จบแล้วนะคับแต่ไม่ค่อยจะแอปปี้เท่าไหร่ แถสุดๆ
ก่อนอื่นตอนเช้าผมได้มาปรึกษาผุ้ใหญ่ที่ดูแลผมอยู่ และเค้าเองแนะนำให้ลงไปคุยกัน 2 คนก่อน
ผมเลยลงไปคุยเองเลยเข้าไปหาที่แผนกที่เค้าอยู่ แต่ไม่เจอเลยถามคนในห้องนั้นว่าอยู่ไหน
พอเดินออกมาก็เจอพอดี
เลยยกมือไหว้หวัดดีนำไปก่อน แล้วบอกว่าพอดีผมมีเรื่องจะคุยด้วย
นำด้วยบอกว่าพอดีเมื่อวานไปเยี่ยมลูกค้ามาแล้วลูกค้าบอกว่าฝากซองไว้ให้ผม
พอดีผมยังไม่ได้รับเลยมาถามดู
ญ ตอบ: ไม่มีนะไม่เห็นมีใครฝากอะไรไว้เลยหนิ ทำหน้า งง งง ใส่
ผมตอบไปว่า :หรอคับพอดีลูกค้าเค้าบอกว่าฝากไว้กับพี่หนิคับ
ญ ตอบ อืม...อ้อจำได้แล้ว มีซองนะแต่เค้าไม่ได้ระบุหน้าซองถึงเราหนิ เค้าให้พวกพี่ไม่ใช่หรอ
ผมตอบว่า หรอคับ อืมถ้าเค้าไม่ได้ฝากให้ผม แล้วเค้าจะถามผมเรื่องซองนี้ทำไมหล่ะคับ...
ญ ตอบ หลบตาแล้วพูด ว่าพี่เค้าใจว่าเค้าให้พวกพี่หนิ เพราะปกติถ้าลูกค้าจะให้เค้าจะให้เองกับมือคนรับเลย
ผมตอบ อืมคับ พอดี ลูกค้าฝากถามมาว่า เพราะอะไร ผมจึงไม่รู้เรื่องซอง ผมจะได้ไปตอบลูกค้าถูกว่าเพราะอะไร
ญ ตอบ เริ่มลน จะให้ทำยังไงหล่ะ พี่เองแบ่งเงินตรงนั้น ให้ลูกน้องพี่ไปหมดแล้วหล่ะ
ผมตอบ หรอคับ อืมพร้อมยืนกอดอก อารมณ์ตรูเริ่มมาคุแล้ว
ญ ตอบ ปกติลูกค้าให้ซองมาพี่ก็ทำแบบนี้ทุกครั้งนะ
ผมตอบ อืมหรอคับ ทั้งๆที่พี่เองรับแทนผมหน่ะหรอคับ
ญตอบ ก็ปกติลูกค้าให้ซองพวกพี่ก้จะเอามาแบ่งกันทุกครั้งนะ ย้ำคำเดิมอีก แถสุดๆ
ผมตอบ โอเค ผมใจได้อธิบายให้ลุกค้าเข้าใจว่าสาเหตุใด ผมจึงไม่รุ้เรื่องซองนั้นเลย...
ในใจบอกตามตรงตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกจริงๆ มันตันไปหมดแล้ว แถไป จนผมเองไม่รู้จะถามต่อยังไง
จากนั้นผมจึงมาเล่าให้ผู้ใหญ่ที่ดุแลผมฟังถึงเรื่องราวทั้งหมดและหลังจากนั้น ผู้ใหญ่ของทั้ง 2ฝ่ายก็ได้คุยกัน
ทางฝ่ายนั้นน่าจะเรียก ญ.คนนั้นมาตักเตือน ถึงเหตุการดังกล่าว.....
สรุปแล้วนะคับ สุดท้ายเอง เท่าที่คนที่ดิวงานเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟังคือ
คืนนั้นเองตัวลุกค้า ถูกใจกับงานคืนนั้นมาก เลยเอาซองเปล่าจากคนที่ดิวงานกับผมไป 1 ซองแล้วใส่เงินเพื่อตั้งใจจะให้ผม
และให้ตามหาผม แต่ผมไม่อยู่เนื่องจากลงไปเคลียยอดบิล เนื่องจากเป็นจำนวนเงินที่ละเอียดและมากอยู่
ตอนนั้นเองลูกค้าก็ได้กล่าวขอบคุณผมที่จัดงานให้อย่างดีบนเวที เนื่องจากเป็นเวลากล่าวปิดงาน และขอบคุณพนักงานบริการทุกคนด้วย
และเนื่องจากตัวผมเองไม่อยู่ จึงเรียกให้พนักงาน ผู้นั้นมารับซองแทน แทนที่จะเป็นตัวผม
จึงอาจเกิดความเข้าใจผิดขึ้น พอผมขึ้นมา ลูกค้าก็บอกว่าผมหายไปไหนมา เมื่อกี้จะให้มารับของ
แต่บอกตามตรง เวลานั้นผมเบลอมากๆ ตั้งแต่ 8 โมงเช้ายัน 4ทุ่ม หนักหนามากสำหรับผม
คนที่ดิวงานก็เข้ามาหาถามอีกว่าหายไปไหน เมื่อกี้ลูกค้า ขอบคุณและจะให้ขึ้นไปรับของ
ผมมึนกับตัวเลขค่าใช้จ่ายมาก ก็อาจไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งดังกล่าวและทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก
ลูกค้ามาจับมือบอกว่าเราคงได้มีโอกาสได้ใช้บริการคุณอีก
จัดได้เกินคาดมากคับน้อง พุดตามภาษคนสนิท เคยเจอกันก่อนหน้าวันงานจริงมาดูสถานที่และมาทานข้าวที่ดรงแรม
และลูกค้าเองตอนนั้นค่อนข้าง ดื่มไปเยอะพอสมควร
เรื่องทั้งหมดอาจมองได้ 2 แง่นะคับ ว่าเป็นการเข้าใจผิด หรือ เป็นการจงใจ
แต่ทำไม ตอนผมถามครั้งแรก จึงปฏิเสธ บอกไม่มี ไม่รู้เรื่อง ส่วนตัวผมว่า ผงเองคงเข้าใจถูกแล้วหล่ะสุดท้ายแล้วผมพยายามคิดแบบในทางที่ดีนะคับ ว่าคงเกิดความเข้าใจผิดกันว่า ลูกค้าให้ พนักงาน ญ.คนนั้น ซึ่งเป็นหัวหน้าเด็กเสริฟในงานนั้น
เพราะสุดท้ายแล้ว ในทุกครั้งผมเองไม่เคยเก็บเงินที่ลุกค้าให้มาไว้เองเลย เพราะคิดว่า คนเหล่านั้น มีเงินเดือน ค่อนข้างน้อย ถ้าเทียบกับตัวผม
ผมเองจิงให้เอาไปแบ่งกันซะ แต่ผมจะให้พนักงานระดับล่างๆ ส่วนใหญ่ลุกค้าจะให้ประมาร 1-2 พัน บาทในแต่ละครั้ง บางครั้งอาจสูงถึง 5พันบาท
แต่ครั้งนี้ที่ผมรู้สึกติดใจกับเรื่องราวทั้งหมด เนื่องจาก ลุกค้าเอ่ยปากถามเรื่องซองกับผมเอง แล้วผมไม่รู้เรื่องเลยจึง
ต้องการอยากจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ........ถึงแม้มันจะ จริงที่เข้าใจผิดหรือ ไม่ก็ตาม
และสำหรับผมเองถือว่าครั้งนี้เป็นบทเรียนสอนผมให้รุ้จักคนมากขึ้นและระวังมากขึ้น
และผมเองก็คิดว่าตัวคนนั้นเองก็คงระวังผมมากขึ้นเช่นกัน
เรื่องทั้งหมดจึงจบลงเท่านี้คับ
ผมเองเชื่อว่าสุดท้ายแล้ว ใครทำอะไรไว้ย่อมได้รับ ผลกรรมที่ทำเอาไว้ไม่ช้าก็เร็วคับ
วันนี้ขากลับจากพบลูกค้าซื้อพวงมาลัยมาไหว้พระ ให้ช่วยคุ้มครองด้วยและขอให้ทุกอย่างสมดั่งใจหมาย
เชื่อไหม มีลูกค้าติดต่อเข้ามาดิวงาน ใหม่ ถึง 2 งาน หลังจาก ไหว้พระเสร็จแล้ว
สิ่งที่เรามองไม่เห็นนั้นมีจริง ผมคิดเสมอว่า ถ้าเราคิดดี ทำดี ยังไงก็ต้องเจอในสิ่งดีๆคับ
ขอบคุณทุกๆคนคับที่เสนอความคิดเห็นมา...