AE. Racing Club
21 กุมภาพันธ์ 2568 03:12:12 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ  (อ่าน 4676 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kornzero
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 14 กันยายน 2553 10:57:01 »

คือปกติขับอยู่ตัวD แต่อย่างเปลี่ยนมาเป็นเลข2 เครื่องยนต์จะมีปัญหาอะไรไหมครับ คือสลับกับ D กับ 2 และอยากทราบราคาซ่อมซีลรอบตัวถังน้ำมันเครื่อง่าราคาเท่าไรคับ
บันทึกการเข้า
TAOTAO-TZ#056-
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9,805


ไอ๊หย่ะ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 14 กันยายน 2553 11:04:36 »

เครื่องมิเปนราย กล่องคอมฯ รอตัดรอบอยู่ แต่เกียร จะพังคาทีน...

เปลี่ยนมา2 ก้อ เบรค ลดความเร็วมาที่ ที่ความเร็ว ประมาณ 40-60 ก่อนนะครับ

ถ้า L ก้อ เบรค ลดความเร็วมาที่ ที่ความเร็ว 20-30 กม/ชม ครับ

ถนอมทอร์คของเกียออโต้หน่อย ถ้าขับอยู่ 100-120 ใช้ O/D on off ดีกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 กันยายน 2553 11:07:04 โดย TAOTAO-TZ#056- » บันทึกการเข้า

....นินจา..ผลุบ..โผล่KENG SERVICE & MODIFY อู่เล็กๆเด็กๆทำถิ่นพระประแดง-คู่สร้าง แว๊นนนน KYB SR 3,999 บาท http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=144724.msg3137300#msg3137300
Kornzero
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 14 กันยายน 2553 11:12:50 »

คือใช้ได้ใช่ไหมครับ แต่ต้องกำจัดความเร็ว ของเกียร์2 ไว้ที่ 40-60ใช่ไหมครับ ไม่ควรปรับจากDไปเป็น2 ขณะ วิ่ง100+ ใช่ไหมครับ เด๋วเกียร์จะพัง แต่สามารถ ขับเริ่มจาก 2 ได้เลย
บันทึกการเข้า
TAOTAO-TZ#056-
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9,805


ไอ๊หย่ะ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 14 กันยายน 2553 12:05:14 »

คือใช้ได้ใช่ไหมครับ แต่ต้องกำจัดความเร็ว ของเกียร์2 ไว้ที่ 40-60ใช่ไหมครับ ไม่ควรปรับจากDไปเป็น2 ขณะ วิ่ง100+ ใช่ไหมครับ เด๋วเกียร์จะพัง แต่สามารถ ขับเริ่มจาก 2 ได้เลย
แม่นแหล่วครับ
บันทึกการเข้า

....นินจา..ผลุบ..โผล่KENG SERVICE & MODIFY อู่เล็กๆเด็กๆทำถิ่นพระประแดง-คู่สร้าง แว๊นนนน KYB SR 3,999 บาท http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=144724.msg3137300#msg3137300
Rong Fuel-Up
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,276



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 14 กันยายน 2553 12:23:18 »

ถ้าเป็นเกียร์ กล่อง มันจะรอจนกว่ารอบเครื่องเหมาะสมครับ เคยใช้ 20V ออโต้ ก็เล่น แบบนี้ตลอดครับ
สิ่งที่ไปไว สุด ๆ ก็ ยางแท่นเครื่องครับ  ไปบ่อยมาก
บันทึกการเข้า
Kornzero
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 14 กันยายน 2553 13:20:25 »

ยางแท่นเครื่องนี่ตรงไหนครับ ใช่ยางรองแท่นเครื่องยนต์หรือเปล่าครับ ยางแท่นเครื่องเสียมีผลอะไรเหรอคับ
บันทึกการเข้า
OaK.
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 679


081-723-8288


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 14 กันยายน 2553 14:19:05 »

คือใช้ได้ใช่ไหมครับ แต่ต้องกำจัดความเร็ว ของเกียร์2 ไว้ที่ 40-60ใช่ไหมครับ ไม่ควรปรับจากDไปเป็น2 ขณะ วิ่ง100+ ใช่ไหมครับ เด๋วเกียร์จะพัง แต่สามารถ ขับเริ่มจาก 2 ได้เลย
แม่นแหล่วครับ

ถูกต้องนะคร้าบบบบบบบบบบบ.
บันทึกการเข้า

kthainuk@ford.com/sprint_oak@hotmail.com or facebook:Oak Rayong
TAOTAO-TZ#056-
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9,805


ไอ๊หย่ะ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 14 กันยายน 2553 14:25:16 »

ยางแท่นเครื่องนี่ตรงไหนครับ ใช่ยางรองแท่นเครื่องยนต์หรือเปล่าครับ ยางแท่นเครื่องเสียมีผลอะไรเหรอคับ
รองรับแรงสั่นๆๆๆสะเทือนๆๆๆ ของเครื่องยนต์ ต่อตัวถังหน่ะครับ
กระจายแรงลงเนื้อยาง ถ้าไม่มี รถก้อจะสั่นๆๆๆๆ

ข้างล่างนี่ ของ http://www.club4g.com ครับ (ขอบคุณมา ณ ที่นี้)

หน้าที่ของยางแท่นเครื่อง-แท่นเกียร์ Oct 15, '07 10:21 PM

ยางแท่นเครื่อง-แท่นเกียร์



รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าซึ่งมีอยู่เต็มถนน ส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์วางขวาง มียางแท่นเครื่อง และยางแท่นเกียร์เป็นตัวยึดเข้ากับตัวถังหรือซับเฟรม ปัญหาที่หนีไม่พ้น คือ การหมดสภาพ

แต่ก็ยังมีข้อสงสัยกันว่า “เมื่อไรหมดสภาพ ดูกันตามปีหรือระยะทางจะมีอาการให้เราทราบได้อย่างไรเปลี่ยนอย่างไรให้คุ้มค่าเงิน หรือต้องเข้าศูนย์บริการเท่านั้น”

ทำไมต้องมีเครื่อง ยนต์มีการสั่นสะเทือนตลอดการทำงาน ทั้งตอนเดินเบา ออกตัว เร่ง และเบรก หลายผู้ผลิตพยายามลดอาการนี้ด้วยวิธี เช่น การออกแบบชิ้นส่วนให้มีน้ำหนักเบา

ที่พบกันบ่อย ๆ คือ ใช้เพลาถ่วงให้สมดุล โดยใช้เพลา 2 แท่งที่ไม่ได้สมดุลในตัวเอง ติดตั้งประกบข้อเหวี่ยงอยู่ภายในเสื้อสูบ หมุนเข้าหากันเพื่อหักล้างแรงสั่นสะเทือน แต่สุดท้ายก็ยังหนีไม่พ้นแรงสั่นตลอดการทำงาน

รถยนต์ขับเคลื่อนล้อ หน้าแบบเครื่องยนต์วางขวาง นอกจากจะมีอาการสั่นสะเทือนจากภายในเครื่องยนต์แล้ว ยังมีอาการสั่นจากภายนอกอีกด้วย เพราะในการออกตัวหรือการเบรก เครื่องยนต์จะโย้ไป-มา หน้า-หลัง ตามแรงบิดของเครื่องยนต์ และน้ำหนักที่ถ่ายเท ซึ่งเครื่องยนต์ และเกียร์มีน้ำหนักรวมกันเป็นร้อย ๆ กิโลกรัม

ความสั่นสะเทือนไม่มีประโยชน์ ไม่เป็นที่ต้องการ ผู้ผลิตรถยนต์จึงต้องพยายามลดให้เหลือน้อยที่สุด เมื่อนั่งอยู่ในห้องโดยสารแล้ว จะได้ไม่รำคาญ และยึดทางออกนี้เป็นแนวทางปฏิบัติเดียวกันมานาน คือ ใช้วัสดุที่มีความนิ่ม ติดตั้งคั่นระหว่างเครื่องยนต์+เกียร์ กับตัวถังรถยนต์

ส่วนใหญ่ที่ ใช้กันอยู่ เป็นยางสังเคราะห์ ซึ่งต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม คือ นิ่มพอจะช่วยลดแรงสั่นสะเทือน แต่ไม่นิ่มเกินไป จนทำให้เครื่องยนต์และเกียร์โย้มากจนเกินไป สรุปง่าย ๆ คือ ไม่แข็งจนกระด้าง และไม่นิ่มจนโย้ง่ายนั่นเอง

 เครื่องยนต์วางขวาง ขับเคลื่อนล้อหน้า 4 จุดยึดเป็น รูปแบบที่นิยมในรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าส่วนใหญ่ มีเพียงไม่กี่ยี่ห้อที่วางเครื่องยนต์ตามยาวเหมือนรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง แต่ขับเคลื่อนล้อหน้า เช่น ออดี้ ซูบารุ ฯลฯ

เครื่องยนต์ติดตั้ง เป็นแนวเดียวกับเกียร์ ในเกียร์มีชุดเฟืองท้ายรวมอยู่ ไม่มีเพลากลาง มีเพลาข้างเสียบอยู่กับเกียร์ และดุมล้อซ้าย-ขวา

โดยทั่วไป เครื่องยนต์และเกียร์จะมี 4 จุดยึดเข้ากับตัวถังหรือซับเฟรม และใช้ยางสังเคราะห์สีดำเป็นไส้ในติดตั้งคั่นอยู่ ทำหน้าที่ให้ความยืดหยุ่น มีบางรุ่นเท่านั้นที่บางจุดเป็นกระเปาะไฮดรอลิก ใช้ความหนืดของน้ำมันช่วยลดความสั่นสะเทือน ซึ่งดีกว่า และแพงกว่าแบบยางล้วน ๆ

แท่นยางเหล่านี้เรียกว่า ยางแท่นเครื่อง ยางแท่นเกียร์ตามตำแหน่งที่ยึดติดอยู่ ว่ายึดติดอยู่กับเกียร์หรือเครื่องยนต์ แต่บางครั้งก็เรียกว่ายางแท่นเครื่องรวมไปเลยทั้งยางแท่นเครื่องและยางแท่น เกียร์

ยางแท่นเครื่อง 4 จุด ติดตั้งไว้ 4 มุมตรงกันข้ามกัน (อาจเยื้องกันบ้าง) แบ่งการทำหน้าที่ชัดเจน คือ

ติดตั้งด้านหน้ารถยนต์บริเวณใกล้หม้อน้ำ ป้องกันการกระดกหน้า อีกตัวติดตั้งบริเวณใกล้ผนังห้องเครื่องยนต์ ป้องกันการกระดกหน้า

อีก 2 ตัว ติดตั้งใกล้ซุ้มล้อแถว ๆ หัวเครื่องยนต์ (ขนาดใหญ่หน่อย) และหิ้วปลายเกียร์ ทำหน้าที่ป้องกันการเซซ้าย-ขวา พร้อมทั้งช่วยเสริมการป้องกันการกระดกหน้า-หลังบ้าง

 3 วัสดุ
ในปัจจุบัน มีแท่นเครื่องที่เป็นยางล้วน กระเปาะน้ำมันไฮดรอกลิก และไฮเทคสุดกับกระเปาะน้ำมันฯคุมด้วยไฟฟ้า ไล่ระดับราคาจากถูกไปแพง

แบบ ยาง ยางแท่นเครื่องส่วนใหญ่ที่ใช้กันอยู่กว่า 90%ื ผลิตจากยางสังเคราะห์สีดำ ไม่เป็นแท่งตัน มีเว้ามีแหว่งหรือเว้นช่องในบางส่วนเพื่อไม่ให้แข็งเกินไป เป็นทรงกระบอกเตี้ย การติดตั้งมักเป็นแบบตะแคง เหมือนตั้งสันเหรียญไว้กับพื้น

คุณสมบัติที่ต้องมี คือ เป็นตัวกลางช่วยซึมซับแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ให้เหลือสู่ตัวถังน้อย ที่สุด ดังนั้น ยางแท่นเครื่องจึงต้องมีความแข็งพอประมาณ แข็งเกินไปก็สั่น นิ่มเกินไปก็โย้และขาดง่าย แต่สุดท้าย เมื่อผ่านการใช้งานไป ก็จะค่อย ๆ ยุบ ยืด ย้วย ร้าว ปริ และขาดในที่สุด

แบบกระเปาะน้ำมันไฮดรอลิก  เหนือชั้นขึ้นมาจากยางล้วน ๆ ผลิตจากโลหะ และมีส่วนที่เป็นยางกลวง บรรจุน้ำมัน ใช้ทั้งน้ำมันและยางซึมซับแรงสั่นสะเทือน มักเป็นทรงกระบอกแนวตั้ง เมื่อผ่านการใช้งานไปจะยุบย้วย และน้ำมันรั่วในที่สุด มีใช้ในรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ หรือรุ่นใหญ่ เพราะมีต้นทุนส่วนนี้แพง และไม่จำเป็นนักสำหรับเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่มีแรงสั่นสะเทือนไม่มาก

แบบ ไฮเทคคุมด้วยไฟฟ้า  พัฒนาเหนือชั้นขึ้นมาอีกขั้นจากกระเปาะน้ำมันไฮดรอลิก ควบคุมการยืดหยุ่นด้วยไฟฟ้า ปรับความแข็งอ่อนให้เหมาะสมกับสภาพการทำงานของเครื่องยนต์ เท่าที่พบ เป็นการใช้ไฟฟ้าควบคุมมอเตอร์ขนาดเล็กหรือโซลินอยด์วาล์ว ทำการหรี่ขนาดของรูที่น้ำมันไฮดรอกลิกให้ไหลไปมายาก หรือง่าย คล้ายกับโช้กอัพที่ปรับความหนืดด้วยไฟฟ้า มีรถยนต์น้อยรุ่นที่นำมาใช้ แต่ในอนาคตก็คงจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเริ่มมีต้นทุนต่ำลง ได้ผลลดการสั่นสะเทือนได้ดี และไม่ได้ใช้ครบ 4 ตัวในรถยนต์ 1 คัน แต่มักจะใช้ตัวเดียว เช่น ตัวหน้าใกล้กับหม้อน้ำ ป้องกันการกระดกหน้า-หลังของเครื่องยนต์

 เมื่อไรเสีย

ไม่มีการ กำหนดเป็นระยะทาง เสียเมื่อทรุดตัวมาก ปริ ร้าว หรือขาด ต้องแล้วแต่ลักษณะการขับว่ากระชากกระชั้น ออกตัว และเบรกบ่อยและแรงหรือไม่ รถยนต์รุ่นเดียวกัน ยางแท่นเครื่องอาจหมดอายุที่ระยะทางต่างกันก็เป็นได้ โดยทั่วไป ยางแท่นเครื่องคุณภาพดี ๆ น่าจะใช้งานได้เกิน 50,000 กิโลเมตรขึ้นไป

ดูอย่างไรเมื่อเสีย

สายตาดู หรือพรอ้มกับโยกเครื่องยนต์ไปด้วย การดูรอยร้าวรอยปริของยางแท่นเครื่อง บางตำแหน่งอาจสอดส่องมองสภาพได้สะดวก บางตำแหน่งต้องยกรถยนต์รอย มองเข้าไปยาก บางตำแหน่งต้องให้ช่างมุดลอดเข้าไปดู บางตำแหน่งต้องถอดออกมาดูถึงจะแน่ใจ

นอกจากการดูที่ตัวยางแท่น เครื่องโดยตรง แล้วยังสามารถใช้วิธีจับอาการจากอาการกระตุหรือกระชากของเครื่องยนต์เมื่อ อกตัว เปลี่ยนเกียร์ หรือเบรก ถ้ายืดมากหรือขาด ก็จะมีอาการกระชากให้รู้สึกเข้ามาถึงห้องโดยสารได้มาก

ถ้าไม่เปลี่ยน ไม่อันตรายในการขับ แต่จะส่งผลให้ยางแท่นเครื่องตัวอื่นเสียตามไปด้วย เพราะมีกรขยับตัวได้มากเกินไปนั่นเอง

 เปลี่ยนที่ไหน
การ เปลี่ยนยางแท่นเครื่อง ไม่นับเป็นงานซับซ้อน และไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าแต่ศูนย์บริการเท่านั้น สามารถเปลี่ยนตามอู่ทั่วไปได้ ค่าแรงจุดละ 200-400 บาท แล้วแต่ความยากง่าย บางจุด 15 นาที เสร็จ บางจุดเป็นชั่วโมง เพราะต้องถอดหลายอุปกรณ์อื่นด้วย ไม่ต้องกังวลว่าจะติดตั้งแล้วเอียง เพราะมีรูน็อตตายตัว ใส่เยื้องไม่ได้

 มีตัวเลือกหรือไม่
หลาย คนยึดติดว่าอะไหล่ต้องเป็นของแท้เท่านั้น ต้องซื้อจากศูนย์บริการเท่านั้น ทั้งที่ในความเป็นจริง บริษัทรถยนต์แทบจะไม่เคยผลิตอะไหล่อะไรเลย สั่งมาในราคาถูก ๆ แล้วมาขายแพง ๆ ทั้งนั้น โดยยางแท่นเครื่อง มี 3 ตัวเลือก คือ ใหม่แท้ ใหม่เทียบ และเก่าเชียงกง ซึ่งต่างกันทั้งในเรื่องของราคา คุณภาพ อายุการใช้งาน และความสะดวกในการซื้อหา

ใหม่แท้  ซื้อจากศูนย์บริการหรือผ่านร้านอะไหล่ คุณภาพดีแน่นอน ไม่ต้องลุ้น แต่แพงแน่นอนเช่นกัน ราคามักเกิน 500 บาทต่อตัว ไปจนถึงหลายพันบาท รวม 4 ตัวส่วนใหญ่เกิน 5,000 หรือเกิน 10,000 บาทก็ยังมี

ใหม่เทียบ  หรือมักเรียกกันว่าของเทียม ซื้อได้ตามร้านอะไหล่ทั่วไป รถยนต์ยุโรปจะมีอะไหล่เทียบยี่ห้อดัง ๆ คุณภาพดี ๆให้ซื้อ บางครั้งเป็นยี่ห้อเดียวกับที่ผลิตส่งให้บริษัทรถยนต์ และอาจจะมียี่ห้อเล็ก ๆ ให้เลือกด้วย

สำหรับยางแท่นเครื่องของรถ ยนต์ญี่ปุ่นแบบเทียบใช้ ส่วนใหญ่เป็นยี่ห้อไม่ดัง คุณภาพต่ำตามราคาที่สุดถูก สำหรับตัวที่อัดเปลี่ยนเฉพาะไส้ได้ ตัวละแค่ 100 กว่าบาทเป็นส่วนใหญ่ แพงหน่อยก็ 200-300 บาท ถ้าเป็นตัวใหญ่แบบสำเร็จรูปก็ตัวละแถว ๆ 500 บาท
บันทึกการเข้า

....นินจา..ผลุบ..โผล่KENG SERVICE & MODIFY อู่เล็กๆเด็กๆทำถิ่นพระประแดง-คู่สร้าง แว๊นนนน KYB SR 3,999 บาท http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=144724.msg3137300#msg3137300
Louis Todo Juku <RZ>
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 7,419


PANDA 101 อดีตเพื่อนรักของผม..


ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 14 กันยายน 2553 14:30:05 »

ขอบคุณทุกความรู้คับน้า กำลังอยากศึกษาเกี่ยวกับเกียร์AUTOอยู่พอดีเลย นี่ก็เพิ่งเปลี่ยนไปเองอ่ะคับ
บันทึกการเข้า

GE-DA-ke ช่างติ สนามบินน้ำ
มือจูนระดับเทพ by พี่อุบ วายริ่ง
PAtIPUT
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,057


AT190


ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 14 กันยายน 2553 15:01:57 »

 
บันทึกการเข้า

อดีตขับ AE ปัจจุบันขับ AT
Kornzero
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: 14 กันยายน 2553 16:37:17 »

ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลต่างๆ
บันทึกการเข้า
Ubol_RP.TZ
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 933


สวรรค์...มันไม่มีจิงหรอกหนูๆ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 14 กันยายน 2553 16:50:54 »

เครื่องมิเปนราย กล่องคอมฯ รอตัดรอบอยู่ แต่เกียร จะพังคาทีน...

เปลี่ยนมา2 ก้อ เบรค ลดความเร็วมาที่ ที่ความเร็ว ประมาณ 40-60 ก่อนนะครับ

ถ้า L ก้อ เบรค ลดความเร็วมาที่ ที่ความเร็ว 20-30 กม/ชม ครับ

ถนอมทอร์คของเกียออโต้หน่อย ถ้าขับอยู่ 100-120 ใช้ O/D on off ดีกว่า

เพิ่มเติมจากการใช้จิงคับ (แต่ถ้าตามหลักการก็ถูกต้อง)
ถ้าLก็จะได้อยู่ที่ประมาณ 20 - 60 กม/ชม คับ
ถ้า 2ก็ 40-120กม/ชม คับ
ส่วนเรื่องที่เกียร์พังนั้น
บันทึกการเข้า

เจ้านายเหมือนรัฐบาล พนักงานคือผู้ประสบภัย!!!
Kornzero
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: 14 กันยายน 2553 16:54:22 »

สรุป ใช้ D ดีสุดว่างั้น 555+ จะเร่งจะแซงนิดหน่อย ใช้ 2/L บางเวลา อย่าบ่อย ใช่ป่ะคับ
บันทึกการเข้า
kodomoAe92-By-SZ
AE Racing Club Staff
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,748


DoraeMonster9x / เหล่าจอมยุทธ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: 14 กันยายน 2553 16:56:01 »

เข้า เกียร์ D แล้วสลับไปมากะ เกียร์ 2 เครื่องไม่เป็นไรครับ

แต่ เกียร์พังแน่นอน ( ในระยะยาว หรือไม่แน่ ขึ้นอยู่กับสภาพเกียร์ )

ของผมพังไปแล้วครับ เปลื่ยนมา เฉพาะเกียร์ 6000  
บันทึกการเข้า



ระบบเครื่องยนต์ by Runabout ระบบช่วงล่าง by ช่างอ๋อย ซีคอน ระบบเครื่องเสียง by ช่างติซาวด์(จัดไปอย่าให้เสีย)
jedee
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,490


ได้หมดถ้าสดชื่น


ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: 14 กันยายน 2553 17:11:35 »

  อันนี้นอกเหตุเหนือผลนะ แต่เท่าที่ได้เปลี่ยนจากเกียรธรรมดา มาเป็นโอโต้ เมื่อประมาณก.พ.ปีนี้ กับระยะทางที่วิ่งใช้งานมาประมาณสี่หมื่นกว่ากิโล เจ้าของเดิมอีกไม่ทราบว่าเท่าไร จากที่ถาม ผมก็ทำเสมอๆนะครับ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรผิดปรกติครับ แบบว่า นอกจากOD OFF แล้ว(วิ่งแค่เกียรสาม) หากความเร็วมันต่ำระดับตั้งแต่ ๘๐ ลงมาหรือมากกว่า เวลาเราจะเร่งแซงรถคันหน้า ผมก็ผลักเกียรลงมา ๒ แล้วก็กดคันเร่งขึ้นหน้าไปเลยครับ เร่งแซงแค่ไม่กี่วิ ตราบใดที่รอบเครื่องไม่เกินหกพันก็โอนะ สำหรับผม ความเร็วสูงสุดของเกียร L ที่ หกพันรอบ ได้ ๖๐ เป๊ะ ที่เกียร ๒ ได้ ๑๑๐ โดยประมาณ บางครั้งก็ไหลขึ้นถึง ๑๒๐ ครับ (แบบว่าสับไปDไม่ทัน รอบมันขึ้นเร็วเกิ๊น) ที่เกียร ๓ ที่ ๖๐๐๐ เหมือนกัน กว่า ๑๗๐ ไปนิดครับ แต่ไม่มีถนนวิ่งแล้วครับ ส่วนเกียร D ก็เรื่อยๆมาเรียงๆนกบินเฉียงไปทั้งหมู่ ตัวเดียวมาไร้คู่....อ้าวๆ ลืมๆ นึกว่าคาราโอเกะ อิอิอิ ไม่เกิ้น ๑๕๐ คร๊าบๆๆๆ เหอะๆๆๆ แล้วก็เปลี่ยนน้ำมันเกียรบ่อยๆหน่อยครับ ผมก็วิ่งของผมแบบนี้ล่ะครับ ยังไม่เห็นมันพังหรือเปงอะรัยเลยเด้ อย่าไปซีเรียสเลยครับ แบบว่า ผมมีสำรองอีกสองลูก เพื่อนๆในเวปยกลง แล้วก็ไปแอบสอยมาครับ ยังบ่อได้ใช้ซักกะลูกเด้อ สิบอกไห่ มันทนทรีนดีจิงๆเด้อ...... แหะๆๆๆ ป่าวกวนเด้ แต่ผมขี่แบบนี้จิงๆ ไม่เห็นมันพังเลยครับ กดปุ๊ปก็มาปั๊ปโลด แถมเสียงเงียบอีกต่างหากเด้อ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 กันยายน 2553 17:13:40 โดย jedee » บันทึกการเข้า

smilegames
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6,978



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 14 กันยายน 2553 17:22:02 »

อันนี้นอกเหตุเหนือผลนะ แต่เท่าที่ได้เปลี่ยนจากเกียรธรรมดา มาเป็นโอโต้ เมื่อประมาณก.พ.ปีนี้ กับระยะทางที่วิ่งใช้งานมาประมาณสี่หมื่นกว่ากิโล เจ้าของเดิมอีกไม่ทราบว่าเท่าไร จากที่ถาม ผมก็ทำเสมอๆนะครับ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรผิดปรกติครับ แบบว่า นอกจากOD OFF แล้ว(วิ่งแค่เกียรสาม) หากความเร็วมันต่ำระดับตั้งแต่ ๘๐ ลงมาหรือมากกว่า เวลาเราจะเร่งแซงรถคันหน้า ผมก็ผลักเกียรลงมา ๒ แล้วก็กดคันเร่งขึ้นหน้าไปเลยครับ เร่งแซงแค่ไม่กี่วิ ตราบใดที่รอบเครื่องไม่เกินหกพันก็โอนะ สำหรับผม ความเร็วสูงสุดของเกียร L ที่ หกพันรอบ ได้ ๖๐ เป๊ะ ที่เกียร ๒ ได้ ๑๑๐ โดยประมาณ บางครั้งก็ไหลขึ้นถึง ๑๒๐ ครับ (แบบว่าสับไปDไม่ทัน รอบมันขึ้นเร็วเกิ๊น) ที่เกียร ๓ ที่ ๖๐๐๐ เหมือนกัน กว่า ๑๗๐ ไปนิดครับ แต่ไม่มีถนนวิ่งแล้วครับ ส่วนเกียร D ก็เรื่อยๆมาเรียงๆนกบินเฉียงไปทั้งหมู่ ตัวเดียวมาไร้คู่....อ้าวๆ ลืมๆ นึกว่าคาราโอเกะ อิอิอิ ไม่เกิ้น ๑๕๐ คร๊าบๆๆๆ เหอะๆๆๆ แล้วก็เปลี่ยนน้ำมันเกียรบ่อยๆหน่อยครับ ผมก็วิ่งของผมแบบนี้ล่ะครับ ยังไม่เห็นมันพังหรือเปงอะรัยเลยเด้ อย่าไปซีเรียสเลยครับ แบบว่า ผมมีสำรองอีกสองลูก เพื่อนๆในเวปยกลง แล้วก็ไปแอบสอยมาครับ ยังบ่อได้ใช้ซักกะลูกเด้อ สิบอกไห่ มันทนทรีนดีจิงๆเด้อ...... แหะๆๆๆ ป่าวกวนเด้ แต่ผมขี่แบบนี้จิงๆ ไม่เห็นมันพังเลยครับ กดปุ๊ปก็มาปั๊ปโลด แถมเสียงเงียบอีกต่างหากเด้อ 
ขับแบบตอนที่ช่างทดลองเครื่องให้ผมดูเลย หลังจากว่างเสร็จใหม่ๆ สุดทุกเกียร ได้ เิกิน 180 แน่นอน เพราะว่ามันเลยไปอีกพอสมควร
บันทึกการเข้า

TAOTAO-TZ#056-
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9,805


ไอ๊หย่ะ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #16 เมื่อ: 14 กันยายน 2553 17:42:04 »

ของผมขับเคยใช้ออโต้ ตอนนี้ 5 สปีด
วิ่งยาวๆ 160 คงที่ เกียออโต้ประหยัดกว่านะ ต้องคงที่นะครับ
ที่ 120 คงที่ เกียธรรมดาชนะเลิศ..ประหยัดกว่า...สงสัยเหมือนกัน

ส่วนในเมือง เกียธรรมดา ชนะเลิศ
บันทึกการเข้า

....นินจา..ผลุบ..โผล่KENG SERVICE & MODIFY อู่เล็กๆเด็กๆทำถิ่นพระประแดง-คู่สร้าง แว๊นนนน KYB SR 3,999 บาท http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=144724.msg3137300#msg3137300
unicorn
มือใหม่หัดซิ่ง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 65



ดูรายละเอียด
« ตอบ #17 เมื่อ: 15 กันยายน 2553 02:29:09 »

เกียร์auto ซัดได้เชนได้ตั้งแต่ป้ายแดงปี96 ไม่เคยพังครับ อึดดี
บันทึกการเข้า
Tonsuan
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,000



ดูรายละเอียด
« ตอบ #18 เมื่อ: 15 กันยายน 2553 02:46:38 »

วันก่อนวิ่งอยู่ร้อยกว่าๆ กดสุดแล้วไม่ทันใจ เลยเปลี่ยนลงมา2 ปรากฎกวาดรอบตัดเลย แอบเสียวพังอยู่เหมือนกัน 
บันทึกการเข้า

Kornzero
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #19 เมื่อ: 15 กันยายน 2553 11:43:39 »

วันก่อนวิ่งอยู่ร้อยกว่าๆ กดสุดแล้วไม่ทันใจ เลยเปลี่ยนลงมา2 ปรากฎกวาดรอบตัดเลย แอบเสียวพังอยู่เหมือนกัน 
เคยเหมือนกันครับ นึกว่างานเข้า ดังวู๊บบบบบ ความเร็วดรอปเลย
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!