AE. Racing Club
26 พฤศจิกายน 2024 00:01:55 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [«10] [«5]  «  1 ... 204 205 [206] 207 208 ... 246  »  [5»] [10»]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ร ว ม พ ล ค น รั ก >SSS< คุ ย ปั ญ ห า กั น ห้ อ ง นี้ เ ล ย ค รั บ ^^  (อ่าน 1322110 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Henry
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6,985


เเถวบ้านเค้าเรียกผมว่า ดอม (Dominic Torretto)


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4100 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2012 16:09:00 »

เปิดเเอร์เเล้วรถดับเกิดจากไรอ่ะ งง  ไฟมันรั่วป่าวอ่ะ
บันทึกการเข้า

ก้อเเค่โบเดิมเเต่จะลง 12 เเระนะ อิอิ

Aj.Moo
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,899



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4101 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2012 11:04:15 »

เปิดเเอร์เเล้วรถดับเกิดจากไรอ่ะ งง  ไฟมันรั่วป่าวอ่ะ

เปิดแอร์ดับปุ๊บเลย หรือว่าค่อย รอบตกแล้วดับ

ถ้ารอบตกแล้วดับ น่าจะมาจากตัวชดเชยรอบ แต่ถ้าเปิดปุ๊บดับเลย ท่าทางจะอาการหนักครับผมน่าจะมีอะไรช๊อคแหละ  แหะ.. แหะ..
บันทึกการเข้า
เต้าหูู้ทอดเรซซิ่ง
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 869



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4102 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2012 17:38:38 »

ไฟไม่มาอะป่าว ปิดปากทำงานอยูู่ในการไฟฟ้าแม่เมาะปล่อยให้ aeถูกตัดไฟได้งั๊ย แจ้ง กฟภ. หรือยังครับต้อง 
บันทึกการเข้า


iambeerse
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 764



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4103 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2012 11:00:15 »

เหวออยู่สงขลา แต่เอาขึ้นมาแก้ที่กรุงเทพฯเนี๊ยนะ...โห..คิดแล้วน่าเห็นใจสุดๆครับ
ถ้าไม่ไหว pmมา เดี๊ยวหาอู่ที่ทำจบแก้ให้ใหม่ตั้งแต่วางเครื่องยันสายไฟเลยครับ 

ได้ครับ แต่ยังไงทางอู่ที่ผมไปวางเค้ารับผิดชอบอยู่ครับ ถ้าไม่ไหวจะ PM ไปหานะครับผม

ขอบคุณมากนะครับ
อยู่แถวไหนของสงขลาคับ  ผมอยู่หาดใหญ่

 สู้ๆครับพี่    เอ๋อ เอ๋อ

ขอบคุณคร๊าบบบ

ผมอยู่ อ.เมือง ครับ แต่ก็ไปหาดใหญ่ประจำครับ
บันทึกการเข้า

แอร์เย็น เพลงเพราะ เบาะนุ่ม

wirat
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 162


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4104 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2012 20:53:54 »

อ๋อ..คับ  เผื่อวันหลังได้ทานข้าวกันคับ
บันทึกการเข้า
O_oF........sss
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,387


กำแพงมีไว้พุ้งชน รถยนต์มีไว้ Modify


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4105 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2012 20:57:06 »

เพลาขาด  เวียนหัว
บันทึกการเข้า

ช่างต่อ 100% จรัญ 13
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 821



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4106 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2012 21:23:44 »

 แอบดู
บันทึกการเข้า

4ja1
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 509


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4107 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2012 00:20:42 »

แอบดู


----   สวัสดีครับน้า ไม่คุยอะไรบ้างหรือครับ มาทีไรแอบทุ้กทีเลย    ตาปริบๆ        เหอๆๆ
บันทึกการเข้า
ช่างต่อ 100% จรัญ 13
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 821



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4108 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2012 21:02:58 »

ไม่รู้จะคุยอะไรครับน้า เดี๋ยวพิมไปมันจะเป็นประเดนอีก จุจุ ไม่พิมดีกว่าแอบดูเอา อิอิ
บันทึกการเข้า

iambeerse
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 764



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4109 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2012 23:13:38 »

อ๋อ..คับ  เผื่อวันหลังได้ทานข้าวกันคับ


ได้เลยครับ ด้วยความยินดีครับผม
บันทึกการเข้า

แอร์เย็น เพลงเพราะ เบาะนุ่ม

wirat
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 162


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4110 เมื่อ: 16 ธันวาคม 2012 14:11:56 »

อ๋อ..คับ  เผื่อวันหลังได้ทานข้าวกันคับ


ได้เลยครับ ด้วยความยินดีครับผม
ครับผม
บันทึกการเข้า
whistler_190
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 117


ผมเองครับ ปิแอร์...แซ่็ >>> H * E * R E


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4111 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2012 02:19:56 »

ใครใช้ แท่นเครื่องยูริเทนบ้างอ่ะครับ ของผมขาดเฉยเลย ท่าทางกำลังจะขาดอีกรอบ อยากลองยูริเทนดูอ่ะครับ
บันทึกการเข้า

Aj.Moo
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,899



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4112 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2012 08:25:08 »

เข้าใกล้เทศกาลเดินทางไกลเข้ามาทุกที พี่น้อง ชาวฝาเอียง เตรียมความพร้อมกันหรือยังครับ ใครที่ต้องเดินทางไกล ก็ขอให้เดินทางด้วยความสวัสดิภาพครับผม

วันนี้ มีเทคนิคดี ๆ มาฝากครับ

..................
เพื่อให้การเดินทางไกลไปในช่วงเทศกาลด้วยรถยนต์สวนตัวไม่ว่าจะเป็นการเดิน ทางท่องเที่ยว หรือกลับถิ่นฐานเดิมในต่างจังหวัด เป็นไปอย่างราบรื่นและมีความสุข ไม่ต้องมาปวดหัวกับปัญหารถเสียระหว่างการเดินทาง หรืออาจนำไปสู่อุบัติเหตุได้ ทั้งนี้ท่านสามารถป้องกันได้กับการตรวจเช็คด้วยตัวเอง และไม่เสียเวลามากนักก่อนเดินทาง จะช่วยให้มั่นใจในการขับขี่ หรือหากพบข้อบกพร่องก็สามารถแก้ไขก่อนเดินทาง สำหรับวิธีการตรวจเช็คเบื้องต้นสามารถทำได้ดังนี้
 
ตรวจรถภายนอก
1. ตรวจความดันลมยาง ดอกยาง และรอยฉีกขาด ตรวจดูว่าขันแน่นดี แต่ก็ไม่แน่นจนเกินไปจนคลายออกไม่ได้ด้วยตัวเอง
2. รอยรั่วซึม ตรวจดูว่ามีร่องรอยน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรค หรือ น้ำรั่วซึมจากใต้ท้องรถ
3. ยางปัดน้ำฝน ทดลองปัดดู
4. ไฟส่องสว่าง ตรวจดูไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรค ไฟเลี้ยวหรืออื่นๆรวมทั้งระดับไฟหน้าด้วยว่าเป็นปกติทั้ง
 
ตรวจภายในรถ
1. ยางอะไหล่และแม่แรง ตรวจเช็คลมยาง และให้แน่ใจว่าแม่แรงและด้ามขันใช้งานได้ตามปกติ
2. เข็มขัดนิรภัย ตรวจเช็คว่าหัวเข็มขัดสามารถลอ็คได้เรียบร้อย
3. แตร ให้แน่ใจว่าดังดี
4. แผงควบคุมและอุปกรณ์ ตรวจดูให้แน่ใจว่าทำงานเป็นปกติ และที่ปัดน้ำฝน ปัดได้เรียบร้อยสม่ำเสมอ
5. เบรก เช็คระยะฟรีขาเบรคอยู่ในค่ากำหนดหรือไม่
6. ฟิวส์สำรองที่เตรียมไว้ต้องมีขนาดค่ากระแสใช้ได้ตามที่กำหนดที่แผงฟิวส์
 
ตรวจใต้ฝากระโปรงหน้า
 
1. ระดับน้ำหล่อเย็น ควรจะมีอยู่ถึงระดับสูงสุดในถังพักสำรอง
2. หม้อน้ำและท่อยาง ควรดูว่าด้านหน้าหม้อน้ำหมดจดไม่มีเศษวัสดุ หรือใบไม้ติดอยู่ ดูท่อยางว่ามีรอยแยกเปื่อย มีรอยฉีกขาดหรือหลวม
3. สายพานขับต่างๆ ต้องไม่มีรอยแตก เลอะน้ำมันหล่อลื่น และความตึงสายพานอยู่ในค่ากำหนด
4. แบตเตอรี่ และสายไฟ ตรวจดูและเติมน้ำกลั่นให้ได้ระดับที่กำหนดดูเปลือกแบตเตอรี่ว่ามีร่องรอย เสียหายหรือไม่ ดูขั้วต่อและสายไฟว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่
5. ระดับน้ำมันเบรคและคลัชท์ ตรวจดูว่าระดับน้ำมันเบรคและคลัทช์อยู่ในระดับที่ถูกต้อง
6. ท่อน้ำมันเชื้อเพลิง ตรวจดูว่าท่อน้ำมันมีการรั่ว หลุดหรือไม่ โดยเฉพาะสมาชิกที่ติดแก็สอันนี้สำคัญมากๆ ครับ
 
ข้างต้นเป็นวิธีการตรวจเช็ครถยนต์แบบคราวๆ ก่อนการเดินทางไกลๆ แต่ความเป็นจริงแล้วเราควรตรวจเช็ครถยนต์ที่ท่านรักสม่ำเสมอ ดังนั้นลองมาศึกษาวิธีการตรวจสอบรถยนต์ง่ายๆ ด้วยตนเอง
 
1. ยางรถยนต์
•ควรตรวจเช็คลมยาง  และปรับแต่งให้ถูกต้องตามอัตราที่กำหนด หรือตามคำแนะนำ ในหนังสือคู่มือของรถยนต์เป็นประจำ
•ในกรณีของยางใหม่  ให้เพิ่มความถี่ในการตรวจเช็คลมยาง ให้มากกว่าปกติ (ในช่วง 3,000 กม. แรก) เนื่องจากโครงสร้างยางในช่วงนี้ จะมีการขยายตัว ทำให้ความดันลมยางลดลงจากปกติได้
•ห้ามปล่อยลมยางออก  เมื่อความดันลมยางสูงขึ้นขณะกำลังใช้งาน เพราะความร้อนที่เกิดขึ้นขณะใช้งาน เป็นตัวทำให้ความดันลมภายในยางสูงขึ้น เมื่อยางเย็นตัวลง ความดันลมยางก็จะกลับสู่สภาวะปกติ
•เพื่อป้องกันลมรั่วซึมที่วาล์ว  ควรเปลี่ยนวาล์ว และแกนวาล์วทุกครั้งที่เปลี่ยนยางใหม่ และมีฝาปิดวาล์วตลอดเวลา
•สำหรับยางอะไหล่  ให้ตรวจเช็คลมยางให้ถูกต้องทุกๆ เดือน
•หากขับรถที่ ความเร็วสูง ควรเติมลมมากกว่าปกติ 3-5 ปอนด์ จะช่วยลดการบิดตัวของโครงยาง ทำให้เกิดความร้อนน้อยลง หรืออาจใช้การสังเกต จากที่ใช้งานทุกวัน และความชอบของผู้ขับรถเป็นเกณฑ์ โดยส่วนใหญ่ค่าเฉลี่ยของความดันลมยางของรถเก๋ง จะประมาณ 28-30 ปอนด์/ตารางนิ้ว ส่วนรถกระบะ จะประมาณ 35-40 ปอนด์/ตารางนิ้ว (ขับขี่ทั่วไปไม่บรรทุกหนัก)

2. ระดับของเหลวต่างๆของรถยนต์  เช่น  น้ำมันเครื่อง  น้ำมันเกียร์  น้ำมันเบรค  น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์  น้ำฉีดกระจก  น้ำกลั่นแบตเตอรี่  สามารถตรวจได้บ่อยครั้ง หรือสำหรับผู้ไม่มีเวลาควรตรวจอย่างน้อย 1ครั้ง ต่อ 1สัปดาห์
 

2.1 น้ำมันเครื่อง การตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่อง อุ่นเครื่องยนต์จนถึงอุณหภูมิทำงานแล้วดับเครื่องเช็คระดับน้ำมันเครื่องโดย ใช้ก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง
 •เพื่อให้การตรวจเช็คถูกต้อง รถควรอยู่ในแนวระดับเครื่องยังร้อน และทำการวัดหลังจากดับเครื่อง 2-3 นาทีเพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลกลับลงด้านล่างก่อน
•ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออก เช็คน้ำมันเครื่องที่ติดกับก้านวัดด้วยผ้า
•เสียบก้านวัดน้ำมันเครื่องคืนกลับจุดเดิม
•ดึงก้านวัดออกมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องที่ปลายก้านวัด ถ้าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระหว่าง " F " กับ " L " แสดงว่าระดับน้ำมันเครื่องปกติ
 

ข้อควรระวัง
- หลีกเลี่ยงการเติมน้ำมันเครื่องมากเกินไป เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้
- ตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องที่ก้านวัดอีกครั้งหลังเติมน้ำมันเครื่องลงไป
2.2 น้ำมันเกียร์
 
 
 
1. ตรวจเช็คระดับน้ำมันเกียร์ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์
 
2. ขับรถยนต์เป็นเวลา 15 นาที เพื่ออุ่นน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ
 
 

ข้อแนะนำ :
- เนื่องจากน้ำมันเกียร์อัตโนมัติจะขยายตัวเมื่อมันร้อน ดังนั้นให้ตรวจเช็คระดับน้ำมันเกียร์หลังจากที่ได้ทำการอุ่นให้ร้อนแล้ว เนื่องจากโครงสร้างของเกียร์อัตโนมัติจะทำให้ปริมาณของน้ำมันเกียร์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากตามอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง
- สำหรับโคโรลล่า ให้ตรวจเช็คระดับน้ำมันเกียร์เมื่ออุณหภูมิสูงถึง 70 - 80&deg;C (158 - 176&deg;F)
 
 
 
3. จอดรถในพื้นระดับและดึงเบรกมือ
4. ให้เครื่องยนต์เดินเบา, เหยียบเบรก, ดึงคันเบรกมือและเลื่อนคันเกียร์อย่างช้าๆ จากตำแหน่ง P ไปยังตำแหน่งอื่นๆ จนถึงตำแหน่งเกียร์ L และเลื่อนกลับไปยังตำแหน่งเกียร์ P อีกครั้งหนึ่ง
 
5. ดึงไม้วัดระดับน้ำมันออกมาขณะที่เครื่องยนต์เดินเบา, เช็ดคราบน้ำมันด้วยผ้าให้สะอาด เสียบไม้วัดระดับน้ำมันเข้าไปอีกครั้ง และตรวจสอบระดับน้ำมันต้องอยู่ช่วง "HOT"
 
 
ข้อแนะนำ:
- เมื่อขีดของน้ำมันด้านหลังของเกจวัดแตกต่างจากด้านหน้า ให้อ่านค่าต่ำสุด
- เมื่อระดับน้ำมันมากกว่าค่ากำหนด น้ำมันเกียร์อัตโนมัติอาจรั่วออกจากรูระบาย เป็นสาเหตุทำให้เกียร์กระตุก
- ถ้าระดับน้ำมันเกียร์ต่ำเกินไป อาจทำให้การหล่อลื่นไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดการเสียดสีของกลไกภายในเกียร์มาก
 

2.3 น้ำมันเบรค วิธีการตรวจเช็คระดับน้ำมันเบรคควรจะอยู่ระหว่าง MAX และ MIN แต่หมั่นเติมให้อยู่ในระดับ MAX ดีที่สุด
 
เทคนิค : เติมน้ำมันเบรคจนถึงเส้นไข่ปลาและเมื่อปิดฝา ระดับน้ำมันจะขึ้นถึงระดับที่ถูกต้อง
 
เครื่องมือ - อุปกรณ์ : ผ้าชุบน้ำผืนขนาดพอสมควร ใช้ปิดตัวถังรถ ด้านที่เติมน้ำมันเบรคเพื่อป้องกันการกระเด็นไปถูกตัวถังรถ
 
 
ข้อควรระวัง
-  เติมน้ำมันเบรคให้ตรงกับระบบเบรคของรถหรือน้ำมันเบรคที่เคยใช้อยู่เท่านั้น แดง-แดง ใส-ใส
-  น้ำมันเบรคเป็นอันตรายต่อดวงตาและทำลายสีรถ ระวังล้นหรือกระเด็น
-  น้ำมันเบรกจะเสื่อมคุณภาพหากมีน้ำหรือความชื้นปนลงไป
2.4  น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ ท่านควรตรวจระดับน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ เดือนละครั้ง และ ตรวจระดับน้ำพวงมาลัยเพาเวอร์ ในขณะที่เครื่องเย็นโดยดูที่ด้านข้างของกระปุกน้ำมัน ระดับน้ำมันควรอยู่ที่ไม่เกินขีดระดับสูงสุด และระดับต่ำสุด ถ้าระดับน้ำมันอยู่ต่ำกว่าขีดสุด ให้เติมน้ำมันจนระดับอยู่ที่ขีดสูงสุด
 
 
ข้อควรระวัง
- เทน้ำมันช้าๆ และระวังอย่าทำน้ำมันหก ถ้าน้ำมันหกให้รีบทำความสะอาดทันที เพราะน้ำมันที่หกอาจทำความเสียหายแก่ส่วนประกอบอื่นในห้องเครื่องยนต์ได้
- ควรใช้น้ำมันยี่ห้อที่ดีตามโฆษณาทั่วไป
- การที่ระดับน้ำมันต่ำอาจเกิดจากการรั่วในระบบ ควรตรวจดูระดับน้ำมันและนำรถเข้ารับการตรวจสอบระบบพวงมาลัยเพาเวอร์โดยเร็ว
- การหมุนพวงมาลัยค้างไว้สุดทั้งด้านซ้ายหรือขวาอาจจะทำให้ระบบลูกยาง ท่อยาง ลูกยาง ลูกน้ำท่อยาง ที่เกี่ยวข้องกับระบบเพาเวอร์ ฉีกขาดหรือแตกได้ เนื่องจากการหมุนพวงมาลัยสุดทำให้แรงดันสูง
 
 
2.5 น้ำฉีดกระจก การเติมน้ำฉีดกระจกให้เติมในถังสีขาวให้เต็มหรือบางท่านอาจจะผสมแชมพู เพื่อให้กระจกใสมากขึ้น
 •ระดับน้ำในถังน้ำฉีดกระจกอยู่ในระดับต่ำหรือว่าไม่มีเลย : เมื่อตรวจพบว่าระดับน้ำพร่อง ควรเติมน้ำผสมกับน้ำยาทำความสะอาดกระจกลงไปเล็กน้อย จะช่วยทำความสะอาดได้ดีกว่าน้ำสะอาดเพียงอย่างเดียวนอกจากการตรวจระดับน้ำ แล้วควรที่จะตรวจสภาพของถังน้ำเองว่ารั่วหรือไม่ โดยการเติมน้ำลงไปทิ้งเวลาสักพักและค่อยกลับมาตรวจระดับน้ำอีกครั้งว่าพร่อง หรือลดลงมากเพียงใด เมื่อตรวจไม่พบรอยรั่ว แล้วค่อยลองฉีดน้ำล้างกระจกอีกครั้ง
•สายยางน้ำฉีดกระจกหลุดหรือรอยฉีกขาด : วิธีตรวจเช็คคือมองไล่ตั้งแต่การลำเลียงน้ำจากถังน้ำผ่านมอเตอร์ปั้มน้ำที่ ติดอยู่กับถังน้ำมองไล่ตั้งแต่สายยางที่ออกจากถังน้ำไปจนถึงหัวฉีดซึ่งถ้าพบ ว่ามีส่วนใดขาดหรือหลุดควรทำการซ่อมแซม
•หัวฉีดน้ำอุดตัน : อาจจะเกิดจากการที่มีฝุ่นละอองไปอุดตันหัวฉีดน้ำ วิธีที่ง่ายที่สุดคือการนำเข็ม หรือเหล็กแหลมที่สามารถแทงผ่านรูฉีดน้ำได้มาแทงผ่านรูฉีดน้ำเพื่อดันสิ่งที่ อุตันอยู่ให้หลุดออก พร้อมกับการตั้งระดับให้หัวฉีดสามารถฉีดน้ำพอดีกับกระจกไม่ต่ำหรือสูงเกินไป ส่วนถ้าใช้เหล็กแหลมทิ่มก็แล้วยังไม่หลุดต้องใช้มาตรการสุดท้ายคือการนำหัว ฉีดทั้งหัวไปต้มในน้ำร้อนเพื่อละลายคราบที่อุดตัน
•มอเตอร์ที่ทำหน้าที่ปั้มน้ำจากถัง : ถ้าตรวจตั้งแต่รายการ 1-3 แล้วก็ยังฉีดน้ำล้างกระจกไม่ได้ โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีหัวฉีด 2 ตัว และไม่สามารถฉีดน้ำได้ทั้ง 2 ตัวคงต้องพุ่งเป้าไปที่‘มอเตอร์ที่ทำหน้าที่ปั๊มน้ำจากถัง’ส่วนสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ปั้มน้ำเสียนอกจากว่าจะหมดอายุการใช้ หรือเกิดจากการใช้งานที่ผิดอย่างเช่นระดับน้ำในถังน้ำต่ำหรือแห้งแต่ผู้ใช้ ยังคงพยายามฉีดน้ำทำให้มอเตอร์ร้อนจัดและเสียในที่สุด หรือการฉีดน้ำเป็นเวลานานเกินกว่า 20 วินาทีบ่อยๆ จะทำให้มอเตอร์ร้อนจัดและมีอายุสั้นลง
2.6 น้ำกลั่นแบตเตอรี่
 •ควรตรวจดูระดับน้ำกลั่น ก่อนทำการชาร์จทุกครั้ง ว่าแห้งไปหรือไม่ การตรวจเช็คสามารถดูได้จาก ลูกลอยระดับลูกลอยที่ลอยขึ้นมา จะต้องมองเห็นบาร์สีขาวเล็กน้อย ( ถ้าแถบบาร์สีขาวสูงเกินไปให้ดูดน้ำกลั้นออก เพราะนั้นอาจจะทำให้นำกลั่นล้นได้ ในขณะที่ทำการชาร์จ)หากไม่มีฝาลูกลอย ให้ใช้วิธีเปิดฝาจุกแล้วดูว่าน้ำกลั่นในเซลล์แบตเตอรี่มึระดับสูงกว่าแผ่น ธาตุภายในประมาณ 1 เซ็นติเมตร (วัดระดับด้วยสายตาก็ได้ ไม่ต้องใช้ไม้บรรทัดไปทาบนะค่ะ) ถ้าน้อยกว่าก็ให้เติมน้ำกลั่นลงไปให้อยู่ระดับที่ประมาณ 1 เซ็นติเมตร ห้ามเติมมากๆนะ เพราะเดี๋ยวน้ำกลั่นมันจำล้น เหมือนดังที่กล่าวข้างตัน
•ไม่ควรเติมน้ำหรือสิ่งอื่นใดลงไปในแบตเตอรี่ นอกจากน้ำกลั่น
•ในขณะที่ทำการชาร์จไม่ควรมีประกายไฟ ในบริเวณที่ทำการชาร์จ เพราะจะทำให้แก๊สที่เกิดขึ้นขณะชาร์จติดไฟได้ สถานที่ชาร์จจะต้องเป็นที่ร่ม สะอาด อากาศถ่ายเทได้สะดวก
•หลังการทำการชาร์จเรียบร้อยแล้ว ควรพักแบตเตอรี่ให้ระดับความร้อนของแบตเตอรี่ลดลงประมาณ 1ชั่วโมง จึงนำแบตเตอรี่มาใช้งาน
•ควรรักษาความสะอาดขั้ว บนฝา และรอบๆให้สะอาดและแห้งอยู่ตลอดเวลา ถ้าส่วนบนของแบตเตอรี่สกปรกให้ใช้ผ้าชุดน้ำแล้วเช็ดให้สะอาด จะให้น้ำล้างก็ได้ แต่ต้องระวังไม่ให้นำเข้าไปในตัวแบตเตอรี่ ( ควรทำความสะอาดให้แบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่


ที่มา http://www.srdriving.com  คำนับ
บันทึกการเข้า
Merinmek
มือใหม่หัดขับ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 28



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4113 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2012 08:26:41 »

ใครใช้ แท่นเครื่องยูริเทนบ้างอ่ะครับ ของผมขาดเฉยเลย ท่าทางกำลังจะขาดอีกรอบ อยากลองยูริเทนดูอ่ะครับ

หวัดดีคร้าบบ แท่นเครื่องตัวไหนอ่ะคับที่ขาด
บันทึกการเข้า

O_oF........sss
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,387


กำแพงมีไว้พุ้งชน รถยนต์มีไว้ Modify


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4114 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2012 08:43:48 »

ขอบคุณครับ อาจารย์หมู  คำนับ
บันทึกการเข้า

whistler_190
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 117


ผมเองครับ ปิแอร์...แซ่็ >>> H * E * R E


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4115 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2012 20:54:14 »

ใครใช้ แท่นเครื่องยูริเทนบ้างอ่ะครับ ของผมขาดเฉยเลย ท่าทางกำลังจะขาดอีกรอบ อยากลองยูริเทนดูอ่ะครับ

หวัดดีคร้าบบ แท่นเครื่องตัวไหนอ่ะคับที่ขาด

ดีครับ แท่นเครื่องตัวหน้าครับ หลังหม้อน้ำ เครื่อง Nonair น่ะครับ ...
บันทึกการเข้า

kenshiro
มือใหม่หัดซิ่ง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 85



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4116 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2012 17:17:52 »

ผมขอสอบถามหน่อยนะคับว่า
ถ้าได้เครื่อง 3sgte DIRECCOIL  A/T ขับสี่ แล้วนำมันอุดเป็นขับสอง อัตราการเร่งจะด้อยลงจิงไหมคับ
พอดีวันนี้ผมคุยกับทางอู่  เขาแนะนำให้หาเกียร์ 3sGE มาชน จะทำให้อัตราการเร่งดีกว่า และเกียร์ก็จะทนกว่าพวกที่นำขับสี่ไปอุด
ไม่ทราบว่าจิงเท็จแค่ไหนคับ  ขอบคุณคับ (แต่อู่นี้เขาคิดค่าเครื่อง 70000+20000ค่าแรง) ในขณะที่ผมหาเครื่องได้ไม่เกิน40000เอง
บันทึกการเข้า
Hunter_JIK.CZ48
AE Racing Club Staff
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8,158


3S-GE Doraemonster 9X


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4117 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2012 00:02:42 »

ผมว่าแพงนะ

ส่วนเกียร์อุดมันเป็นเทคนิคของอู่อะครับเรื่องทนเนี่ย ส่วนด้อยไหมไม่แน่ใจแต่เห็นมีอยู่หลายคันที่อู่เพื่อนผมอุดก็ไม่เห็นมีปัญหานะ

ที่ว่าเอาเกียร์ ge มาชนน่าจะแก้ปัญหาเพลามากกว่ามั่ง
บันทึกการเข้า

Aj.Moo
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,899



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4118 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2012 11:14:54 »

ผมขอสอบถามหน่อยนะคับว่า
ถ้าได้เครื่อง 3sgte DIRECCOIL  A/T ขับสี่ แล้วนำมันอุดเป็นขับสอง อัตราการเร่งจะด้อยลงจิงไหมคับ
พอดีวันนี้ผมคุยกับทางอู่  เขาแนะนำให้หาเกียร์ 3sGE มาชน จะทำให้อัตราการเร่งดีกว่า และเกียร์ก็จะทนกว่าพวกที่นำขับสี่ไปอุด
ไม่ทราบว่าจิงเท็จแค่ไหนคับ  ขอบคุณคับ (แต่อู่นี้เขาคิดค่าเครื่อง 70000+20000ค่าแรง) ในขณะที่ผมหาเครื่องได้ไม่เกิน40000เอง

3S Direct Coil ที่วางกันมีให้เลือกหลัก  2 แบบ คือยังทำเป็น เกียร AT เหมือนเดิม ซึ่งแยกย่อยออกได้อีก 2 วิธี
 1. ใช้เกียรเดิมแล้วถอดชุดขับ 4 ออกแล้วทำแป้นอุดเอา
 2. ใช้วิธีการเปลี่ยนเฟืองท้ายแล้วทำแป้นปิดชุดขับ 4

แต่ถ้าหากทำเป็นเกียร MT ก้อมีอีกหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นเอาเกียร MR2 มาชนแล้วแปลงชุดเปลี่ยนเกียร หรือเอาเกียร GE มาชน มีทั้ง ตูดเล็ก ตูดใหญ่

ลองคุยกับอู่ที่จะวางดูครับ ว่าเขาใช้สูตรไหน แล้วเคยมีผลงานทางการวางเครื่องตัวนี้มาให้เราได้ทดลองดู หรือลองคุยกับเจ้าของรถที่วางที่อู่นั้น ๆ มาแล้วลองขอขับดูหรือสอบถามถึงปัญหาที่เขาอาจจะเคยพบมาก่อนครับผม

อย่างไรขอให้สนุก สมหวังกับสิ่งที่เลือกครับ.  คำนับ
บันทึกการเข้า
amnat
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,110


4E-FTE DRAG CRAZY รถกูไม่แรง..แต่กูอยากแข่ง


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4119 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2012 13:15:44 »

ผมขอสอบถามหน่อยนะคับว่า
ถ้าได้เครื่อง 3sgte DIRECCOIL  A/T ขับสี่ แล้วนำมันอุดเป็นขับสอง อัตราการเร่งจะด้อยลงจิงไหมคับ
พอดีวันนี้ผมคุยกับทางอู่  เขาแนะนำให้หาเกียร์ 3sGE มาชน จะทำให้อัตราการเร่งดีกว่า และเกียร์ก็จะทนกว่าพวกที่นำขับสี่ไปอุด
ไม่ทราบว่าจิงเท็จแค่ไหนคับ  ขอบคุณคับ (แต่อู่นี้เขาคิดค่าเครื่อง 70000+20000ค่าแรง) ในขณะที่ผมหาเครื่องได้ไม่เกิน40000เอง

3S Direct Coil ที่วางกันมีให้เลือกหลัก  2 แบบ คือยังทำเป็น เกียร AT เหมือนเดิม ซึ่งแยกย่อยออกได้อีก 2 วิธี
 1. ใช้เกียรเดิมแล้วถอดชุดขับ 4 ออกแล้วทำแป้นอุดเอา
 2. ใช้วิธีการเปลี่ยนเฟืองท้ายแล้วทำแป้นปิดชุดขับ 4

แต่ถ้าหากทำเป็นเกียร MT ก้อมีอีกหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นเอาเกียร MR2 มาชนแล้วแปลงชุดเปลี่ยนเกียร หรือเอาเกียร GE มาชน มีทั้ง ตูดเล็ก ตูดใหญ่

ลองคุยกับอู่ที่จะวางดูครับ ว่าเขาใช้สูตรไหน แล้วเคยมีผลงานทางการวางเครื่องตัวนี้มาให้เราได้ทดลองดู หรือลองคุยกับเจ้าของรถที่วางที่อู่นั้น ๆ มาแล้วลองขอขับดูหรือสอบถามถึงปัญหาที่เขาอาจจะเคยพบมาก่อนครับผม

อย่างไรขอให้สนุก สมหวังกับสิ่งที่เลือกครับ.  คำนับ


 สุดยอด สุดยอด สุดยอด
บันทึกการเข้า

ใจรักแดร็ก..4อีโบ...โมนิดๆๆ

หน้า: [«10] [«5]  «  1 ... 204 205 [206] 207 208 ... 246  »  [5»] [10»]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!