Bangyai01
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2010 08:01:04 » |
|
ผมใช้ไฮคูลอยู่ครับ หน้า40 รอบคัน60 3800 รวมลอกของเก่าออกด้วย ผมเอาแผ่นกันความร้อนที่แปะฝากระโปรงปูใต้หลังคาด้วยแอร์เย็นเร็วขึ้นกว่าเดิม ของเดิมๆติดรถมันเอาเศษผ้าแปะให้2ชิ้น กว้าง1คืบยาว60เซน หนา1เซน มันจะไปกันอะไรได้หละนั่น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตก...กาป๋อง
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2010 08:23:53 » |
|
ว่าจะติดอยู่เหมือนกัน...
มาเสพข้อมูลครับผม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
" ทำไมต้อง AE92 จีทีแค๊กๆ... " ---> ผมก็แค่ทำตามความฝันในวัยเด็กเท่านั้นเอง
|
|
|
RinSa YoYoLive
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2010 09:12:19 » |
|
ติด hi cool R60 hc
ปรอทกลางกันรอย รับประกัน 7 ปีจ๊า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WIMON100
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2010 09:18:46 » |
|
3M fr20
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pooca
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2010 09:56:42 » |
|
ผมติด 3M -- หน้าเต็ม 60 ที่เหลือ 80... มืดตึ๊บ.... ติดมา 3,000.- มาติดถึงบ้านเลยครับ... .... ใครสนใจ... หลังไมค์มาเลย.... มีทุกยี่ห้อครับผม.. เด้วแนะนำให้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เคลิ้มสมาคม ™
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2010 10:33:43 » |
|
ไฮคูลปรอทรอบคัน 80 ส่องแทนกระจกได้เลย ดับเครื่องนั่งอยู่ในรถมีผู้หญิงมาส่องประจำ แคะฟันมั่ง แต่งผมมั่ง ผมก็ขำมั่ง รับไม่ได้มั่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
" ~ หาเรื่องเที่ยว ~ "
|
|
|
Rong Fuel-Up
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2010 11:05:36 » |
|
ถ้าไม่รีบรอดูโปรโมชั่นในงานมอเตอร์โชว์ไหมครับ แค่ขายต่ำลงจากราคาตั้งแค่นั้นเองน้า อ่อ อาจได้ของแถมพวกระจุกกระจิก อ่ะ ใครรุ้จักผม มาปรึกษาผมแระกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
chinasak
มือเก่าหัดแข่ง
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 119
สบาย สบาย
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2010 11:22:46 » |
|
แจ่มๆ ทั้งนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
donut_360@CZ.18
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2010 11:24:38 » |
|
จำยี่ห้อมะได้ ทั้งคัน 2300 บ. ตามรูปอ่ะคับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
JDEE
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2010 17:16:52 » |
|
ผมติดฟิล์มยี่ห้อโซล่าโปร นำเข้าจากอเมริกา สีเทาออกสีควันบุหรี่ 60 ลดความร้อนได้ดีเยี่ยมเลยครับ ราคา 2500 ครับ รวมบานหน้าด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
chinasak
มือเก่าหัดแข่ง
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 119
สบาย สบาย
|
|
« ตอบ #30 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2010 19:01:02 » |
|
นำมาฝากครับผม
คำถามที่พบบ่อยสำหรับฟิล์มกรองแสง เลือกสีฟิล์มกรองแสงอย่างไรจึงเข้ากับสีรถ? ตอบ:อันนี้ต้องลองดูเว็บไซด์ของฟิล์มกรองแสงที่มีให้ทดสอบกันครับ ตัวอย่างเช่น ทดสอบสีฟิล์ม ฟิล์มกรองแสง 40 %, 60 %, 80 % มีความหมายว่าอย่างไร? ตอบ : เป็นตัวเลขที่เรียกความเข้มของฟิล์มกรองแสง ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างแรงในยุดแรก ๆ ที่มีการจำหน่ายฟิล์มกรองแสงในประเทศไทยซึ่งในยุคแรก ๆ ฟิล์มกรองแสงที่นำเข้ามาจากต่างประเทศนั้นจะมีไม่กี่เบอร์ คือ ประมาณ 3-4 เบอร์ เช่น เบอร์ 05 , 20 , 35 , 50 ซึ่งเบอร์นั้น ๆ ตามมาตรฐานสากล จะบ่งบอกถึงค่าที่แสงสามารถส่องผ่านฟิล์มกรองแสงได้ เช่น เบอร์ 05 แสงสามารถส่องผ่านได้ประมาณ 5 %ฟิล์มจะเข้ม 95 % , เบอร์ 20 แสงสามารถส่องผ่านได้ 20 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 80 % เป็นต้น ซึ่งในยุคแรก ๆ ทั้งผู้บริโภคและร้านค้ายังไม่ทราบรายละเอียดดังกล่าวจึงใช้การประมาณความเข้มของฟิล์มแทน เช่น เบอร์ 05 แสงผ่านได้ 5 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 95 % แต่เรียกฟิล์มเบอร์นี้ว่าฟิล์ม 80 % , เบอร์ 20 แสงส่องผ่านได้ 20 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 80 % แต่เรียกฟิล์มเบอร์นี้ว่าฟิล์ม 60 % , ฟิล์มเบอร์ 50 แสงส่องผ่านได้ 50 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 50 % แต่เรียกฟิล์มเบอร์นี้ว่า 40 % ซึ่งการเรียกดังกล่าวยังเข้าใจกับผิด ๆ อยู่จนทุกวันนี้ครับ ฟิล์มกรองแสงมีทั้งชนิดธรรมดาและชนิดเคลือบโลหะ ทั้ง 2 ชนิดนี้มีข้อแตกต่างกันอย่างไร และที่เรียกว่าฟิล์มปรอทคืออะไร ตอบ : ฟิล์มกรองแสงทั้ง 2 ชนิดแตกต่างกันโดยกรรมวิธีการผลิตครับ โดยฟิล์มกรองแสงชนิดธรรมดานั้นจะม่มีส่วนผสมของโลหะหรือสารพิเศษอื่นใด ซึ่งฟิล์มกรองแสงชนิดนี้จะมีราคาที่ถูกแต่การป้องกันความร้อนจะน้อยแม้ว่าจะมีสีเข้มมากก็ตาม รวมถึงอายุการใช้งานที่ต่ำคือฟิล์มกรองแสงชนิดนี้พอหมดสภาพแล้วก็จะเปลี่ยนเป็นสีม่วง , พองตัว , แห้งกรอบ เหมือนที่ท่านเห็นที่รถบางคันบนท้องถนนนั่นแหละครับ ส่วนฟิล์มชนิดเคลือบโลหะหรือที่เรียกกันว่าฟิล์มปรอทเป็นชนิดเดียวกันครับ ที่เรียกกันว่าปรอทไม่ได้หมายความว่าใช้ปรอทในการผลิตนะครับ แต่เป็นเพราะว่าฟิล์มชนิดนี้จะมีความเงาเป็นพิเศษ ซึ่งในตรง ส่วนของความเงาก็จะมีความเงามากหรือน้อยแตกต่างกัน โดยในส่วนของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตก็จะมีอยู่มากมายหลายชนิด เช่น เงิน , ทองแดง , กราไฟท์ เป็นต้น ซึ่งวัถุดิบแต่ละชนิดจะให้สีสรรที่แตกต่างกัน และฟิล์มกรองแสงประเภทนี้จะมีคุณสมบัติในการลดความร้อนได้ดีกว่าซึ่งถ้าเทียบกับฟิล์มกรองแสงธรรมดาที่มีความเข้มมากเช่นเบอร์ 05 เทียบกับฟิล์มโลหะเบอร์ 50 ฟิล์มเคลือบโลหะยังสามารถลด ความร้อนจากแสงแดดได้ดีเยี่ยมกว่า และฟิล์มเคลือบโลหะยังมีอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่า ซึ่งอดีตราคาฟิล์มโลหะจะสูงมากและมีตัวเลือกน้อย แต่ปัจจุบันราคาจะไม่สูงเหมือนอดีตและมีให้เลือกกันมากมายหลายยี่ห้อ ลองเลือกใช้ดูนะครับ ติดฟิล์มกรองแสงประเภทโลหะหรือปรอทจะทำให้สะท้อนตารถคันอื่น ทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือไม่? ตอบ : ฟิล์มกรองแสงประเภทโลหะจะมีหลากหลายความเข้มและหลากหลายความเงา ซึ่งถ้าว่ากันตามจริงก็แทบจะไม่มีผลครับเพราะโดยปกติแล้วขอให้ท่านลองสังเกตดู กระจกรถบางคันกสามารถ็สะท้อนแสงมากทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ติดตั้งฟิล์มกรองแสงเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมุมในการสะท้อนก็จะต้องขึ้น อยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบกัน เช่น ช่วงเวลา มุมเอียงของกระจกซึ่งมุมเอียงของกระจกนั้นจะยิ่งสังเกตุได้ง่าย โดยถ้าขับรถตามหลังรถบางคันจะเห็นว่ามุมเอียงของกระจกจะไม่เท่ากัน และรถบางประเภทมุมของกระจกแทบจะตั้งฉากเสียด้วยซ้ำ สรุปคือแทบไม่มีผลครับ ฟิล์มประเภทโลหะจะเพิ่มค่าความสะท้อนของแสงขึ้นมาอีกเล็กน้อย แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วยครับ ถ้าติดฟิลม์กระจกรถ 60% และหากติดฟิล์มที่เคลือบปรอทตำรวจจะจับไหม? ตอบ : มีการประกาศยกเลิกกฎหมายฟิล์มกรองแสงไปตั้งแต่ปี 2543 แล้วครับดังนั้นจะมืดแค่ไหนก้อไม่มีใครห้าม แต่ควรดูด้านความปลอดภัยในการขับขี่ ส่วนฟิลม์ปรอท มันคือฟิลม์ที่มีโลหะฉาบอยู่ มีลักษณะสะท้านแสงเหมือนกระจกถ้ามีน้อยๆ สะท้อนแสงน้อยๆ ไม่เป็นไรแต่ถ้ามีเยอะๆ สะท้อนแสงเยอะ จะเข้าข่ายการติดตั้งฟิล์มกรองแสงที่มีการสะท้อนแสงสูงตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 ว่าด้วยเรื่องของส่วนควบที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น ฟิล์มกรองแสงเปลี่ยนเป็นสีม่วงและเป็นฟองอากาศแล้ว ต้องการจะเปลี่ยนฟิล์มกรองแสงใหม่ แต่กลัวเส้นไล่ฝ้าจะเสีย ควรจะทำอย่างไร? ตอบ : ก่อนอื่นต้องทดสอบดูก่อนว่าไล่ฝ้ายังทำงานตามปกติไหม โดยการเปิดสวิทซ์ไล่ฝ้าสักพักแล้วลองเอามือจับที่กระจกดู ถ้ากระจกร้อนก็แสดงว่าเส้นไล่ฝ้ายังทำงานปกติ ทีนี้ถึงขั้นตอนการลอกฟิล์มกรองแสงครับที่ยุคนี้เป็นยุคสมัยใหม่มีเครื่องมือเครื่องใช้ให้เลือกกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาในการลอกกาว ระบบการทำความสะอาดโดยใช้ไอน้ำหรือสตรีมเมอร์ อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยได้ครับ พอลอกแล้วติดตั้งฟิล์มใหม่เสร็จ ก็ให้ลองการทำงานของเส้นไล่ฝ้าเหมือนเดิมรับรองว่าเส้นไล่ฝ้าเป็นปกติแน่ครับ ฟิล์มกรองแสงกันรอยขีดข่วนติดตั้งไปแล้วทำไมถึงยังมีรอยที่ฟิล์มกรองแสงตอนเลื่อนกระจกขึ้น-ลง? ตอบ : สำหรับรอยที่เกิดขึ้นเกิดจากการเลื่อนกระจกขึ้น-ลงครับ แต่ในสภาพการใช้งานตามปกติ ฟิล์มกรองแสงจะสามารถกันรอยขีดข่วนจากสักหลาดของประตูได้อยู่แล้ว แต่บางครั้งที่สักหลาดประตูอาจมีเศษของทรายหรือก้อนกรวดอยู่ ซึ่งพอเลื่อนกระจกขึ้น-ลงแล้ว สารกันรอยขีดข่วนก็ไม่สามารถป้องกันได้ จึงควรหมั่นตรวจตราทำความสะอาดบริเวณสักหลาดให้ดีครับ และอาการลักษณะนี้ที่เกิดขึ้น อยูนอกเงื่อนไขการรับประกันคุณภาพของฟิล์มกรองแสง ฟิล์มกรองแสงเกี่ยวข้องอย่างไรกับการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง? ตอบ : คือฟิล์มกรองแสงที่ดี ยิ่งลดความร้อนได้เยอะเท่าไหร่ ระบบการทำความเย็นหรือแอร์ก็ทำงานน้อยลงหรือคอมเพรสเซอร์ไม่ต้องทำงานหนักมากเพื่อให้ได้ความเย็นตามต้องการ ซึ่งระบบแอร์นั้นก็ใช้พลังงานจากการหมุนของเครื่องยนต์ ดังนั้นถ้าแอร์สามารถทำงานได้น้อยลง เครื่องยนต์ก็ทำงานน้อยลงด้วยจึงทำให้สามารถช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ และมีของแถมด้วยคือลดรายจ่ายในการดูแลรักษาระบบแอร์ด้วย ทั้งอะไหล่และน้ำยาแอร์ดังนั้นการเลือกใช้ฟิล์มกรองแสงที่ลดความร้อนดี ๆ ก็มีส่วนช่วยในการลดใช้พลังงานและช่วยลดภาวะโลกร้อนไปในตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดี๋ยวนี้ฟิล์มกรองแสงดีๆ มีให้เลือกเยอะและราคาไม่สูงมาก การติดฟิล์มกรองแสงแบบบานหน้าเต็มบานจะมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร? ตอบ : การติดฟิล์มกรองแสงแบบบานหน้าเต็มบานจะช่วยลดความร้อนที่เข้ามาทางกระจกด้านหน้าของรถยนต์ ลดแสงที่จ้าในเวลากลางวัน กรณีกระจกเกิดแตกขณะขับขี่หรือถูกสะเก็ดหินฟิล์มกรองแสงจะช่วยยึดเศษกระจกไม่ให้แตกกระจาย คือ เศษกระจกแทนที่จะกระเด็นเข้ามาภายในโดยเศษกระจกอาจจะทำอันตรายหรือกระเด็นเข้าตาได้ แต่การติดฟิล์มแบบบานหน้าเต็มก็ไม่ควรที่จะติดฟิล์มที่มีความเข้มมากจนเกินไป เพราะตอนกลางคืนจะขับค่อนข้างยาก และอาจถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ถ้าให้ดีติดฟิล์มที่มีค่าแสงส่องผ่านตั้งแต่ 40 % ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว ลบโลโก้ที่ติดอยู่บนฟิล์มกรองแสงได้อย่างไร? ตอบ : ใช้น้ำยาล้างเล็บลบออกได้เลยครับ แต่ปกติผู้จำหน่ายฟิล์มกรองแสงจะมีน้ำยาลบแถมให้อยู่แล้ว คราบน้ำที่เกิดหลังจากติดตั้งฟิล์มกรองแสงและมีน้ำขังอยู่ภายในจะหายไปไหม? ตอบ : โดยปกติคราบน้ำดังกล่าวจะหายไปเองในระยะเวลาประมาณ 2-3 อาทิตย์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าหลังจากที่ได้ติดตั้งฟิล์มกรองแสงแล้ว ฟิล์มกรองแสงที่ติดตั้งโดนแสงแดดมากน้อยเพียงใด ยิ่งโดนมากยิ่งจะทำให้คราบน้ำที่ขังอยู่ระหว่างฟิล์มกรองแสงกับกระจกแห้งเร็วมากขึ้น ข้อควรปฎิบัติในการดูแลรักษาฟิล์มกรองแสงหลังจากติดตั้ง ห้ามเลื่อนกระจกขึ้น - ลง หรือ เช็ด ถูฟิล์ม ภายใน 7 วัน หลังจากติดตั้ง เนื่องจากกาวของฟิล์มกรองแสงจะใช้ระยะเวลาในการอยู่ตัว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม เช่น การถูกแสงแดด ควรจะรอให้ครบระยะเวลาก่อนจึงเลื่อนหรือเช็ดกระจกได้ หากมีปัญหาอื่นใด เช่น มีฟองอากาศ หรือ ฟิล์มอ้า ฯลฯ ให้รีบติดต่อศูนย์บริการภายในระยะเวลารับประกัน ในการทำความสะอาดฟิล์มกรองแสง ควรใช้ผ้าสะอาด ผ้านุ่มหรือฟองน้ำ ร่วมกับน้ำยาทำความสะอาดฟิล์ม เพื่อกำจัดคราบมัน และไม่ควรนำวัสดุที่ลักษณะเป็นของแข็งหรือผิวไม่เรียบเช็ดถูที่กระจกเป็นอันขาด ห้ามใช้น้ำยาเช็ดกระจกหรือสารเคมีที่มีส่วนประกอบของแอมโมเนีย ( NH4) เพราะอาจทำให้ ชั้นกันรอยของฟิล์มเสียหายได้ ควรหมั่นดูแลรักษาร่องกระจก ไม่ให้มีเศษทรายหรือก้อนกรวดค้างอยู่ในราง เพราะจะทำให้ฟิล์มกรองแสงเกิดความเสียหายได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
♀♥ღMoO--SOnGzaღ♥♂ เรารักในหลวง
|
|
« ตอบ #31 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2010 21:12:03 » |
|
นำมาฝากครับผม
คำถามที่พบบ่อยสำหรับฟิล์มกรองแสง เลือกสีฟิล์มกรองแสงอย่างไรจึงเข้ากับสีรถ? ตอบ:อันนี้ต้องลองดูเว็บไซด์ของฟิล์มกรองแสงที่มีให้ทดสอบกันครับ ตัวอย่างเช่น ทดสอบสีฟิล์ม ฟิล์มกรองแสง 40 %, 60 %, 80 % มีความหมายว่าอย่างไร? ตอบ : เป็นตัวเลขที่เรียกความเข้มของฟิล์มกรองแสง ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างแรงในยุดแรก ๆ ที่มีการจำหน่ายฟิล์มกรองแสงในประเทศไทยซึ่งในยุคแรก ๆ ฟิล์มกรองแสงที่นำเข้ามาจากต่างประเทศนั้นจะมีไม่กี่เบอร์ คือ ประมาณ 3-4 เบอร์ เช่น เบอร์ 05 , 20 , 35 , 50 ซึ่งเบอร์นั้น ๆ ตามมาตรฐานสากล จะบ่งบอกถึงค่าที่แสงสามารถส่องผ่านฟิล์มกรองแสงได้ เช่น เบอร์ 05 แสงสามารถส่องผ่านได้ประมาณ 5 %ฟิล์มจะเข้ม 95 % , เบอร์ 20 แสงสามารถส่องผ่านได้ 20 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 80 % เป็นต้น ซึ่งในยุคแรก ๆ ทั้งผู้บริโภคและร้านค้ายังไม่ทราบรายละเอียดดังกล่าวจึงใช้การประมาณความเข้มของฟิล์มแทน เช่น เบอร์ 05 แสงผ่านได้ 5 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 95 % แต่เรียกฟิล์มเบอร์นี้ว่าฟิล์ม 80 % , เบอร์ 20 แสงส่องผ่านได้ 20 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 80 % แต่เรียกฟิล์มเบอร์นี้ว่าฟิล์ม 60 % , ฟิล์มเบอร์ 50 แสงส่องผ่านได้ 50 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 50 % แต่เรียกฟิล์มเบอร์นี้ว่า 40 % ซึ่งการเรียกดังกล่าวยังเข้าใจกับผิด ๆ อยู่จนทุกวันนี้ครับ ฟิล์มกรองแสงมีทั้งชนิดธรรมดาและชนิดเคลือบโลหะ ทั้ง 2 ชนิดนี้มีข้อแตกต่างกันอย่างไร และที่เรียกว่าฟิล์มปรอทคืออะไร ตอบ : ฟิล์มกรองแสงทั้ง 2 ชนิดแตกต่างกันโดยกรรมวิธีการผลิตครับ โดยฟิล์มกรองแสงชนิดธรรมดานั้นจะม่มีส่วนผสมของโลหะหรือสารพิเศษอื่นใด ซึ่งฟิล์มกรองแสงชนิดนี้จะมีราคาที่ถูกแต่การป้องกันความร้อนจะน้อยแม้ว่าจะมีสีเข้มมากก็ตาม รวมถึงอายุการใช้งานที่ต่ำคือฟิล์มกรองแสงชนิดนี้พอหมดสภาพแล้วก็จะเปลี่ยนเป็นสีม่วง , พองตัว , แห้งกรอบ เหมือนที่ท่านเห็นที่รถบางคันบนท้องถนนนั่นแหละครับ ส่วนฟิล์มชนิดเคลือบโลหะหรือที่เรียกกันว่าฟิล์มปรอทเป็นชนิดเดียวกันครับ ที่เรียกกันว่าปรอทไม่ได้หมายความว่าใช้ปรอทในการผลิตนะครับ แต่เป็นเพราะว่าฟิล์มชนิดนี้จะมีความเงาเป็นพิเศษ ซึ่งในตรง ส่วนของความเงาก็จะมีความเงามากหรือน้อยแตกต่างกัน โดยในส่วนของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตก็จะมีอยู่มากมายหลายชนิด เช่น เงิน , ทองแดง , กราไฟท์ เป็นต้น ซึ่งวัถุดิบแต่ละชนิดจะให้สีสรรที่แตกต่างกัน และฟิล์มกรองแสงประเภทนี้จะมีคุณสมบัติในการลดความร้อนได้ดีกว่าซึ่งถ้าเทียบกับฟิล์มกรองแสงธรรมดาที่มีความเข้มมากเช่นเบอร์ 05 เทียบกับฟิล์มโลหะเบอร์ 50 ฟิล์มเคลือบโลหะยังสามารถลด ความร้อนจากแสงแดดได้ดีเยี่ยมกว่า และฟิล์มเคลือบโลหะยังมีอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่า ซึ่งอดีตราคาฟิล์มโลหะจะสูงมากและมีตัวเลือกน้อย แต่ปัจจุบันราคาจะไม่สูงเหมือนอดีตและมีให้เลือกกันมากมายหลายยี่ห้อ ลองเลือกใช้ดูนะครับ ติดฟิล์มกรองแสงประเภทโลหะหรือปรอทจะทำให้สะท้อนตารถคันอื่น ทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือไม่? ตอบ : ฟิล์มกรองแสงประเภทโลหะจะมีหลากหลายความเข้มและหลากหลายความเงา ซึ่งถ้าว่ากันตามจริงก็แทบจะไม่มีผลครับเพราะโดยปกติแล้วขอให้ท่านลองสังเกตดู กระจกรถบางคันกสามารถ็สะท้อนแสงมากทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ติดตั้งฟิล์มกรองแสงเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมุมในการสะท้อนก็จะต้องขึ้น อยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบกัน เช่น ช่วงเวลา มุมเอียงของกระจกซึ่งมุมเอียงของกระจกนั้นจะยิ่งสังเกตุได้ง่าย โดยถ้าขับรถตามหลังรถบางคันจะเห็นว่ามุมเอียงของกระจกจะไม่เท่ากัน และรถบางประเภทมุมของกระจกแทบจะตั้งฉากเสียด้วยซ้ำ สรุปคือแทบไม่มีผลครับ ฟิล์มประเภทโลหะจะเพิ่มค่าความสะท้อนของแสงขึ้นมาอีกเล็กน้อย แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วยครับ ถ้าติดฟิลม์กระจกรถ 60% และหากติดฟิล์มที่เคลือบปรอทตำรวจจะจับไหม? ตอบ : มีการประกาศยกเลิกกฎหมายฟิล์มกรองแสงไปตั้งแต่ปี 2543 แล้วครับดังนั้นจะมืดแค่ไหนก้อไม่มีใครห้าม แต่ควรดูด้านความปลอดภัยในการขับขี่ ส่วนฟิลม์ปรอท มันคือฟิลม์ที่มีโลหะฉาบอยู่ มีลักษณะสะท้านแสงเหมือนกระจกถ้ามีน้อยๆ สะท้อนแสงน้อยๆ ไม่เป็นไรแต่ถ้ามีเยอะๆ สะท้อนแสงเยอะ จะเข้าข่ายการติดตั้งฟิล์มกรองแสงที่มีการสะท้อนแสงสูงตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 ว่าด้วยเรื่องของส่วนควบที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น ฟิล์มกรองแสงเปลี่ยนเป็นสีม่วงและเป็นฟองอากาศแล้ว ต้องการจะเปลี่ยนฟิล์มกรองแสงใหม่ แต่กลัวเส้นไล่ฝ้าจะเสีย ควรจะทำอย่างไร? ตอบ : ก่อนอื่นต้องทดสอบดูก่อนว่าไล่ฝ้ายังทำงานตามปกติไหม โดยการเปิดสวิทซ์ไล่ฝ้าสักพักแล้วลองเอามือจับที่กระจกดู ถ้ากระจกร้อนก็แสดงว่าเส้นไล่ฝ้ายังทำงานปกติ ทีนี้ถึงขั้นตอนการลอกฟิล์มกรองแสงครับที่ยุคนี้เป็นยุคสมัยใหม่มีเครื่องมือเครื่องใช้ให้เลือกกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาในการลอกกาว ระบบการทำความสะอาดโดยใช้ไอน้ำหรือสตรีมเมอร์ อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยได้ครับ พอลอกแล้วติดตั้งฟิล์มใหม่เสร็จ ก็ให้ลองการทำงานของเส้นไล่ฝ้าเหมือนเดิมรับรองว่าเส้นไล่ฝ้าเป็นปกติแน่ครับ ฟิล์มกรองแสงกันรอยขีดข่วนติดตั้งไปแล้วทำไมถึงยังมีรอยที่ฟิล์มกรองแสงตอนเลื่อนกระจกขึ้น-ลง? ตอบ : สำหรับรอยที่เกิดขึ้นเกิดจากการเลื่อนกระจกขึ้น-ลงครับ แต่ในสภาพการใช้งานตามปกติ ฟิล์มกรองแสงจะสามารถกันรอยขีดข่วนจากสักหลาดของประตูได้อยู่แล้ว แต่บางครั้งที่สักหลาดประตูอาจมีเศษของทรายหรือก้อนกรวดอยู่ ซึ่งพอเลื่อนกระจกขึ้น-ลงแล้ว สารกันรอยขีดข่วนก็ไม่สามารถป้องกันได้ จึงควรหมั่นตรวจตราทำความสะอาดบริเวณสักหลาดให้ดีครับ และอาการลักษณะนี้ที่เกิดขึ้น อยูนอกเงื่อนไขการรับประกันคุณภาพของฟิล์มกรองแสง ฟิล์มกรองแสงเกี่ยวข้องอย่างไรกับการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง? ตอบ : คือฟิล์มกรองแสงที่ดี ยิ่งลดความร้อนได้เยอะเท่าไหร่ ระบบการทำความเย็นหรือแอร์ก็ทำงานน้อยลงหรือคอมเพรสเซอร์ไม่ต้องทำงานหนักมากเพื่อให้ได้ความเย็นตามต้องการ ซึ่งระบบแอร์นั้นก็ใช้พลังงานจากการหมุนของเครื่องยนต์ ดังนั้นถ้าแอร์สามารถทำงานได้น้อยลง เครื่องยนต์ก็ทำงานน้อยลงด้วยจึงทำให้สามารถช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ และมีของแถมด้วยคือลดรายจ่ายในการดูแลรักษาระบบแอร์ด้วย ทั้งอะไหล่และน้ำยาแอร์ดังนั้นการเลือกใช้ฟิล์มกรองแสงที่ลดความร้อนดี ๆ ก็มีส่วนช่วยในการลดใช้พลังงานและช่วยลดภาวะโลกร้อนไปในตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดี๋ยวนี้ฟิล์มกรองแสงดีๆ มีให้เลือกเยอะและราคาไม่สูงมาก การติดฟิล์มกรองแสงแบบบานหน้าเต็มบานจะมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร? ตอบ : การติดฟิล์มกรองแสงแบบบานหน้าเต็มบานจะช่วยลดความร้อนที่เข้ามาทางกระจกด้านหน้าของรถยนต์ ลดแสงที่จ้าในเวลากลางวัน กรณีกระจกเกิดแตกขณะขับขี่หรือถูกสะเก็ดหินฟิล์มกรองแสงจะช่วยยึดเศษกระจกไม่ให้แตกกระจาย คือ เศษกระจกแทนที่จะกระเด็นเข้ามาภายในโดยเศษกระจกอาจจะทำอันตรายหรือกระเด็นเข้าตาได้ แต่การติดฟิล์มแบบบานหน้าเต็มก็ไม่ควรที่จะติดฟิล์มที่มีความเข้มมากจนเกินไป เพราะตอนกลางคืนจะขับค่อนข้างยาก และอาจถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ถ้าให้ดีติดฟิล์มที่มีค่าแสงส่องผ่านตั้งแต่ 40 % ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว ลบโลโก้ที่ติดอยู่บนฟิล์มกรองแสงได้อย่างไร? ตอบ : ใช้น้ำยาล้างเล็บลบออกได้เลยครับ แต่ปกติผู้จำหน่ายฟิล์มกรองแสงจะมีน้ำยาลบแถมให้อยู่แล้ว คราบน้ำที่เกิดหลังจากติดตั้งฟิล์มกรองแสงและมีน้ำขังอยู่ภายในจะหายไปไหม? ตอบ : โดยปกติคราบน้ำดังกล่าวจะหายไปเองในระยะเวลาประมาณ 2-3 อาทิตย์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าหลังจากที่ได้ติดตั้งฟิล์มกรองแสงแล้ว ฟิล์มกรองแสงที่ติดตั้งโดนแสงแดดมากน้อยเพียงใด ยิ่งโดนมากยิ่งจะทำให้คราบน้ำที่ขังอยู่ระหว่างฟิล์มกรองแสงกับกระจกแห้งเร็วมากขึ้น ข้อควรปฎิบัติในการดูแลรักษาฟิล์มกรองแสงหลังจากติดตั้ง •ห้ามเลื่อนกระจกขึ้น - ลง หรือ เช็ด ถูฟิล์ม ภายใน 7 วัน หลังจากติดตั้ง เนื่องจากกาวของฟิล์มกรองแสงจะใช้ระยะเวลาในการอยู่ตัว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม เช่น การถูกแสงแดด ควรจะรอให้ครบระยะเวลาก่อนจึงเลื่อนหรือเช็ดกระจกได้ •หากมีปัญหาอื่นใด เช่น มีฟองอากาศ หรือ ฟิล์มอ้า ฯลฯ ให้รีบติดต่อศูนย์บริการภายในระยะเวลารับประกัน •ในการทำความสะอาดฟิล์มกรองแสง ควรใช้ผ้าสะอาด ผ้านุ่มหรือฟองน้ำ ร่วมกับน้ำยาทำความสะอาดฟิล์ม เพื่อกำจัดคราบมัน และไม่ควรนำวัสดุที่ลักษณะเป็นของแข็งหรือผิวไม่เรียบเช็ดถูที่กระจกเป็นอันขาด •ห้ามใช้น้ำยาเช็ดกระจกหรือสารเคมีที่มีส่วนประกอบของแอมโมเนีย ( NH4) เพราะอาจทำให้ ชั้นกันรอยของฟิล์มเสียหายได้ •ควรหมั่นดูแลรักษาร่องกระจก ไม่ให้มีเศษทรายหรือก้อนกรวดค้างอยู่ในราง เพราะจะทำให้ฟิล์มกรองแสงเกิดความเสียหายได้
ขอบคุณครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
iPuNN (ปั้น)
|
|
« ตอบ #32 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2010 21:20:09 » |
|
เพิ่งไปถามมาเมื่ออาทิตที่แล้วครับ
ไฮ - คูล หน้าเต้ม 50% ราคา 2500 บาท ไฮ - คูล หน้าเต้ม 60% ราคา 2800 บาท
ถ้าแบ่งละครึ่งอย่างเช่นจะเอา ครึ่ง หน้า 50 ครึ่งหลัง 60 หน้าเต้ม จะเสียราคาเศษครับ
ตกแล้ว รวมเป็น 3500 บาท ถ้าจะเอาอย่างละครึ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
UltraKw@nG
|
|
« ตอบ #34 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2010 00:45:29 » |
|
เก็บข้อมูล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
chinasak
มือเก่าหัดแข่ง
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 119
สบาย สบาย
|
|
« ตอบ #35 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2010 03:24:57 » |
|
http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=61968.0ตามลิ้งค์นี้ไปครับ น่าสนใจ เค้าขาย บริการในเวปเรานี่เจอมา ลองเข้าไปดู คิดว่า หน้า 60 ที่เหลือ 80 Hi kool จ่าย 2900 บาท เพื่อนๆว่า มันมืดไปไหมครับ คนเคยใช้ บอกหน่อยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
*OommY*
|
|
« ตอบ #36 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2010 07:45:24 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
chinasak
มือเก่าหัดแข่ง
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 119
สบาย สบาย
|
|
« ตอบ #37 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2010 12:09:08 » |
|
อย่างที่รู้กันนะครับ ฟิล์ม มี 2 ชนิด แบบไม่มีปรอท และ มีปรอท ผมถามที่ขอนแก่น อย่างแพงเลยครับพี่น้อง 1. ฟิล์มดำ(ไม่มีปรอท) น่ะ ยี่ห้อซันซายน์ (พูดมาผมไม่เคยได้ยินหรอก) รอบคัน 2100 บาท หน้า60 รอบ80 2. ฟิล์มปรอท ยี่ห้อซันบลอก (อันนี้ก็ไม่รู้อีก) รอบคัน 2400 บวกบานหน้าอีก 800 = 3200 3. Hi-cool (อันนี้รู้ ที่ร้านไม่มีแต่เค้าหาได้) รอบคัน 4000 บวกบานหน้าอีกต่างหาก 1500 = 5500 (แพงจัง) เค้าบอกแพงมาตั้งแต่เกิด 4. Lamina (รู้ ถามไปงั้นๆ) รอบคัน 4800 บวกบานหน้าอีกต่างหากเช่นกัน พันกว่า แพงจัง ในเวปเรา Hi cool ครบๆ แค่ 2900 เอง รวมบานหน้าแล้วด้วย เพื่อนๆเห็นว่าไงครับ ผมจอดรถถามตรงๆเลย ไม่ติด มันแพง....... รอติด กทม. ดีกว่า มีโอกาสจะไปติดครับ เซ้งกับราคาเว่อร์ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
chinasak
มือเก่าหัดแข่ง
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 119
สบาย สบาย
|
|
« ตอบ #38 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2010 12:10:43 » |
|
อย่างที่รู้กันนะครับ ฟิล์ม มี 2 ชนิด แบบไม่มีปรอท และ มีปรอท ผมถามที่ขอนแก่น อย่างแพงเลยครับพี่น้อง 1. ฟิล์มดำ(ไม่มีปรอท) น่ะ ยี่ห้อซันซายน์ (พูดมาผมไม่เคยได้ยินหรอก) รอบคัน 2100 บาท หน้า60 รอบ80 2. ฟิล์มปรอท ยี่ห้อซันบลอก (อันนี้ก็ไม่รู้อีก) รอบคัน 2400 บวกบานหน้าอีก 800 = 3200 3. Hi-cool (อันนี้รู้ ที่ร้านไม่มีแต่เค้าหาได้) รอบคัน 4000 บวกบานหน้าอีกต่างหาก 1500 = 5500 (แพงจัง) เค้าบอกแพงมาตั้งแต่เกิด 4. Lamina (รู้ ถามไปงั้นๆ) รอบคัน 4800 บวกบานหน้าอีกต่างหากเช่นกัน พันกว่า แพงจัง ในเวปเรา Hi cool ครบๆ แค่ 2900 เอง รวมบานหน้าแล้วด้วย เพื่อนๆเห็นว่าไงครับ ผมจอดรถถามตรงๆเลย ไม่ติด มันแพง....... รอติด กทม. ดีกว่า มีโอกาสจะไปติดครับ เซ้งกับราคาเว่อร์ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NeTGoi
|
|
« ตอบ #39 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2010 14:43:46 » |
|
ผม ไฮคูล 3 บานหน้า R 30 3 บานหลัง R90 ครับ 2500 บาท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|