เซ็งครับ

เค้านั่งกันมา 4 คน ผมมาคนเดียว

ถ้าจัดแคมซักชุด กล่องซักใบ จะไหวมั้ยครับ รถเค้ายังป้ายแดงอยู่เลย
ระยะห่างประมาณ 3-4 คันรถครับ เฮ้อ 200 up ยังตามอยู่เลย แต่ทำไมเวลาเค้าขับพอผมจะเปลี่ยนช่อง เค้าต้องออกมาบล็อกผมด้วยอะ งง ผมเลยมองไม่เห็นด้านหน้าเลยครับ หรือมันเป็นเทคนิคครับ

MINI Cooper S
กับเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ขับสนุกยิ่งขึ้น แต่คายไอเสียน้อยลง
มินิ ประเทศไทย ประกาศอัพเดทไลน์ผลิตภัณฑ์ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ ที่ได้รับการอัพเกรดให้มีสมรรถนะสูงขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และคายไอเสียน้อยลง ทั้งในไลน์ MINI Cooper S, MINI Cooper และ MINI One
MINI Cooper S ได้รับการอัพเกรดเครื่องยนต์ด้วยระบบอัดอากาศ Twin-Scroll Turbo ผนวกกับระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC ซึ่งจัดเป็นระบบเครื่องยนต์ที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน เครื่องยนต์ใหม่นี้สามารถผลิตกำลังสูงสุดถึง 184 แรงม้า ทำอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยได้ 17.2 กิโลเมตรต่อลิตร ดีกว่าเดิม 7% และค่าเฉลี่ยอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ 149 กรัมต่อกิโลเมตร ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU
จากค่าสถิติดังกล่าว จึงทำให้เครื่องยนต์ของ MINI Cooper S เครื่องนี้ จัดเป็น เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตรที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในโลก ในขณะเดียวกันเครื่องยนต์ใน MINI Cooper ก็ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถผลิตกำลังสูงสุดได้ 122 แรงม้า และ MINI One ก็เปลี่ยนจากเดิมที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร มาใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร พร้อมด้วยเทคโนโลยีระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC สามารถผลิตแรงม้าได้ 98 แรงม้า
นอกจากนี้ ด้วยเทคโนโลยี MINIMALISM ซึ่งตั้งอยู่พื้นฐานปรัญชา EfficientDynamics ของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ไลน์เครื่องยนต์ใหม่ของมินินี้ ยังมีศักยภาพการลดอัตราการคายไอเสียให้เข้ามาตรฐาน EU5 สำหรับรุ่นที่จำหน่ายในยุโรปด้วย
เจาะเทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่ของ MINI Cooper S
ในขณะที่ MINI Cooper S ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในรถเล็กสมรรถนะสูง ที่ขับสนุกที่สุด วิศวกรของมินิก็มิได้หยุดนิ่ง ในการคิดค้นเพื่อพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้นโยบาย Sustainability ของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของมินิ ได้สร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยายนต์ ด้วยระบบเครื่องยนต์ที่ผสมผสานสามสุดยอดเทคโนโลยีเพื่อสร้างเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตรที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในโลก คือ...
(1) เทคโนโลยีระบบอัดอากาศ Twin-Scroll Turbo
(2) ระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC
(3) ระบบฉีดน้ำมันตรงเข้ากระบอกสูบ Direct Injection
เครื่องยนต์ของ MINI Cooper S ที่ได้รับการอัพเกรดในครั้งนี้ จัดได้ว่าเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ได้มีการผนวกรวมระบบอัดอากาศ Twin-Scroll Turbo และระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งต่างก็เป็นสุดยอดเทคโนโลยี ระบบป้อนอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ จึงเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ของ MINI Cooper S ซึ่งเป็นสุดยอดอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ทั้งในแง่ของสมรรถนะ ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน และการลดการคายไอเสีย
เทคโนโลยีระบบอัดอากาศ Twin-Scroll Turbo ใช้หลักการแบ่งทางเดินไอเสียเป็นสองช่อง โดยทั้งสองช่องจะทำงานสอดประสานกัน สร้างแรงดันของไอเสีย ให้อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รอบต่ำ เพื่อป้อนเป็นพลังงานขับเคลื่อนใบพัดของระบบเทอร์โบ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบ Twin-Scroll Turbo จึงเป็นระบบเทอร์โบเดี่ยว ที่สามารถให้กำลังอัดอากาศสูง และต่อเนื่อง เสมือนกับใช้ระบบเทอร์โบคู่ ซึ่งนอกจากจะมีขนาดกะทัดรัด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับรถขนาดเล็กอย่างมินิแล้ว ยังเป็นการประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะในเรื่องของระบบหล่อเย็นของเทอร์โบอีกด้วย ส่วนระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC ซึ่งมีความสามารถกำหนดระยะเปิด-ปิด และระยะเวลาการเปิดวาล์วอากาศได้แปรผันต่อเนื่อง ตลอดทุกช่วงรอบตามความต้องการของเครื่องยนต์ ทำให้สามารถป้อนอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การทำงานของทั้งสองระบบดังกล่าวอย่างควบคู่กัน ส่งผลให้เครื่องยนต์สามารถผลิตกำลัง ตอบสนองความต้องการในทุกรูปแบบการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ผลลัพธ์ที่ได้คือ MINI Cooper S ซึ่งเป็นบรรทัดฐานของรถเล็กสมรรถนะสูงอยู่แล้ว มีสมรรถนะสูงยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่ และประสิทธิภาพความประหยัดน้ำมัน และลดการคายไอเสีย ใน MINI Cooper S รุ่นแฮ็ทแบ็ค เครื่องยนต์ใหม่ที่มีกำลังสูงสุด 184 แรงม้านี้ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 7.0 วินาที และสามารถทำอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยได้ดีกว่าเดิมอีก 7% เป็น 17.2 กิโลเมตรต่อลิตร อีกทั้งค่าเฉลี่ยอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ก็ต่ำเพียง 149 กรัมต่อกิโลเมตร ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU
http://www.motortrivia.com/section-new-car/new-car-thai/0054-mini-cooper-s/mini-cooper-s.html