http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,11208.0.html รายละเอียดครับ
ใน วันพระจันทร์เต็มดวง หากเราได้แหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า ใครหลาย ๆ คนก็คงจะชื่นชอบภาพดวงจันทร์ดวงกลมส่องสว่างตรงหน้าจ นเผลอชื่นชมมันอยู่นาน สองนาน แต่สำหรับในสัปดาห์หน้านี้ ดูเหมือนว่าคนที่ชอบมองพระจันทร์เต็มดวงอาจจะต้องใช้ เวลาชื่นชมกับความงดงาม ของมันมากกว่าเดิมสักหน่อย เมื่อปรากฎการณ์ดวงจันทร์โคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุดใน รอบ 19 ปี กำลังจะอุบัติขึ้นในค่ำคืนวันที่ 19 มีนาคมนี้
เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าใน ค่ำคืนวันที่ 19 มีนาคมที่จะถึงนี้ คนบนโลกจะได้เห็นปรากฎการณ์ "ซูเปอร์มูน" หรือดวงจันทร์ดวงใหญ่ เนื่องจากเป็นค่ำคืนที่ดวงจันทร์จะโคจรเข้าใกล้โลกมา กที่สุดในรอบ 19 ปี โดย คาดว่ามันจะโคจรห่างจากโลกเพียง 356,577 กิโลเมตรเท่านั้น จากปกติที่โคจรในระยะห่างเฉลี่ย 384,400 กิโลเมตร ประจวบเหมาะกับค่ำคืนนั้น ยังเป็นค่ำคืนที่ดวงจันทร์เต็มดวงอีกด้วย ซึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าว จะส่งผลให้คนบนโลกเห็นดวงจันทร์ดวงใหญ่กว่าดวงจันทร์ เต็มดวงที่เคยเห็นถึง 14% และดวงจันทร์ก็จะส่องสว่างกว่าค่ำคืนดวงจันทร์เต็มดว งทั่วไปถึง 30% นอกจากนี้ มันยังส่งผลให้โลกเกิดน้ำขึ้นน้ำลงมากกว่าปกติ กล่าวคือ ระยะเวลาที่น้ำขึ้นก็ขึ้นสูงมาก ขณะที่เมื่อน้ำลง น้ำก็จะลดลงมากกว่าปกติเช่นกัน
ถึง แม้ว่าปรากฎการณ์ ซูเปอร์มูน จะทำให้ค่ำคืนวันที่ 19 มีนาคมเป็นค่ำคืนที่งดงามสว่างไสวกว่าทุก ๆ คืนอย่างไร แต่ผู้คนในหลายพื้นที่ทั่วโลก กลับไม่อยากให้ค่ำคืนนั้นมาถึง ด้วยความเชื่อที่ว่า เมื่อดวงจันทร์โคจรเข้าใกล้โลกในระยะที่ใกล้ผิดปกติ แรงดึงดูดของมันอาจจะส่งผลให้เกิดหายนะบางอย่างขึ้นบ นโลกเช่นกัน โดยในขณะนี้ ประเด็นเรื่องดวงจันทร์ในคืน 19 มีนาคม กำลังถูกพูดถึงกันในวงกว้าง หลังจากมีข่าวลือออกมาว่า การที่ดวงจันทร์เคลื่อนที่เข้าใกล้โลกครั้งนี้ อาจทำให้เกิดแผ่นดินไหว พายุพัดถล่ม สึนามิ หรือภูเขาไฟระเบิดก็เป็นได้ เหมือนกับที่มัน ได้เคยเกิดขึ้นในช่วงที่ก่อนหรือหลังค่ำคืนซูเปอร์มู นมาแล้วหลายครั้งตลอด ระยะเวลาที่ผ่านมา โดยนับตั้งแต่มีการบันทึกในประวัติศาสตร์ พบว่า ใน ปี ค.ศ.1955, 1974, 1992 และ 2005 ได้เคยปรากฎการณ์ซูเปอร์มูนมาแล้ว และในปีดังกล่าวก็มีภัยพิบัติ และสภาพอากาศที่เลวร้ายเกิดขึ้นบนโลกในช่วงสัปดาห์ที ่เกิดปรากฎการณ์ซูเปอร์ มูนพอดี
จากรายงาน ภัยพิบัติระบุว่า ในปี ค.ศ.1938 พายุเฮอริเคนได้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับซูเปอร์มูน, ในปี ค.ศ.1955 ได้เกิดน้ำท่วมในฮันเตอร์วัลเลย์ ในออสเตรเลียในช่วงซูเปอร์มูนเช่นกัน และในปี ค.ศ.1974 ซูเปอร์มูนก็เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับพายุไซโคลนเทร ซี่ ที่สร้างความเสียหายมหาศาลในเมืองดาร์วิน ออสเตรเลีย ส่วนในปี ค.ศ.2005 ก่อนที่จะเกิดปรากฎการณ์ซูเปอร์มูนเพียงไม่กี่วัน ก็มีเหตุการณ์สึนามิเกิดขึ้นในอินโดนีเซีย คร่าชีวิตผู้คนหลายหมื่นคนไปในช่วงเวลานั้น ซึ่งข้อมูลดังกล่าว ทำให้หลายคนเชื่อว่า มันมีความเป็นไปได้ที่การเกิดซูเปอร์มูนในสัปดาห์หน้ านี้จะมาพร้อมกับภัย พิบัติบางอย่างเช่นกัน
และ นอกจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ความเป็นไปได้ของการเกิดภั ยพิบัติในช่วงซูเปอร์ มูนมีมากขึ้นไปอีก นั่นคือ เคน ริง นักโหราศาสตร์เจ้าของฉายา "มูนแมน" ที่พยากรณ์อากาศและการเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ บนโลกด้วยดวงจันทร์ ได้ออกมาเตือนว่า ในช่วงค่ำคืนซูเปอร์มูนที่จะถึงนี้ อาจเกิดแผ่นดินไหวในเมืองไครซท์เชิร์ช นิวซีแลนด์ขึ้นอีกครั้ง และอาจมีความรุนแรงมากกว่าเดิม โดย เคน ริง ได้ออกมาเปิดเผยคำทำนายดังกล่าว หลังจากที่เขาเคยโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ในวัน ที่ 14 กุมภาพันธ์ เพื่อเตือนว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น ในไครซท์เชิร์ช ระหว่างวันที่ 15-25 กุมภาพันธ์ โดยเฉพาะวันที่ 18 ในเมืองไครซท์เชิร์ช หรืออาจคลาดเคลื่อนได้ประมาณ 3 วัน ซึ่งหลังจากเผยแพร่คำทำนายได้เพียง 1 สัปดาห์ เหตุการณ์แผ่นดินไหวก็ได้เกิดขึ้นจริงในเมืองไครซท์เ ชิร์ชตามคำทำนายของเขา โดยเกิดขึ้นในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
อย่าง ไรก็ดี ด้านนายเดวิด ฮาร์แลนด์ นักประวัติศาสตร์อวกาศได้ออกมาเปิดเผยว่า ดวง จันทร์ไม่ได้มีอิทธิพลถึงขั้นที่จะทำให้โลกเกิดภัยพิ บัติได้ขนาดนั้น มันจะส่งผลกระทบเพียงแค่ทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงมากกว่ าที่เคยเป็นเท่านั้น จะไม่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิดแต่อย่า งใด แต่หากเกิดภัยพิบัติใด ๆ เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ก็คงเป็นความบังเอิญที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เกิดซูเ ปอร์มูนเท่านั้น ไม่ได้มาจากอิทธิพลของดวงจันทร์อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ดวงจันทร์มีระยะห่างจากโลกไม่เท่ากันในแต่ละคืน เพราะไม่ได้โคจรรอบโลกเป็นวงกลม ทำให้แต่ละเดือน จะมีช่วงที่ดวงจันทร์โคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุด หรือที่เรียกว่า Perigee ซึ่งโดยปกติแล้วจะอยู่ใกล้โลกมากที่สุดในระยะห่างประ มาณ 363,104 กิโลเมตร และช่วงที่ดวงจันทร์โคจรห่างโลกมากที่สุด หรือ Apogee อยู่ที่ระยะห่างประมาณ 405,696 กิโลเมตร แต่ช่วงเวลาที่มันโคจร เข้าใกล้โลกมากที่สุด และยังเป็นดวงจันทร์เต็มดวงด้วย จะมีให้เห็น 2-3 ปีต่อ 1 ครั้งเท่านั้น แต่ในปีนี้ ดวงจันทร์จะอยู่ในจุดที่ใกล้กว่าทุก ๆ ครั้ง ในรอบ 19 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ซูเปอร์มูนที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนวันที่ 19 มีนาคมนี้ จึงเป็นปรากฎการณ์ที่น่าจับตาดูมากเลยทีเดียว