เอามาฝากครับ เห็นมีสาระดี ถ้าซ้ำขออภัย
เครดิตคุณ EK_Mafia
จาก Welovecivic นะครับ
และ
www.volvomania.comซึ่งถ้าเราเข้าใจไว้บ้าง เราก็จะพอทราบสาเหตุของปัญหาในการใช้งาน และคุยกับช่างที่ทำการตั้งศูนย์ได้รู้เรื่องขึ้น
คือคุยภาษาเดียวกับช่างนั่นเอง ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราดูเป็นผู้มีความรู้เรื่องรถ และจะโดนช่างหลอกฟันค่าซ่อมได้ยากขึ้น
เริ่มเลยครับ
อันดับแรก ทำความรู้จัก มุม Caster
คำว่า Caster ตามพจนานุกรม แปลว่า ลูกกลิ้งที่ติดไว้กับขาโต๊ะ หรือเตียง เพื่อให้เลื่อนไปมาได้ง่าย
แต่สำหรับเรื่องของศูนย์ล้อรถแล้วนั้น มุม Caster 0 จะหมายถึง มุมของจุดยึดด้านบนและด้านล่างของล้อ (เช่นแกนโช๊ค) ซึ่งจะทำมุมฉากกับพื้นถนนไม่โอนเอียงไปหน้าหรือหลัง คือเมื่อมองจากด้านข้างเข้าหาตัวรถ เส้นที่ลากจากด้านบน ลงถึงด้านล่าง นั้นเรียกว่า Caster
อธิบายภาพ : เส้นปะที่ลากผ่านแกนโช๊ค เมื่อมองจากด้านข้างรถนั้น ถ้าตั้งฉากกับพื้นถนน เราจะเรียกว่า Caster 0 (Zero)
หรืออย่างในภาพด้านบน หากจุดยึดมุมล้อตำแหน่งบน เยื้องไปทางด้านหน้าของตัวรถ เราจะเรียกว่า Caster negative หรือแคสเดอร์ เป็นลบ
หากจุดยึดด้านบน อยู่ในตำแหน่งที่เยื้องไปทางด้านหลัง ก็จะเรียกว่า Caster Positive หรือมุมแคสเตอร์เป็นบวก
ซึ่งมองอีกอย่างหนึ่งก็คือ จุดสัมผัสของลูกล้อที่แตะพื้น อยู่ด้านหน้าจุดยึดตัวบน ก็เป็นบวก แต่ถ้าล้อย้อยไปอยู่ด้านหลังของจุดยึด มันก็จะเป็นลบ
ส่วนการจะบวกลบ กี่องศา ก็ขึ้นอยู่กับว่า มุมที่เห็นนั้น อยู่ไกลจากเส้นสมมุติที่เป็น ศูนย์ มากน้อยเพียงใด โดยตีค่าจะเส้นรอบแกนรัศมี 360 องศานะครับ
รูปนี้เป็น Caster +
คุ้นกันดีนะครับ ว่าล้อหน้าของจักรยานส่วนใหญ่ จะมีแคสเตอร์เป็น บวก
ผลของมุมแคสเตอร์ ต่อการควบคุมบังคับรถ :
Caster บวก มีผลต่อความนิ่งของล้อรถ ที่จะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ไม่เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เมื่อปล่อยพวงมาลัย
รวมถึงไม่เสียกำลังไปกับการผลักให้เคลื่อนที่ไปด้านหน้า มากนัก
(ข้อนี้ ลองนึกถึงการเข็นรถเข็นผัก หรือรถเข็นอื่นๆ ที่มีล้อเพียงคู่เดียวนะครับ ว่าถ้าเราเข็น โดยที่ล้ออยู่ห่างจากตัวเราเท่าไร เราก็ออกแรงน้อยลงเท่านั้น)
ส่วน แคสเตอร์ที่เป็นลบ ก็จะทำให้ รถซวนเซได้ทันที ที่ปล่อยมือจากพวงมาลัย แต่กลับเหมาะกับรถที่ใช้ในการแข่งขันแบบต่างๆ ซึ่งต้องการความรวดเร็วในการบังคับเลี้ยวแบบทันทีทันใด เช่นในรถโกคาร์ท รถแข่งฟอร์มูล่าวัน หรือรถที่ต้องวิ่งในทางคดเคี้ยวเลี้ยวทางแคบๆเป็นต้น
รถแข่งสูตร 1 แทบไม่มีมุม caster เพราะใช้จุดยึดที่ยื่นมาจากด้านข้างตัวถัง ไม่ใช่มาจากด้านบน
ต่อไป มาดูที่มุมเอียงของล้อ ตามเส้นแนวตั้ง หรือที่เรียกกันว่า Camber บ้างครับ
ดูรูปปุ๊บ ก็น่าที่จะเข้าใจได้เลย
มุมนี้ เราต้องมองเข้าไปจากด้านหน้า หรือด้านหน้าของยางล้อรถ จึงจะเห็น เช่นมองจากหน้ารถเข้าไป
แล้วเห็นว่าล้อล้มเหมือนจะแบะออกจากกันที่ฐานยาง แบบนั้นเรียกว่า negative (-) camber หรือ มุมแคมเบอร์เป็นลบ
แต่ถ้าเห็นว่า ด้านบนบานออก ด้านล่างหุบ ก็จะเรียกว่า positive (+) camber หรือมุมแคมเบอร์เป็น บวก
แต่ถ้าล้อรถตั้งตรง ได้ฉากกับพื้นถนน เราก็จะเรียกมันว่า Zero (0) camber
โหลดซะแป้ก ล้องี้ แบะออกจากกันเลย แปลว่า camber เป็นลบเห็นๆ
เมื่อเข้าโค้งแรงๆ ด้านล่างของล้อที่เคยถ่างออก จะกลับตั้งตรง ตามแรงที่กระทำ จึงเป็นที่นิยมสำหรับ ขาซิ่งทั้งหลาย(ในสนามแข่งนะครับ)
และถ้าไม่ได้ตั้งองศาเป็นลบไว้บ้างเลย ก็คงจะล้มพับได้ง่ายๆ
ผลของมุม Camber ที่มีต่อการควบคุมบังคับรถ :แคมเบอร์ เป็นลบ ช่วยสร้างสเถียรภาพให้ตัวรถ ไม่พลิกคว่ำ หมุน เมื่อเข้าโค้งแรงๆ
แคมเบอร์เป็น บวก จะช่วยลดความตึงมือในการหมุนพวงมาลัย คือหมุนง่ายขึ้น
ข้อพึงระวังการปรับมุมแคมเบอร์ ไม่ว่าจะไปทางบวก หรือทางลบ ล้วนมีผลต่อการสึกหรอของหน้ายาง ที่ไม่เรียบเสมอกัน ระหว่างด้านใน และด้านนอก
จึงควรหมั่นทำการสลับยาง ข้างซ้าย และขวาให้บ่อยขึ้น โดยเฉพาะเมื่อแคมเบอร์ติดลบ เรามองที่ขอบนอกแล้วคิดว่าดอกยางยังเหลืออีกมาก แต่ความจริง ขอบยางด้านใน อาจกำลังบางลงจนถึงจุดอันตรายได้ครับ