พี่ๆ เพื่อนๆ ท่านใดทำงานด้านประเมินอยู่ ธอส. บ้างครับ

[mee...]

พี่ๆ เพื่อน ท่านใดทำงานด้านประเมินอยู่ ธอส. บ้างครับ
หรือมีเพื่อนทำงานอยู่บ้าง
พอดีจะขอกู้แบงค์ซื้อบ้านนะครับ
จะขอคำปรึกษาหน่อย
มีทิ้งเบอร์ไว้นะครับ เดี๋ยวติดต่อกลับ

ขอบคุณมากครับ

[RINSA]

พอดี มีคนรู้จัก ทำงานอยู่ สำนักงานใหญ่หรือไงนี่ละคะ

ขอท้าวความในการซื้อบ้านก่อนนะคะ  คนนี้แจ้งว่าเขาจะสามารถทำการประเมิณซื้อบ้านมือ 1 หรือ 2
ให้ได้ราคามากกว่าราคาประเมิณค่ะ แต่ต้องจ่ายให้เขา หลังละ 20,000 เรียกว่าเงินใต้โต๊ะนั้นแหละคะ
เงินส่วนนี้ จ่ายให้ก็ต่อเมื่อเราทำการประเมินผ่านแล้ว หักใน กองเงินกู้ตรงนั้นละคะ
เพราะถ้ายื่นเรื่องเอง ทางแบงค์คงประเมินให้ได้แค่ 70-80% เท่านั้น

พี่คนนี้ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอกนะคะ พอดีหมู่บ้านที่อยู่เป็นทาวน์เฮาส์บ้านข้าง ๆ เขาเล่ามา ก็เลยบอกต่อกันคะ

มีอะไรก็สอบถามเบอร์พี่เค้าได้คะ  คุณปุณ  086-308-6501 

[( . )jab-ben( . )]

ขอรายละเอียดด้วยคนคับ ว่าจะตั้งทู้ถามอยู่เหมือนกันคับ ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง เสียค่าธรรมเนียมอะไรและยังไง กรณีซื้อบ้านมือ2 เพราะสิ้นเดือนจะยื่นเอกสารจะซื้อให้แม่อ่ะคับ และมีวิธีทำให้ราคาประเมินสุงๆป่ะคับ pmรึว่าเบอร์โทรก้อได้ ขอบคุณล่วงหน้าค้าบบบบบบบบบ

[RINSA]

การซื้อบ้านมือสองนะคะ  ต้องเตรียมค่าประเมิณ 2500  ด้วย แต่กรณีนี้ ส่วนใหญ่ทางแบงค์ประเมิณแค่ 70-80% นะคะ

ถ้าอยากได้ยอดจัดประเมิณสูงๆ  ต้องทำตามที่รินบอกโทรปรึกษาพี่เขาเลยค่ะ เขาทำงานอยู่ที่นั้นให้ความกระจ่างได้มากกว่า ถ้าถามว่า คุ้มไหม รินว่าคุ้มกว่านะ จ่าย 2 หมื่น ได้เงินมาก้อนใหญ่กว่าราคาบ้าน คือ เรียกว่า เราไม่ต้องมีซักบาทเลยก็มีบ้านได้ เตรียมตัวเป็นหนี้อย่างเดียว ฮี่ๆ เงินที่เหลือก็เอามาต่อเติมบ้านหรือทาสี หรือใช้อะไรก็แล้วแต่เรา

เอกสาร หนังสือรับรองเงินเดือน บุ๊คแบงค์ด้วย สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน เอกสารเหมือนยื่นซื้อรถนั้นแหละ คะ

รอทั่นอื่นมาตอบอีกที

[mee...]

ขอบคุณมากครับ
เดี๋ยวลองโทรปรึกษาดู

[Jeng_sogood]

ผมเล่าให้ฟังแบบนี้ละกันครับ

ผมเคยทำงานบริษัทประเมินเมื่อก่อน ออกมา ปีกว่าแระ  รับงาน ธอส. เนี่ยแหละครับ  ค่าประเมิน ธอส. ประมาณ 1700+vat  การประเมินใช้วิธีการทางการตลาด หากว่าเป็นบ้านใหม่ก็อย่าไปเสียเวลาจ่ายใต้โต๊ะเลยครับ
เสียเงินเข้าปาก...เปล่าเพราะว่าทางธนาคาเค้ามีราคา fast track อยู่ก่อนแล้ว เค้ารู้ต่อให้นักประเมิน ประเมินมาสูงเท่าไหร่ก็ให้เท่านั้น  จะต้องบอกก่อนว่า ณ ปัจจุบัน ธนาคารส่วนใหญ่ใช้บริษัทประเมินนอกหมดแล้ว
ไม่มีฝ่ายประเมินของตัวเองแต่ว่ามีเจ้าหน้าที่ประเมินสินเชื่อ  ซึ่งเค้าไม่โง่ครับ  แล้วถ้านักประเมินกล้าประเมินสูงเค้าปรับอ้วกท่วมเลยครับ เพราะว่าทำให้ธนาคารมีความเสียงเพิ่มขึ้น โดยสรุปถ้าเป็นบ้านใหม่ ไม่ต้องสนใจ
ทำตามเรื่องตามราว  จ่ายค่าธรรมเนียม ไม่ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่กับเครดิต และความสามารถในการจ่ายของผู้กู้ครับว่ามีความสามารถในการจ่ายแค่ไหน แบงค์เค้าอยากได้เงินกับดอกเบี้ยครับ เค้าไม่อยากได้บ้านคุณหรอก
เค้าต้องประเมินว่าคุณมีปัญญาจ่ายมั้ย

คราวนี้เรามาดูบ้านมือสอง  วิธีการประเมินในปัจจุบันเรียกว่า market approach คือใช้ราคาตลาดในการประเมิน ถ้าเป็นบ้านจัดสรร นักประเมินยิ้ม คือเอาบ้านแถวนั้นเป็นข้อมูลเปรียบเทียบได้เลย แต่ถ้าเป็นบ้านสร้างเองยากหน่อย
แล้วแบบนี้ผู้บริโภคทำไง คือ 1. เลือกซื้อบ้านที่ถูกที่สุดในย่านนั้น   2. ถ้าหาบ้านถูกแล้วไม่ถูกใจก็ทำให้ราคาแถวนั้นเพิ่มขึ้นซิครับ (อันนี้เทคนิค แล้วแต่ความสามารถส่วนบุคคล ใช้วิจารณญาณในการรับฟัง) ติดป้ายโฆษณาขายบ้านเองครับ
ใช้หลายรายมือ  หลายเบอร์โทร แต่ต้องเอาให้โทรไปติดแล้วมีคนให้ข้อมูลนะครับ เอาให้เหมือนกับทรัพย์สินที่เราจะซื้อมากที่สุด เวลานักประเมินโทรไปถามให้ตอบราคาเสนอขายแพงๆ หรือซื้อขายไปแล้วราคาแพงๆ  บ้านของคุณก็จะราคาแพง
ไปเองครับ หรือไม่ก็ไปติดสินบนร้านค้า ร้านทำผม แถวที่ตั้งทรัพย์สิน เพื่อเวลานักประเมินไปถามข้อมูลเค้าจะได้บอกราคาแพงๆ นักประเมินไม่ใช่โง่นะครับแต่ว่าคุณคิดดูวันนีงประเมิน 6-7 ทรัพย์สิน เค้าไม่มีเวลามานั่ง cross check ข้อมูล
มากนักหรอกครับ ถ้าทุกอย่างตรงกันหมด เค้าก็ประเมินตามนั้นแหละครับ   คำเตือน  อันนี้แล้วแต่ความเนียนของแต่ละคน ไม่ให้นักประเมินจับได้ หรือถ้ารู้จักคนแถวนั้นบ้างก็ ขอติดป้ายหน้าบ้านเค้าเวลาได้วันที่นักประเมินเค้าโครไปนัดประเมิน

ขอให้โชคดีครับ  อย่าให้ใต้โต๊ะเด็ดขาย คุณจะเสียเงินฟรีครับ ผมรับรอง
อยากรู้อะไรเพิ่มเติม pm มาแล้วกันครับ

[taufhun]

ผมเล่าให้ฟังแบบนี้ละกันครับ

ผมเคยทำงานบริษัทประเมินเมื่อก่อน ออกมา ปีกว่าแระ  รับงาน ธอส. เนี่ยแหละครับ  ค่าประเมิน ธอส. ประมาณ 1700+vat  การประเมินใช้วิธีการทางการตลาด หากว่าเป็นบ้านใหม่ก็อย่าไปเสียเวลาจ่ายใต้โต๊ะเลยครับ
เสียเงินเข้าปาก...เปล่าเพราะว่าทางธนาคาเค้ามีราคา fast track อยู่ก่อนแล้ว เค้ารู้ต่อให้นักประเมิน ประเมินมาสูงเท่าไหร่ก็ให้เท่านั้น  จะต้องบอกก่อนว่า ณ ปัจจุบัน ธนาคารส่วนใหญ่ใช้บริษัทประเมินนอกหมดแล้ว
ไม่มีฝ่ายประเมินของตัวเองแต่ว่ามีเจ้าหน้าที่ประเมินสินเชื่อ  ซึ่งเค้าไม่โง่ครับ  แล้วถ้านักประเมินกล้าประเมินสูงเค้าปรับอ้วกท่วมเลยครับ เพราะว่าทำให้ธนาคารมีความเสียงเพิ่มขึ้น โดยสรุปถ้าเป็นบ้านใหม่ ไม่ต้องสนใจ
ทำตามเรื่องตามราว  จ่ายค่าธรรมเนียม ไม่ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่กับเครดิต และความสามารถในการจ่ายของผู้กู้ครับว่ามีความสามารถในการจ่ายแค่ไหน แบงค์เค้าอยากได้เงินกับดอกเบี้ยครับ เค้าไม่อยากได้บ้านคุณหรอก
เค้าต้องประเมินว่าคุณมีปัญญาจ่ายมั้ย

คราวนี้เรามาดูบ้านมือสอง  วิธีการประเมินในปัจจุบันเรียกว่า market approach คือใช้ราคาตลาดในการประเมิน ถ้าเป็นบ้านจัดสรร นักประเมินยิ้ม คือเอาบ้านแถวนั้นเป็นข้อมูลเปรียบเทียบได้เลย แต่ถ้าเป็นบ้านสร้างเองยากหน่อย
แล้วแบบนี้ผู้บริโภคทำไง คือ 1. เลือกซื้อบ้านที่ถูกที่สุดในย่านนั้น   2. ถ้าหาบ้านถูกแล้วไม่ถูกใจก็ทำให้ราคาแถวนั้นเพิ่มขึ้นซิครับ (อันนี้เทคนิค แล้วแต่ความสามารถส่วนบุคคล ใช้วิจารณญาณในการรับฟัง) ติดป้ายโฆษณาขายบ้านเองครับ
ใช้หลายรายมือ  หลายเบอร์โทร แต่ต้องเอาให้โทรไปติดแล้วมีคนให้ข้อมูลนะครับ เอาให้เหมือนกับทรัพย์สินที่เราจะซื้อมากที่สุด เวลานักประเมินโทรไปถามให้ตอบราคาเสนอขายแพงๆ หรือซื้อขายไปแล้วราคาแพงๆ  บ้านของคุณก็จะราคาแพง
ไปเองครับ หรือไม่ก็ไปติดสินบนร้านค้า ร้านทำผม แถวที่ตั้งทรัพย์สิน เพื่อเวลานักประเมินไปถามข้อมูลเค้าจะได้บอกราคาแพงๆ นักประเมินไม่ใช่โง่นะครับแต่ว่าคุณคิดดูวันนีงประเมิน 6-7 ทรัพย์สิน เค้าไม่มีเวลามานั่ง cross check ข้อมูล
มากนักหรอกครับ ถ้าทุกอย่างตรงกันหมด เค้าก็ประเมินตามนั้นแหละครับ   คำเตือน  อันนี้แล้วแต่ความเนียนของแต่ละคน ไม่ให้นักประเมินจับได้ หรือถ้ารู้จักคนแถวนั้นบ้างก็ ขอติดป้ายหน้าบ้านเค้าเวลาได้วันที่นักประเมินเค้าโครไปนัดประเมิน

ขอให้โชคดีครับ  อย่าให้ใต้โต๊ะเด็ดขาย คุณจะเสียเงินฟรีครับ ผมรับรอง
อยากรู้อะไรเพิ่มเติม pm มาแล้วกันครับ

แจ่มเลย

[ne_dnet]

ผมเล่าให้ฟังแบบนี้ละกันครับ

ผมเคยทำงานบริษัทประเมินเมื่อก่อน ออกมา ปีกว่าแระ  รับงาน ธอส. เนี่ยแหละครับ  ค่าประเมิน ธอส. ประมาณ 1700+vat  การประเมินใช้วิธีการทางการตลาด หากว่าเป็นบ้านใหม่ก็อย่าไปเสียเวลาจ่ายใต้โต๊ะเลยครับ
เสียเงินเข้าปาก...เปล่าเพราะว่าทางธนาคาเค้ามีราคา fast track อยู่ก่อนแล้ว เค้ารู้ต่อให้นักประเมิน ประเมินมาสูงเท่าไหร่ก็ให้เท่านั้น  จะต้องบอกก่อนว่า ณ ปัจจุบัน ธนาคารส่วนใหญ่ใช้บริษัทประเมินนอกหมดแล้ว
ไม่มีฝ่ายประเมินของตัวเองแต่ว่ามีเจ้าหน้าที่ประเมินสินเชื่อ  ซึ่งเค้าไม่โง่ครับ  แล้วถ้านักประเมินกล้าประเมินสูงเค้าปรับอ้วกท่วมเลยครับ เพราะว่าทำให้ธนาคารมีความเสียงเพิ่มขึ้น โดยสรุปถ้าเป็นบ้านใหม่ ไม่ต้องสนใจ
ทำตามเรื่องตามราว  จ่ายค่าธรรมเนียม ไม่ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่กับเครดิต และความสามารถในการจ่ายของผู้กู้ครับว่ามีความสามารถในการจ่ายแค่ไหน แบงค์เค้าอยากได้เงินกับดอกเบี้ยครับ เค้าไม่อยากได้บ้านคุณหรอก
เค้าต้องประเมินว่าคุณมีปัญญาจ่ายมั้ย

คราวนี้เรามาดูบ้านมือสอง  วิธีการประเมินในปัจจุบันเรียกว่า market approach คือใช้ราคาตลาดในการประเมิน ถ้าเป็นบ้านจัดสรร นักประเมินยิ้ม คือเอาบ้านแถวนั้นเป็นข้อมูลเปรียบเทียบได้เลย แต่ถ้าเป็นบ้านสร้างเองยากหน่อย
แล้วแบบนี้ผู้บริโภคทำไง คือ 1. เลือกซื้อบ้านที่ถูกที่สุดในย่านนั้น   2. ถ้าหาบ้านถูกแล้วไม่ถูกใจก็ทำให้ราคาแถวนั้นเพิ่มขึ้นซิครับ (อันนี้เทคนิค แล้วแต่ความสามารถส่วนบุคคล ใช้วิจารณญาณในการรับฟัง) ติดป้ายโฆษณาขายบ้านเองครับ
ใช้หลายรายมือ  หลายเบอร์โทร แต่ต้องเอาให้โทรไปติดแล้วมีคนให้ข้อมูลนะครับ เอาให้เหมือนกับทรัพย์สินที่เราจะซื้อมากที่สุด เวลานักประเมินโทรไปถามให้ตอบราคาเสนอขายแพงๆ หรือซื้อขายไปแล้วราคาแพงๆ  บ้านของคุณก็จะราคาแพง
ไปเองครับ หรือไม่ก็ไปติดสินบนร้านค้า ร้านทำผม แถวที่ตั้งทรัพย์สิน เพื่อเวลานักประเมินไปถามข้อมูลเค้าจะได้บอกราคาแพงๆ นักประเมินไม่ใช่โง่นะครับแต่ว่าคุณคิดดูวันนีงประเมิน 6-7 ทรัพย์สิน เค้าไม่มีเวลามานั่ง cross check ข้อมูล
มากนักหรอกครับ ถ้าทุกอย่างตรงกันหมด เค้าก็ประเมินตามนั้นแหละครับ   คำเตือน  อันนี้แล้วแต่ความเนียนของแต่ละคน ไม่ให้นักประเมินจับได้ หรือถ้ารู้จักคนแถวนั้นบ้างก็ ขอติดป้ายหน้าบ้านเค้าเวลาได้วันที่นักประเมินเค้าโครไปนัดประเมิน

ขอให้โชคดีครับ  อย่าให้ใต้โต๊ะเด็ดขาย คุณจะเสียเงินฟรีครับ ผมรับรอง
อยากรู้อะไรเพิ่มเติม pm มาแล้วกันครับ

ทำเป็นอาชีพเลย แต่ผมกู้ซื้อบ้านพร้อมที่ดิน บังเอิญซื้อที่อีกแบ็งมา ก็เลยได้ราคาถูกกว่าราคาประเมิณอยู่แล้ว แต่ก็ได้ 80% ของราคาที่เสนอซื้อ (เอกสารมัดแน่นเลย) และบ้านก็ปลูกตามแบบ อันนี้โก่งราคาได้หน่อยครับ หุ หุ เลยถูไถกันไปได้ครับ

แต่ถ้าซื้อมือสองไม่ทราบจริง ๆ ครับ อ้อ ผมก็กู้ที่ ธอส. อย่าไปบอกเขานะครับ หุ หุ

[( . )jab-ben( . )]

การซื้อบ้านมือสองนะคะ  ต้องเตรียมค่าประเมิณ 2500  ด้วย แต่กรณีนี้ ส่วนใหญ่ทางแบงค์ประเมิณแค่ 70-80% นะคะ

ถ้าอยากได้ยอดจัดประเมิณสูงๆ  ต้องทำตามที่รินบอกโทรปรึกษาพี่เขาเลยค่ะ เขาทำงานอยู่ที่นั้นให้ความกระจ่างได้มากกว่า ถ้าถามว่า คุ้มไหม รินว่าคุ้มกว่านะ จ่าย 2 หมื่น ได้เงินมาก้อนใหญ่กว่าราคาบ้าน คือ เรียกว่า เราไม่ต้องมีซักบาทเลยก็มีบ้านได้ เตรียมตัวเป็นหนี้อย่างเดียว ฮี่ๆ เงินที่เหลือก็เอามาต่อเติมบ้านหรือทาสี หรือใช้อะไรก็แล้วแต่เรา

เอกสาร หนังสือรับรองเงินเดือน บุ๊คแบงค์ด้วย สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน เอกสารเหมือนยื่นซื้อรถนั้นแหละ คะ

รอทั่นอื่นมาตอบอีกที

ขอบคุณค้าบ คนรู้จักเค้าก้อเพิ่งซื้อบ้านมือ2ประเมิณเกินไปตั้งแสนนึงคับ เลยอยากหาช่องทางอื่นๆร่วมด้วย กลัวไม่ผ่านคับ

[JAKE]

ผมเล่าให้ฟังแบบนี้ละกันครับ

ผมเคยทำงานบริษัทประเมินเมื่อก่อน ออกมา ปีกว่าแระ  รับงาน ธอส. เนี่ยแหละครับ  ค่าประเมิน ธอส. ประมาณ 1700+vat  การประเมินใช้วิธีการทางการตลาด หากว่าเป็นบ้านใหม่ก็อย่าไปเสียเวลาจ่ายใต้โต๊ะเลยครับ
เสียเงินเข้าปาก...เปล่าเพราะว่าทางธนาคาเค้ามีราคา fast track อยู่ก่อนแล้ว เค้ารู้ต่อให้นักประเมิน ประเมินมาสูงเท่าไหร่ก็ให้เท่านั้น  จะต้องบอกก่อนว่า ณ ปัจจุบัน ธนาคารส่วนใหญ่ใช้บริษัทประเมินนอกหมดแล้ว
ไม่มีฝ่ายประเมินของตัวเองแต่ว่ามีเจ้าหน้าที่ประเมินสินเชื่อ  ซึ่งเค้าไม่โง่ครับ  แล้วถ้านักประเมินกล้าประเมินสูงเค้าปรับอ้วกท่วมเลยครับ เพราะว่าทำให้ธนาคารมีความเสียงเพิ่มขึ้น โดยสรุปถ้าเป็นบ้านใหม่ ไม่ต้องสนใจ
ทำตามเรื่องตามราว  จ่ายค่าธรรมเนียม ไม่ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่กับเครดิต และความสามารถในการจ่ายของผู้กู้ครับว่ามีความสามารถในการจ่ายแค่ไหน แบงค์เค้าอยากได้เงินกับดอกเบี้ยครับ เค้าไม่อยากได้บ้านคุณหรอก
เค้าต้องประเมินว่าคุณมีปัญญาจ่ายมั้ย

คราวนี้เรามาดูบ้านมือสอง  วิธีการประเมินในปัจจุบันเรียกว่า market approach คือใช้ราคาตลาดในการประเมิน ถ้าเป็นบ้านจัดสรร นักประเมินยิ้ม คือเอาบ้านแถวนั้นเป็นข้อมูลเปรียบเทียบได้เลย แต่ถ้าเป็นบ้านสร้างเองยากหน่อย
แล้วแบบนี้ผู้บริโภคทำไง คือ 1. เลือกซื้อบ้านที่ถูกที่สุดในย่านนั้น   2. ถ้าหาบ้านถูกแล้วไม่ถูกใจก็ทำให้ราคาแถวนั้นเพิ่มขึ้นซิครับ (อันนี้เทคนิค แล้วแต่ความสามารถส่วนบุคคล ใช้วิจารณญาณในการรับฟัง) ติดป้ายโฆษณาขายบ้านเองครับ
ใช้หลายรายมือ  หลายเบอร์โทร แต่ต้องเอาให้โทรไปติดแล้วมีคนให้ข้อมูลนะครับ เอาให้เหมือนกับทรัพย์สินที่เราจะซื้อมากที่สุด เวลานักประเมินโทรไปถามให้ตอบราคาเสนอขายแพงๆ หรือซื้อขายไปแล้วราคาแพงๆ  บ้านของคุณก็จะราคาแพง
ไปเองครับ หรือไม่ก็ไปติดสินบนร้านค้า ร้านทำผม แถวที่ตั้งทรัพย์สิน เพื่อเวลานักประเมินไปถามข้อมูลเค้าจะได้บอกราคาแพงๆ นักประเมินไม่ใช่โง่นะครับแต่ว่าคุณคิดดูวันนีงประเมิน 6-7 ทรัพย์สิน เค้าไม่มีเวลามานั่ง cross check ข้อมูล
มากนักหรอกครับ ถ้าทุกอย่างตรงกันหมด เค้าก็ประเมินตามนั้นแหละครับ   คำเตือน  อันนี้แล้วแต่ความเนียนของแต่ละคน ไม่ให้นักประเมินจับได้ หรือถ้ารู้จักคนแถวนั้นบ้างก็ ขอติดป้ายหน้าบ้านเค้าเวลาได้วันที่นักประเมินเค้าโครไปนัดประเมิน

ขอให้โชคดีครับ  อย่าให้ใต้โต๊ะเด็ดขาย คุณจะเสียเงินฟรีครับ ผมรับรอง
อยากรู้อะไรเพิ่มเติม pm มาแล้วกันครับ

บริษัทโดนกลต.แขวนยังครับเนี่ย 55555  ล้อเล่นนะครับ

[JAKE]

ขอเติมอีกหน่อยแล้วกัน ถึงคุณจะปักป้ายหลอก หรือ บอกร้านค้า ร้านทำผมแถวนั้น เพื่ออัพราคา ก็ไม่ได้ช่วย อะไรหรอกครับ

เพราะเค้ายังมีผู้ประเมินราคาหลัก อีก  แล้ว เค้าก็มีฐานข้อมูล หมดแหระครับ ว่าหมู่บ้านนี้ เนื้อที่เท่านี้ราคาเท่าไหร่ ถ้ามันเว่อร์ไป

เค้าก็ไม่เซ็นต์หรอกครับ  รายย่อย ราคามันหนีได้ไม่มากหรอกครับ รายธุรกิจ เมกได้ง่ายกว่า จากทั้งสิ่งปลูกสร้าง และ เครื่องจักร

สรุปยัดกับธนาคารไปเลย แล้วเด๋วธนาคารก็จะไปบีบ บริษัทประเมิน ให้ทำราคาเองแหระครับ ถ้าบริษัทยังอยากให้แบ็งค์ส่งงานให้

ก็ต้องว่าตามแบ็งค์  อิอิ รอท่านอื่นมาเสริมอีกนะครับ เผื่อจะมีลู่ทางอีก

[mee...]

ผมเล่าให้ฟังแบบนี้ละกันครับ

ผมเคยทำงานบริษัทประเมินเมื่อก่อน ออกมา ปีกว่าแระ  รับงาน ธอส. เนี่ยแหละครับ  ค่าประเมิน ธอส. ประมาณ 1700+vat  การประเมินใช้วิธีการทางการตลาด หากว่าเป็นบ้านใหม่ก็อย่าไปเสียเวลาจ่ายใต้โต๊ะเลยครับ
เสียเงินเข้าปาก...เปล่าเพราะว่าทางธนาคาเค้ามีราคา fast track อยู่ก่อนแล้ว เค้ารู้ต่อให้นักประเมิน ประเมินมาสูงเท่าไหร่ก็ให้เท่านั้น  จะต้องบอกก่อนว่า ณ ปัจจุบัน ธนาคารส่วนใหญ่ใช้บริษัทประเมินนอกหมดแล้ว
ไม่มีฝ่ายประเมินของตัวเองแต่ว่ามีเจ้าหน้าที่ประเมินสินเชื่อ  ซึ่งเค้าไม่โง่ครับ  แล้วถ้านักประเมินกล้าประเมินสูงเค้าปรับอ้วกท่วมเลยครับ เพราะว่าทำให้ธนาคารมีความเสียงเพิ่มขึ้น โดยสรุปถ้าเป็นบ้านใหม่ ไม่ต้องสนใจ
ทำตามเรื่องตามราว  จ่ายค่าธรรมเนียม ไม่ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่กับเครดิต และความสามารถในการจ่ายของผู้กู้ครับว่ามีความสามารถในการจ่ายแค่ไหน แบงค์เค้าอยากได้เงินกับดอกเบี้ยครับ เค้าไม่อยากได้บ้านคุณหรอก
เค้าต้องประเมินว่าคุณมีปัญญาจ่ายมั้ย

คราวนี้เรามาดูบ้านมือสอง  วิธีการประเมินในปัจจุบันเรียกว่า market approach คือใช้ราคาตลาดในการประเมิน ถ้าเป็นบ้านจัดสรร นักประเมินยิ้ม คือเอาบ้านแถวนั้นเป็นข้อมูลเปรียบเทียบได้เลย แต่ถ้าเป็นบ้านสร้างเองยากหน่อย
แล้วแบบนี้ผู้บริโภคทำไง คือ 1. เลือกซื้อบ้านที่ถูกที่สุดในย่านนั้น   2. ถ้าหาบ้านถูกแล้วไม่ถูกใจก็ทำให้ราคาแถวนั้นเพิ่มขึ้นซิครับ (อันนี้เทคนิค แล้วแต่ความสามารถส่วนบุคคล ใช้วิจารณญาณในการรับฟัง) ติดป้ายโฆษณาขายบ้านเองครับ
ใช้หลายรายมือ  หลายเบอร์โทร แต่ต้องเอาให้โทรไปติดแล้วมีคนให้ข้อมูลนะครับ เอาให้เหมือนกับทรัพย์สินที่เราจะซื้อมากที่สุด เวลานักประเมินโทรไปถามให้ตอบราคาเสนอขายแพงๆ หรือซื้อขายไปแล้วราคาแพงๆ  บ้านของคุณก็จะราคาแพง
ไปเองครับ หรือไม่ก็ไปติดสินบนร้านค้า ร้านทำผม แถวที่ตั้งทรัพย์สิน เพื่อเวลานักประเมินไปถามข้อมูลเค้าจะได้บอกราคาแพงๆ นักประเมินไม่ใช่โง่นะครับแต่ว่าคุณคิดดูวันนีงประเมิน 6-7 ทรัพย์สิน เค้าไม่มีเวลามานั่ง cross check ข้อมูล
มากนักหรอกครับ ถ้าทุกอย่างตรงกันหมด เค้าก็ประเมินตามนั้นแหละครับ   คำเตือน  อันนี้แล้วแต่ความเนียนของแต่ละคน ไม่ให้นักประเมินจับได้ หรือถ้ารู้จักคนแถวนั้นบ้างก็ ขอติดป้ายหน้าบ้านเค้าเวลาได้วันที่นักประเมินเค้าโครไปนัดประเมิน

ขอให้โชคดีครับ  อย่าให้ใต้โต๊ะเด็ดขาย คุณจะเสียเงินฟรีครับ ผมรับรอง
อยากรู้อะไรเพิ่มเติม pm มาแล้วกันครับ

ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวสงสัยไรจะ pm ไปถามนะครับ

[ฟู]

 

[จี่จี๋ รักในหลวง]

ขอเติมอีกหน่อยแล้วกัน ถึงคุณจะปักป้ายหลอก หรือ บอกร้านค้า ร้านทำผมแถวนั้น เพื่ออัพราคา ก็ไม่ได้ช่วย อะไรหรอกครับ

เพราะเค้ายังมีผู้ประเมินราคาหลัก อีก  แล้ว เค้าก็มีฐานข้อมูล หมดแหระครับ ว่าหมู่บ้านนี้ เนื้อที่เท่านี้ราคาเท่าไหร่ ถ้ามันเว่อร์ไป

เค้าก็ไม่เซ็นต์หรอกครับ  รายย่อย ราคามันหนีได้ไม่มากหรอกครับ รายธุรกิจ เมกได้ง่ายกว่า จากทั้งสิ่งปลูกสร้าง และ เครื่องจักร

สรุปยัดกับธนาคารไปเลย แล้วเด๋วธนาคารก็จะไปบีบ บริษัทประเมิน ให้ทำราคาเองแหระครับ ถ้าบริษัทยังอยากให้แบ็งค์ส่งงานให้

ก็ต้องว่าตามแบ็งค์  อิอิ รอท่านอื่นมาเสริมอีกนะครับ เผื่อจะมีลู่ทางอีก

สงสัยท่านนี้จะทำงานแบงก์

ไม่ต้องไปยัดเงินยัดทองหรอกครับ มันไม่ดี คนรับก้อผิดจรรยาบรรณด้วย
แล้วไม่ใช่ว่ายัดแล้วจะผ่านนะ ราคาประเมินเป็นแค่ส่วนประกอบ
หลักสำคัญก้อคือตัวคุณเองนั่นและ มีหน้าที่การงานมั่นคงหรือเปล่า
มีความสามารถในการชำระหนี้ขนาดไหน ถ้าเครดิตคุณดี คุณกู้ได้เกินวงเงินอยู่แล้ว
คนเครดิตดี หลักประกันหย่อน หรือไม่มีหลักประกันยังกู้ได้เลยครับ
ส่วนเรื่องประเมิน บวกลบได้10%ครับ เป็นเรื่องปรกติอยู่แล้วครับ
ปัจจุบันแบงก์จะใช้ประเมินอิสระหรือประเมินภายนอกนั่นแหละครับ
แต่เค้าก้อต้องเอาเล่มมาให้เจ้าหน้าประเมินแบงก์รับรองครับ สามารถปรับราคาขึ้นลงได้อีกครับ
บริษัทประเมินภายนอกที่ทำการประเมินไม่ได้มาตราฐาน ส่อไปในทางทุจริต ทางธนาคารก้อจะ
งดส่งงานให้บริษัทนั้นๆ แล้วให้ทางกรรมการบริษัททำการชี้แจง และให้เหตุผล ไม่งั้นก้องดส่งงาน
อาจส่งเรื่องให้ กลต.รับทราบอีกด้วยครับ ผมจะแนะนำคร่าวๆนะครับ
1 เลือกบ้านให้ถูกใจ แล้วทำการสำรวจราคาด้วยตัวคุณเองว่าราคาที่คุณซื้อมันแพงเกินจริงหรือเปล่า
2. คุณอาจให้ธนาคารช่วยดูให้ก้อได้ ขอคำปรึกษากับเจ้าหน้าที่ธนาคาร
3.ถ้าคุณมั่นใจในราคาแล้ว ประกอบกับมีเจ้าหน้าที่ช่วยดูให้ได้ก้อไม่มีอะไรน่ากลัวแล้วครับ

ขอให้โชคดีนะครับ

[mee...]

ขอบคุณทุกๆ คำตอบนะครับ
เรื่องการผ่อนชำระผมว่าไม่น่าจะมีปัญหา
เพราะบริษัทผม (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) เขาเอาเงินไปวางเป็นหลักประกันไว้กับทาง ธอส.ให้นะครับ
ได้ความรู้แบบนี้ก็อุ่นใจในเรื่องที่จะยัดเงินให้กับพวกประเมินเพื่อให้ประเมินสูงๆๆ

[JAKE]

จะซื้อบ้านใจเย็นๆนะครับ  ทำตามคำแนะนำของท่านBEUY 99 THAKHAM CLUB  แนะนำมาก้ได้ครับ แต่ถ้าเป็นบ้านมือสอง ลองสืบ

ประวัติบ้านหลังนั้นดูสักหน่อยนะครับ ใช้วิธีสอบถามจากร้านค้า หรือ ร้านทำผม แถวนั้น คราวนี้ท่านจะได้รู้ราคาในระแวกนั้น และประวัติ

ของบ้านหลังนั้น เพราะเพื่อนผมเคยไปประเมินบ้านหลังนึง เป็นบ้านเดี่ยว เป็นนักศึกษาสองผัวเมีย ฆ่ากันตายเพราะหึงหวง  เจ้าของบ้าน

คนใหม่ ไม่รู้ประวัติเจอดีเข้าทนไม่ได้ ไปตามหมอผีมา หมอผี แก้ปัญหาโดยการ  เอาวิญญาณผีตายทั้งกลม มาสะกดวิญญาณ สองผัว

เมีย สรุป จากมีอยู่ 2 กลายเป็น 4    555555555 ดีนะที่ไม่ได้ไปกับมันอ่ะครับ อิอิ

ผมไม่ได้ทำงานแบ็งค์หรอกครับ  ทำงานประเมินนี่แหระ  แต่ส่วนใหญ่แล้ว จะทำ พวกเครื่องจักร น่ะครับ (แต่ตอนนี้ลาออกมา4ปีแล้ว)

ส่วนเรื่องปักป้ายขายหลอกเนี่ย ไม่แนะนำนะครับ ถ้าเป็นรายเฮ้าซิ่ง คงไม่ค่อยมีใครมารีเช็คข้อมูล แต่เค้าก็มีฐานข้อมูลอยู่ในมืออยู่แล้ว

แต่ถ้าเป็นรายธุรกิจ ที่เป็นโครงการใหญ่เนี้ย เค้าจะมีวิธีเช็คครับว่ามันเป็นข้อมูล จริงหรือเท็จ

ยังไงขอให้ได้บ้านที่ถูกใจในราคาที่ถูกใจ อยู่แล้วมีความสุข ร่ำรวยๆ นะครับ

[จี่จี๋ รักในหลวง]

คุณ JAKE อยู่ประเมินอิสระเหรอครับ  ประเมินพวกเครื่องจักร อยู่ ไอเอฟซีที หรือเปล่า หรือ บีซีเอ
ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ก้ออยากแนะนำผู้กู้ซื้อบ้านนะครับ  ดูความสามารถในการชำระหนี้ของเราเป็นหลักนะครับ
จะได้รู้กำลังว่าเราสามารถซื้อบ้านได้ในราคาที่เท่าไหร่ ปรึกษาธนาคารก่อนนะครับ เดี๋ยวเผลอไปทำสัญญาซื้อขาย
วางมัดจำแล้วกู้ไม่ผ่าน จะเสียตังค์ไปฟรีๆ ธนาคารเค้าให้คำปรึกษาอยู่แล้วครับ เค้าก้ออยากได้ลูกค้ามากู้เงิน
ส่วนเรื่องยัดเงินใต้โต๊ะไม่ต้องหรอกครับ เราไม่ได้กู้เงินมาทำธุรกิจ แล้วธนาคารก้อจะมองเราไม่ดี
นอกเสียจากเจ้าหน้าที่ ที่ไม่มีจรรยาบรรณ แสวงหาผลประโยชน์ครับ

[JAKE]

คุณ JAKE อยู่ประเมินอิสระเหรอครับ  ประเมินพวกเครื่องจักร อยู่ ไอเอฟซีที หรือเปล่า หรือ บีซีเอ
ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ก้ออยากแนะนำผู้กู้ซื้อบ้านนะครับ  ดูความสามารถในการชำระหนี้ของเราเป็นหลักนะครับ
จะได้รู้กำลังว่าเราสามารถซื้อบ้านได้ในราคาที่เท่าไหร่ ปรึกษาธนาคารก่อนนะครับ เดี๋ยวเผลอไปทำสัญญาซื้อขาย
วางมัดจำแล้วกู้ไม่ผ่าน จะเสียตังค์ไปฟรีๆ ธนาคารเค้าให้คำปรึกษาอยู่แล้วครับ เค้าก้ออยากได้ลูกค้ามากู้เงิน
ส่วนเรื่องยัดเงินใต้โต๊ะไม่ต้องหรอกครับ เราไม่ได้กู้เงินมาทำธุรกิจ แล้วธนาคารก้อจะมองเราไม่ดี
นอกเสียจากเจ้าหน้าที่ ที่ไม่มีจรรยาบรรณ แสวงหาผลประโยชน์ครับ

ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ  เคยอยู่สยามแอพครับ  เคยทำอยู่4ปีครับ แล้วก็ออกมา4ปีแล้วครับ แต่ ยังทำวิธี income ไม่เป็นเลยครับ

แม่ยายบังคับให้ออกมาซะก่อนอ่ะครับ อิอิ