตั้งรอบเดินเบาที่ 1000 -1200 เพื่อฝืนเกียร์ไว้ ข้อดีของการตั้งไฟแก่ๆแบบนี้คือ รอบมาเร็ว แค่สะกิดก็กระโดด แต่ข้อเสียคือมักจะมีเจ้ามาคอยเข้าทรงอยู่เรื่อยเวลารถติด คันเกียร์ก็แข็ง เข้าแต่ละที่ดัง ครึกๆ เวลาขับใช้งานในชีวิตประจำวันมันไม่สมูธเอาเสียเลย แต่ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาผลกระทบจะไม่มากเท่าเกียร์ออโต้
วิธีแก้ก็คือปรับไฟใหม่ให้อ่อนลงอีกทีละหน่อย ปรับแต่ละครั้งต้องจูนแก็สใหม่ทุกครั้ง ค่อยๆทำ ใจเย็นๆ เมื่อทำแต่ละครั้งผลที่เห็นคือ การโหลดจะลดลง ทำจนได้ใกล้เคียงน้ำมันที่สุด เพราะปกติใช้น้ำมันมันก็มีโหลดอยู่แล้ว เพียงแต่จะต้องไม่สั่นแบบเจ้าเข้านะ แบบนั้นไม่เอา สุดท้ายเมื่อเรียบร้อยแล้ว ผลคือ เครื่องจะลดอาการกระชากลงเวลาแตะคันเร่ง มันจะวิ่งด้วยอาการที่แท้จริงของเครื่องยนต์ ไปแบบนิ่มๆ ดึงแบบนิ่มๆ แซงสบาย ลากมันๆได้ยาวๆ และประหยัด
มีใครเคยออกมาดูปลายท่อไอเสียรถตัวเองตอนวิ่งซัก 100 กม/ชม.บ้างไหมคับ ถ้ามีก็บ้าแล้ว ผมจะบอกว่ารถที่แหวนหลวมแต่ไม่มากจนแสดงอาการให้เห็นตอนติดเครื่องจอดนั่นคือไม่มีควันขาวให้เห็น แต่ใช่ว่าเวลาวิ่งจริง ใช้รอบเครื่องสูงๆแล้วจะแปลว่าไม่มี นั่นมิใช่ดอก มันเป็นไปได้นะนาย ยิ่งแบบว่าจูนแก็สบางด้วยแล้ว ความร้อนสะสมมันเยอะกว่ามาก มันจึงแห้งได้เหมียนกัน สังเกตุสิคับ ถ้ามันหายน้อยๆเนี่ย เวลาถ่ายออกมันจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มมากแต่ไม่ค่อยจะเหนียวข้นมากหรอก แต่ถ้าออกมาแบบข้นๆเหนียวๆละก็แสดงว่ามันแห้งจากความร้อนที่มากเกินธรรมดาไม่ได้รั่วออกไปไหนดอก