AE. Racing Club
22 พฤศจิกายน 2024 15:29:36 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [«5]  «  1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 13  »  [5»]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: แก้ได้แล้วครับ อาการเครื่องร้อนรอบตก 4A 5A-FE จะไม่อึ๊กๆอักๆกันแล้วเย้ๆ  (อ่าน 226846 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
romeo_skywalker
มือใหม่หัดซิ่ง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 62


ดูรายละเอียด
« ตอบ #100 เมื่อ: 14 กันยายน 2011 02:06:22 »

เสริมแผ่นอลูมิเนียมแล้ว ดัดสปิงและ บิดฝาปิด ยังไงคับ

ผมวิ่งซักพัก บางครั้งจะ สั่นครับ ประมาน 500 (เปิดแอร์ตลอด)

เป็นเหมือนผมแน่ ๆ เลย สังเกตดี ๆ จะตกเหลือ 500 เฉพาะเวลาคอมแอร์ทำงาน
บันทึกการเข้า
@@..ตะต้อมรักในหลวง..@@
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,126



ดูรายละเอียด
« ตอบ #101 เมื่อ: 14 กันยายน 2011 05:00:27 »

เสริมแผ่นอลูมิเนียมแล้ว ดัดสปิงและ บิดฝาปิด ยังไงคับ

ผมวิ่งซักพัก บางครั้งจะ สั่นครับ ประมาน 500 (เปิดแอร์ตลอด)
ดัดสปิงให้ได้รูปทรงเหมือนในรูป บิดฝาปิดก็ทำโดยบิดฝาปิดของสปิง(มีรูป)สังเกตฝาจะมีน๊อต2ตัวบิดฝาตัวนั้นจะทำให้รอบขึ้นหรือลงได้
บันทึกการเข้า

▀▄▀▄ ชุบโครเมี่ยมไฟหน้า เงาวิ้งๆ ▀▄▀▄  http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=152635.new#new
jedee
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,490


ได้หมดถ้าสดชื่น


ดูรายละเอียด
« ตอบ #102 เมื่อ: 14 กันยายน 2011 06:42:46 »

 คำนับ สุดยอด ตรบมือ   ขอบคุณมากครับคุณต้อม อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มมาอีกเยอะเลย นี่ล่ะที่ญี่ปุ่นกะมะกันมันกลัวคนไทย  อาทิตย์ที่ผ่านมาผมถอดลิ้นปีกผีเสื้อออกมาล้าง(ทำเอง) ก็อาศัยกระทู้ดีไอวายในเวปนี่ล่ะน่าจะเป็นของน้าแฟร์นะ ขออนุญาตเอ่ยนามเด้อน้าแล้วก็ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ แต่ดันไม่ได้อ่านกระทู้นี้ อิอิ เวียนหัว  วันที่ทำผมลงมือทำเองเลย ตอนใกล้เสร็จมีเจ้าตัวเล็กมาช่วยนิดหนึ่ง ทำเสร็จก็จูนหลายรอบมาก  มันเป็นอาการแบบที่คุณต้องว่าไว้เลย อีตอนมันเย็น อะไรๆมันก็นิ่งไปหมด ทั้งเปิดแอร์และปิดแอร์  ครั้งแรกก่อนเดินทาง เปิดแอร์รอบมันอยู่ที่แปดร้อยนิ่งเลย แต่พอคอมตัด รอบมันต่ำกว่าห้าร้อยเฉย แถมมีดับในเมืองอยู่หลายครั้งเลย แต่อาศัยชั่วโมงบินเยอะ เลยแก้ปัญหาโดยการกดสวิทซ์เป็นน้ำมัน วิ่งกลับบ้านมาจูนใหม่ เหอะๆๆ ทำอย่างนี้อยู่หลายครั้งมาก(ไม่จบ)  ล้างเสร็จ ผมจูนน้ำมันเป็นหลัก น้ำมันทั้งแอร์ตัดและทำงาน มันอยู่ที่แปดร้อย แต่พอแก๊ส ตอนแอร์ทำงานก็แปดร้อย พอตัดรอบมันตกฮวบจนดับเลย ในครั้งแรกๆ ถอนหายใจ


 แหะ.. แหะ.. เหอๆๆต่อๆ  ถือว่าแลกเปลี่ยนกันนะครับ ผมจะเล่าให้ฟังแบบละเอียดพอควร ทนอ่านนิดนะครับ เผื่อใครเจอปัญหาแบบเดียวกันจะได้แก้ได้ง่ายๆ เป็นวิทยาทานครับ   หลังจากวิ่งในเมืองไม่ได้ ดับลูกเดียวอย่างที่บอก วันรุ่งขึ้น ผมก็แก้ปัญหานี้ โดยการจูนใหม่อีกครั้ง ทีนี้ ผมขยับ(อันนี้เรียกไม่ถูกจริงๆ) ตัวที่เป็นแม่เหล็กบังคับชุดเดินเบานั่นล่ะซึ่งอยู่ตรงข้ามกับชุดสปริงนี้ครับ ทวนเข็ม รอบมันก็เร่งขึ้นเลย แล้วก็จูนแก๊สใหม่ ทีนี้ได้ผลครับ เดินเบาตอนแอร์ตัดไม่ดับ(แต่ก็เกือบๆเหมือนกัน)  แล้วก็ปรับเซน ไอเดิล เพาเวอร์วาวล์ใหม่หมด แต่เวลาหมด ผมต้องเดินทางไปทำงานที่เชียงราย(จากอุบล)  คราวนี้เห็นปัญหาเลยครับ ช่วงเดินทาง เจอทุกสภาพอากาศ ส่วนใหญ่ฝนตลอด เพิ่งกลับมาถึงบ้านอุบล เมื่อวานครับ  ปัญหาที่เจอคือ อีตอนที่ต้องจำเป็นต้องจอดติดไฟแดงนี่สิ ทั้งรอบเดินเบาเปิดแอร์ปิดแอร์ มันสั่นเป็นเจ้าเข้าเลยทีนี้ แต่ก็ไม่ดับนะ พอถึงเชียงราย ผมก็พยายามจูนอีกครั้งสองครั้ง เลยพอวิ่งกลับอุบลได้ แต่อีตอนวิ่งไม่มีปัญหาใดๆนะ กดไหลได้ตลอด มีปัญหาเดียวคือเดินเบานี่ล่ะ  อ้อลืมๆ  ตอนที่ถอดล้างก่อนไป ตัวเร่งแอร์ของผมเสีย เลยซื้อเชียงกงอุบลมาเปลี่ยนตัวละสี่ร้อยห้าสิบบาท ซึ่งเชียงกงที่อุบลแนะนำให้เอาแบบน็อตที่ปรับเป็นแบบใช้ไขควงปากแบนแทนหกเหลี่ยม(ของติดรถ) ซึ่งสามารถหาเปลี่ยนได้ตลอดและสะดวกกว่าแบบเดิม   เครื่องสีเอเอฟอีโอโต้ครับ  เหมือนตามภาพเด๊ะ  เด๋วว่างๆ คงเป็นเสาร์อาทิตย์นั่นล่ะ คงได้มีการถอดมาทำแบบคุณต้อมแนะนำอีกครั้ง แล้วจะมารายงานผลให้ฟังอีกที     แต่ผมถอดออกมา ผมสงสัยอยู่เพียงเรื่องเดียว คือตำแหน่งเจ้าตัวสีน้ำตาลเข็มในภาพ ว่ามันควรอยู่ที่ตำแหน่งไหน เลยตอนประกอบเข้าไป  เอาไว้กลางๆ  คืออย่างนี้ครับ  จะเห็นได้ว่าตัวสีน้ำตาลที่รับแรงบิดจากสปริง มันมีร่องอยู่สามร่อง ดูดีๆจะเห็นอยู่ด้านหลัง แล้วไอ้สามร่องที่ว่านี่ ร่องห่างมากๆ ร่องกลาง(อันนี้ผมเดาเองแล้วใส่มันตรงนี้ล่ะ)  แล้วก็ร่องที่เท่ากับแกนบิดวาวล์เลย คำถามก็คือ จะบังคับให้มันอยู่ตรงร่องไหน อันนี้ขอแลกเปลี่ยนหน่อยครับ  ส่วนตัวที่เข้าใจก็คือ หากอยู่ร่องห่างมาก มันจะทำงานแกว่งได้มากขึ้นลงเร็ว รึเปล่า อันนี้ งง กะมึนจริงๆครับ เวียนหัว เหอๆๆ

ขอบคุณอีกครั้ง ว่างจะจัดการเลย แต่เช้านี้ต้องรีบทำงานที่นัดไว้ครับ  คำนับ
บันทึกการเข้า

@@..ตะต้อมรักในหลวง..@@
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,126



ดูรายละเอียด
« ตอบ #103 เมื่อ: 14 กันยายน 2011 15:05:33 »

ลองไล่ดูทีล่ะจุดนะครับ รถเราเก่าแล้วปัญหาก้ต้องมีตามมาบ้างอย่าพึ่งถ้อนะครับ  ตำแหน่งเจ้าตัวสีน้ำตาลต้องตามรูปเลยนะ มันมีล๊อคของมัน ลองปรับดูนะครับ+ขึ้นอีกสัก200รอบ อาการน่าจะดีขึ้น ถ้าไม่เข้าโทรมาเลยนะ 0840031153 ช่วยๆกันครับ
บันทึกการเข้า

▀▄▀▄ ชุบโครเมี่ยมไฟหน้า เงาวิ้งๆ ▀▄▀▄  http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=152635.new#new
jedee
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,490


ได้หมดถ้าสดชื่น


ดูรายละเอียด
« ตอบ #104 เมื่อ: 14 กันยายน 2011 19:45:11 »

 เหอๆๆ รบกวนถามอีกนิดครับ เด๋ววันเสาร์จัดเลยครับ ตอนนี้ต้องทำงานก่อน อิอิ ภาพที่ ๑๑ และ ๑๒ ในหน้าแรก นับจากภาพบนลงไปนะ  โดยเฉพาะภาพที่ ๑๒ ต่ำแหน่งที่ผมถาม ร่องเล็กสุด อยู่ที่ สิบนาฬิกา ร่องกลางอยู่ที่สิบสองถึงสองนาฬิกา ร่องใหญ่อยู่ที่ สี่ถึงเจ็ดนาฬิกา หากว่าใส่ตามที่บอก จะอยู่ร่องกลางพอดีใช่ไหมครับ ที่ถูกต้องคือต้องใส่ให้ตรงตำแหน่งร่องกลางเท่านั้นใช่ไหมครับ เหอๆๆ คำนับ


คำถามก็คือ หากเราเจาะจงให้อยู่ร่องเล็ก ซึ่งแกนหมุนมันแทบจะขยับไม่ได้เลยน่าจะพอดีเด๊ะ หากสปริงขยับ มันก็จะปิดเปิดลิ้นเร่งทันที แล้วผลมันจะเป็นยังไง กะใส่ที่ร่องใหญ่สุดหากสปริงขยับ กว่าจะไปแตะก็ต้องขยับมากสุด แล้ว ผลมันจะเป็นยังไงอีกเช่นกันครับ เคยลองไหมครับคุณต้อม  ขอบคุณครับ คำนับ
บันทึกการเข้า

@@..ตะต้อมรักในหลวง..@@
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,126



ดูรายละเอียด
« ตอบ #105 เมื่อ: 16 กันยายน 2011 12:17:24 »

เหอๆๆ รบกวนถามอีกนิดครับ เด๋ววันเสาร์จัดเลยครับ ตอนนี้ต้องทำงานก่อน อิอิ ภาพที่ ๑๑ และ ๑๒ ในหน้าแรก นับจากภาพบนลงไปนะ  โดยเฉพาะภาพที่ ๑๒ ต่ำแหน่งที่ผมถาม ร่องเล็กสุด อยู่ที่ สิบนาฬิกา ร่องกลางอยู่ที่สิบสองถึงสองนาฬิกา ร่องใหญ่อยู่ที่ สี่ถึงเจ็ดนาฬิกา หากว่าใส่ตามที่บอก จะอยู่ร่องกลางพอดีใช่ไหมครับ ที่ถูกต้องคือต้องใส่ให้ตรงตำแหน่งร่องกลางเท่านั้นใช่ไหมครับ เหอๆๆ คำนับ


คำถามก็คือ หากเราเจาะจงให้อยู่ร่องเล็ก ซึ่งแกนหมุนมันแทบจะขยับไม่ได้เลยน่าจะพอดีเด๊ะ หากสปริงขยับ มันก็จะปิดเปิดลิ้นเร่งทันที แล้วผลมันจะเป็นยังไง กะใส่ที่ร่องใหญ่สุดหากสปริงขยับ กว่าจะไปแตะก็ต้องขยับมากสุด แล้ว ผลมันจะเป็นยังไงอีกเช่นกันครับ เคยลองไหมครับคุณต้อม  ขอบคุณครับ คำนับ
ตามที่มาคเลยครับ
บันทึกการเข้า

▀▄▀▄ ชุบโครเมี่ยมไฟหน้า เงาวิ้งๆ ▀▄▀▄  http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=152635.new#new
AJark
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 213



ดูรายละเอียด
« ตอบ #106 เมื่อ: 16 กันยายน 2011 23:52:06 »

อยุ่แถวไหนอ่ะคับเผื่อผมผ่านไป ดูให้นิดนึง อิอิ.
บันทึกการเข้า
@@..ตะต้อมรักในหลวง..@@
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,126



ดูรายละเอียด
« ตอบ #107 เมื่อ: 17 กันยายน 2011 01:45:21 »

ลองดูที่ผมแนะนำนะครับ เนื่องจากผมไม่ค่อยมีเวลาจิงๆ ถ้าไม่เข้าใจโทรมาถามก็ได้ครับ ส่วนถ้าไม่ใหวจิงๆอยากให้ดูให้ต้องนัดกันครับ เวลาผมไม่แน่นอนจิงๆ
บันทึกการเข้า

▀▄▀▄ ชุบโครเมี่ยมไฟหน้า เงาวิ้งๆ ▀▄▀▄  http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=152635.new#new
jedee
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,490


ได้หมดถ้าสดชื่น


ดูรายละเอียด
« ตอบ #108 เมื่อ: 17 กันยายน 2011 08:29:36 »

 เหอๆๆวันนี้ล่ะครับ จะลองจัดการ ตั้งแต่กลับจากเชียงรายเที่ยวนี้ ปะเก็นท่อรั่ว ให้ช่างจัดการแล้ว(มีช่างท่อไอเสียประจำ หมดไปหนึ่งร้อยบาท เงียบสนิทเลย อาการสั่นก็น้อยลงด้วย แต่ช่วงบ่ายถึงจะว่างทำครับ) เช้านี้ต้องไปทำงานอีกนิด เด๋วช่วงบ่ายจัดการเจ้าเจมส์บร์อนกะเจดีย์พร้อมกันเลย คันแรกจอดนานมากๆๆๆๆ น้ำยาแอร์น่าจะรั่ว ส่วนเจ้าเจดีย์ น่าจะเหลือแค่ปัญาเดินเบา ทำเสร็จ เด๋วรายงานผลให้ทราบครับ เท่าที่ใช้มาสามปีกว่า ผมเพิ่งพบปัญหาก็น่าจะเป็นที่ระบบเดินเบานี่ล่ะ เริ่มจากตัวเร่งแอร์เสียก่อน ก็ยังไม่มีเวลาทำ แก้ปัญาง่ายๆ เร่งลิ้นปีกผีเสื้อให้มันพอดีกับรอบแอร์ทำงาน แต่พอมันตัดสิ เหอะๆๆ เครื่องมันก็เร่งไปอีกสี่ห้าร้อยรอบ ทนใช้มาหลายเดือน จนก่อนไปเชียงงรายนี่ล่ะ มีเวลาว่างนิด เลยไปซื้อตัวเร่งแอร์มาเปลี่ยน แล้วก็ล้างลิ้นปีกผีเสื้อ น้ำมันเบนซินซื้อมาหร้อยนึงยังเหลือครับ เด๋วบ่ายนี้จัดการเลย แหะ.. แหะ..


 แหะ.. แหะ..  เพื่อนสมาชิกที่พบกับปัญหานี้ จะได้ทำเองได้ไม่ยากครับ แต่ผมคงต้องถอดลิ้นปีกผีเสื้อ เพราะกลัวว่าน็อตจะหล่นลงข้างล่าง ช่องมันแค่นิดเดียวเอง ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งครับ    คำนับ
บันทึกการเข้า

aotobort
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,294


มือไหม่แต่ใจเกินร้อยครับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #109 เมื่อ: 17 กันยายน 2011 10:02:10 »

 
เหอๆๆ รบกวนถามอีกนิดครับ เด๋ววันเสาร์จัดเลยครับ ตอนนี้ต้องทำงานก่อน อิอิ ภาพที่ ๑๑ และ ๑๒ ในหน้าแรก นับจากภาพบนลงไปนะ  โดยเฉพาะภาพที่ ๑๒ ต่ำแหน่งที่ผมถาม ร่องเล็กสุด อยู่ที่ สิบนาฬิกา ร่องกลางอยู่ที่สิบสองถึงสองนาฬิกา ร่องใหญ่อยู่ที่ สี่ถึงเจ็ดนาฬิกา หากว่าใส่ตามที่บอก จะอยู่ร่องกลางพอดีใช่ไหมครับ ที่ถูกต้องคือต้องใส่ให้ตรงตำแหน่งร่องกลางเท่านั้นใช่ไหมครับ เหอๆๆ คำนับ


คำถามก็คือ หากเราเจาะจงให้อยู่ร่องเล็ก ซึ่งแกนหมุนมันแทบจะขยับไม่ได้เลยน่าจะพอดีเด๊ะ หากสปริงขยับ มันก็จะปิดเปิดลิ้นเร่งทันที แล้วผลมันจะเป็นยังไง กะใส่ที่ร่องใหญ่สุดหากสปริงขยับ กว่าจะไปแตะก็ต้องขยับมากสุด แล้ว ผลมันจะเป็นยังไงอีกเช่นกันครับ เคยลองไหมครับคุณต้อม  ขอบคุณครับ คำนับ
ตามที่มาคเลยครับ
ทำไมของผม เคยคลายน็อต แล้วขยับตามที่น้าๆ บอกของผม ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยครับผม
หรือผมใส่ผิด แต่ผมก็ใส่แบบเดิมนะครับ
บันทึกการเข้า

BASman
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


รักจายุ่น ต้อง...ลงทุนหน่อย


ดูรายละเอียด
« ตอบ #110 เมื่อ: 17 กันยายน 2011 11:30:59 »

++
บันทึกการเข้า

AJark
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 213



ดูรายละเอียด
« ตอบ #111 เมื่อ: 17 กันยายน 2011 11:32:09 »

ก้าบบบ
บันทึกการเข้า
jedee
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,490


ได้หมดถ้าสดชื่น


ดูรายละเอียด
« ตอบ #112 เมื่อ: 18 กันยายน 2011 04:57:27 »

 สุดยอด เหอๆๆ อ่านหนังสือมารายงานผล  เทคนิคนี้ใช้ได้ผลกับปัญหาที่เกิดในรอบเดินเบา ทำตามที่จขกท.บอกมา เอาเป็นว่าดูภาพประกอบแล้วทำตาม ก็สามารถแก้ปัญหาเดินเบาสั่นได้จบสิ้น อันนี้ขอนั่งยันยืนยันและนอนยันมาอีกหนึ่งเสียง เสียดายที่ผมดันไม่ได้อ่านกระทู้นี้ก่อนล้างลิ้นปีกผีเสื้อ ได้ผลแล้วสมควรย้ายกระทู้นี้ไปห้องดีไอวาย เพื่อเพื่อนสมาชิกที่อยากทำด้วยตนเอง หรืออยากทำแต่ช่างไม่รู้หรือไม่มีประสพการณ์จะได้เอาไปเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาโลกแตก ของรถที่อายุใกล้เข้าหลักยี่สิบปีแล้ว  ก่อนที่มันจะตกหายไป แล้วไปหาขุดไม่เจอ

หลังจากทำตามขั้นตอนเสร็จ ผลก็คือ ตอนที่เราจูน(แก๊ส)นั้น สามารถเร่งรอบได้อีก แต่เดิมนั้น แทบไม่เห็นผลเลยในตอนเครื่องร้อนแล้ว แสดงว่าสปริงมันล้าจริงๆ เมื่อดัดเพิมขึ้น จึงทำงานได้ดีในอุณหภูมิทำงานของเครื่องไงครับ แถมมีแผ่มมีเนียมมาคอยกำกับไม่ให้มันหดมันขยายมากไปอีก ทุกอย่างเลยลงตัวเลยครับ ผมใช้แค่แผ่นเดียวตามภาพนั่นล่ะ อันนี้ต้องยกเครดิตให้กับคุณต้อมจขกท.ไปเต็มๆ เล่นเอาญี่ปุ่นงง ว่าอันนี้ตรูบ่อได้ออกแบบมานี่หว่า แล้วมันมาอยู่ในนี้ได้ยังไงฟะ คริ คริ

 คำนับ อ่านหนังสือ ทีนี้ผมอยากจะเพิ่มเติมให้เพื่อนสมาชิกได้ทราบ เผื่อว่าวันดีคืนดี เราจะหัดเป็นมือจูนเอง ทั้งแก๊ส กะน้ำมัน  ส่วนหลักๆของระบบ ให้ดูตามภาพนะครับ จะมีลิ้นเร่ง สายคันเร่ง สายเกียร(กรณีโอโต้) ทางฝั่งสายเกียรและสายคันเร่ง จะมีตัวควบคุม สีน้ำตาลอ่อนที่เห็นในภาพนั่นล่ะ เป็นตัวสั่งไฟให้ลิ้นทำงานเป็นแม่เหล็ก หรือเหมือนกับมอร์เตอร์ แต่ที่ถูกน่าจะเรียกว่าซิลลินอยควบคุมลิ้นเดินเบา ที่มีชื่อย่อเฉพาะ ผมไม่แน่ใจนะ คือตัวนี้ล่ะ ทำงานประสานกันกับเจ้าตัวปัญหา(สปริงชดเชยรอบตอนเครื่องเย็น) ซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง(ตรงข้ามกันแกนมันโยงไปอีกด้าน มีสลักคอยรับแรงบิดจากสปริงโดยผ่านพลาสติกสีน้ำตาลเข้มที่ผมถามมานั่นล่ะ  ทีนี้ตำแหน่งที่ถูกต้องคือตรงกลาง ซึ่งมันสามารถบิดอิสระได้พอสมควรนะ ซึ่งพอทำเสร็จ ทำให้ผมเข้าใจระบบการทำงานที่มันประสานกันระหว่างสปริงความร้อนนี้ กับซิลลินอยควบคุมอีกด้าน(จริงๆมันมีชื่อนะ เอาเป็นว่าตัวตรงข้ามนั่นล่ะ) เจ้าตัวควบคุมนี้ ทำงานด้วยไฟฟ้าจากกล่องอีกที  ทีนี้ ผมเชื่อว่ามันทำงานนอกจากเดินเบาแล้ว ในรอบปรกติ มันก็ยังทำงานสั่งให้ปิดวาวล์อีกที เพราะตอนไปลองนั้น ผมได้ยินเสียง ซิลลินอยนี้ทำงานอย่างชัดเจนเลย แบบว่า เดินเบามันทำงานกับสปริงที่คุณต้อมพบเคล็ดลับแล้วนำมาเปิดเผยแก่พวกเรา  แต่พอเราเร่งลิ้นปีกผีเสื้อนิด(ประมาณน่าจะสองพันรอบหรือกว่านิดๆนะ จะมีเสียคลิ๊กให้ได้ยินหนึ่งครั้ง พอเรายกคันเร่ง หรือจะชลอรถคลานในเมือง ก็จะมีเสียงคลิ๊กนี้อีกครั้งตอนรอบมันต่ำลงมา สลับกันไปเสมอ ซึ่งผมเข้าใจว่าตอนลิ้นปิด เจ้านี้สั่งให้เปิด พอลิ้นเปิดเจ้านี่ก็สั่งให้ปิด แบบนี้สลับกันไป ผิดถูกยังไงให้กูรูที่เป็นช่างอาชีพ หากจะอธิบายเป็นวิทยาทานแก่เพื่อนสมาชิก ก็เข้ามาคอมเม้นท์อีกทีนะครับ  ผมคงทำหน้าที่นี้อธิบายตามความเห็นส่วนตัวและผลที่ได้รับโดยตรงจากการทำเอง ร้อยเรียงเป็นตัวอักษร ให้เพื่อนสมาชิกได้อ่านเพื่อเป็นวิทยาทานจริงๆ เหมือนที่คุณต้อมแบ่งปันมาครับ  ส่วนตัวเร่งรอบแอร์นั้นก็เป็นอีกวงจรหนึ่ง  หากเราจูนได้ถูกต้องแล้ว ทั้งรอบเดินเบา น้ำมัน แก๊ส เปิดหรือปิดแอร์ เราจะสามารถคอนโทลได้เท่ากันเดะเลยครับ ของผมเหตุที่เดินเบาแก๊สและดับ ก็เพราะปัญหาเจ้าสปริงนี้นี่เอง พอคุณต้อมจุดประกายมา เราลงมือเอง ก็แก้ปัญหาได้จบเลยครับ ตอนนี้แก๊สกะน้ำมันจูนได้เท่ากันเด๊ะ  ต้องขอบคุณและให้เครดิตสองคนล่ะงานนี้ คนแรกคือน้าแฟร์ ที่ลงวิธีล้างลิ้นและภาพให้ดูอย่างละเอียด คนที่สองคือคุณต้อมจขกท.นี้ครับ  สำหรับผมแล้วมีความเห็นส่วนตัวเลยว่า กระทู้นี้กะกระทู้ของน้าแฟร์ที่บอกวิธีล้างลิ้นฯ อันนี้บอกวิธีจูนกับแก้ปัญหาเบาแล้วสั่นไม่จบ ให้มันจบเตะทิ้งเข้าป่าไม่ได้กลับมาเจออีก น่าจะเอาไปปักหมุดในห้อดีไอวายต่อไป อันนี้ฝากพี่เวปมาสเตอร์ด้วยเด้อ ความรู้ล้วนๆเลย อ่านหนังสือ เหอๆๆ สบาย สบาย แต่ก็ต้องขออภัยท่านที่เป็นช่างอาชีพด้วย ณ ที่นี้ ท่านไม่ต้องกลัวว่าจะหากินไม่ได้หรอกครับ ผมว่าดีซะอีกที่เราสามารถทำรถให้กลับคืนสู่สภาพเดิมไกล้เคียงอีตอนที่มันยังป้ายแดง ลองนึกดูสิครับ รถอายุเกือบๆยี่สิบปี วิ่งโลดแล่นไปบนถนนทั่วประเทศ ไปจังหวัดไหนๆ ก็เพียบ เลี้ยวไปแยกไหนๆก็เจอ จนมีคนเคยมาตั้งกระทู้ว่าวันนี้สวนกับเออีกี่คัน ผมออกจากบ้านที หากตั้งใจนับนะ น่าจะเกินสิบคันขึ้น ไม่จอดอยู่ก็วิ่งสวนกัน ไม่ก็ติดไฟแดงพร้อมกันสามสี่คันยังเคย มันเป็นรถอะไรที่ญี่ปุ่นต้องกลับไปคิดใหม่ ว่า เหอะๆๆ ตรูทำอะไรลงไปนี่ ทำไม มันถึงอึด ถึงทนนักหนา แล้วลงแบบนี้ตรูจะได้ขายอะไหล่ไหม ตอนนี้ ผมกล้าบอกพวกเราได้เลยว่า มันกำลังจะกลายเป็นตำนานไปแล้วครับ ลองเทียบกับอัลติสรุ่นใหม่ดูดิ เราอึด ถึก ทนกว่าขนาดไหนครับ เรียกว่ากระดูกคนละเบอร์กันเลยใช่ไหม ผมใช้รถยุโรปอเมริกามากว่ายี่สิบปี เจ้าถึกนี่ ไม่ต่างกันเลยกับรถอเมริกา แบบว่าผมเคยขับรวดเดียวจากอุบลไปเชียงรายโดยไม่พัก มันไม่เป็นอะไรเลย จนต้องจะลงไปกราบมันนั่นล่ะ ว่าสูทำไมอึดทำไมทนมือทนทรีนเหลือเกิน แต่ตรูสิตายแล้ว เพราะมันไม่ถึงซักกะที รถไม่เป็นรัย คนขับจะไปก่อน สิบกว่าชั่วโมง แต่มะกันกับญี่ปุ่นนั้นปรัชญาต่างกันลิบ มะกันเอาใหญ่เข้าว่าครับ ใหญ่ไว้ก่อนพ่อสอนไว้ เล็กสุดก็หกสูบสามพันขึ้นล่ะครับ(เบนซินเด้อ) แต่ญี่ปุ่นทำตัวถังเบาเข้าว่า ผมเคยถูกสามประตูสวนตาแป๋วๆที่ความเร็วระดับร้อยแปดสิบขึ้น กับเจอเครื่องเจสมัยเกือบๆยี่สิบปีแล้วที่ลงในกระบะ ทำมาฆ่ารถมะกันจริงๆ พอเปลี่ยนมาเล่นยุโรปซึ่งปรัชญาใกล้เคียงกับญี่ปุ่น รถมะกันก็เลยเป็นเด็กๆไป ตัวถังเก้าร้อยกว่ากิโล แรงม้าแบบถ่อมตัวแต่วัดที่ล้อที่เกียรห้า ไม่ได้วัดที่เพลาแบบญี่ปุ่น แต่จะเชื่อไหม ทีนี้ บีหนึ่งหกกลับถูกเราสวนครับ สู้ไม่ได้แค่เจโบเท่านั้นในถนนหลวง นอกนั้นฟัดได้ทุกรุ่นเลย(อันนี้ตอนยังซ่าส์อยู่เด้อพี่น้อง) ผมวิ่งจากโคราชเข้ากรุงเทพ หยุดนาฬิกาจับเวลาที่ปากทางลาดพร้าว ใช้เวลาทั้งสิ้นหนึ่งชั่วโมงกะห้านาทีครับ เกือบยี่สิบปีที่รถไม่เยอะเหมือนวันนี้ ความเร็วเฉลี่ยกว่าสองขึ้นครับ  แต่ในยุคกระโน้น มาเจอซูปเปอร์ชาร์ทสามห่วงของน้องเขย เจ้าโจโจ้(รถมะกัน) กลายเป็นเด็กทารกเลยครับ วันนี้นึกไม่ถึงว่าจะได้ใช้สามห่วง เหอะๆๆ ทั้งที่ตอนน้องเขยถอยป้ายแดง ไม่ถึงเจ็ดวันเขาก็ยกสี่เอจีแซดลงโลด แถมโมอีกหลายสเต็ป คันนี้ทำเวลาจากศรีสะเกษ เข้ากรุงเทพประมาณสองชั่วโมงเครึ่งไม่ถึงสามครับ แต่ต้องนั่งถ่วงน้ำหนักสี่คน ไม่งั้นปลิวยิ่งกว่าว่าว ทั้งที่เซทช่วงล่างเป็นตัวเลขหกหลักในสมัยนั้น ผมยังจำหางหลังของสามห่วงคันนี้ได้ มันทรงสูงเหมือนซูปร้าเลย อ้าว.....มาได้ไงนี่ อิอิ ลืมๆๆ แหะ.. แหะ.. คำนับ

เข้าเรื่องต่อ..... ไม่รู้ไม่ชี้ แหะ.. แหะ.. เวียนหัว  ส่วนน้ำมันนั้นปรับไม่ยากนะครับ   แก๊สกะน้ำมันให้ลิ้นเราปิดสนิทนะครับเวลาเราถอนคันเร่ง แรกๆอาจจะไม่ได้เลย ดับลูกเดียว ให้เราเร่งช่วยนิด(ก่อนปรับ) ตัวปรับน้ำมันอยู่ฝั่งเดียวกันกับสปริงเจ้าปัญหานี้ครับ เป็นพลาสติกสีดำแล้วก็มีชุดสายไฟหลายเส้นเข้าไปนั่นล่ะ ให้เราคลายน็อตสองตัวที่ล็อก แบบตัวล็อกสปริงนั่นล่ะ แล้วหมุนเลยครับ ตามเข็ม รอบจะเร่ง ทวนเข็มรอบจะลด อันนี้น้ำมันนะ เอาจนได้ที่ แล้วก็ขยับซิลลินอยดู อันนี้หากทวนเข็มรอบเร่ง ตามเข็มรอบลดเด้อตรงข้ามกัน ทีเหลือก็คือสปริงซึ่งอยู่ตรงข้ามนั่นล่ะ เมื่อได้ที่แล้ว ทั้งเปิดแอร์และปิดแอร์หรือแอร์ตัดจนพอใจ ค่อยว่ากับแก๊สต่อไป ทีนี้เมื่อเราทำสมบูรณ์ การปรับจูนก็ได้ดังใจเลยครับ เป็นเรื่องเด็กๆแระ  ขอให้ทุกคนที่ทนอ่านรายงานนี้ ประสพความสำเร็จในการจัดการปัญหาเดินเบาสั่นเป็นเจ้าเข้า ให้หายเป็นปลิดทิ้ง แล้วให้เตะปัญหานี้ทิ้งเข้าป่าไปหรือเหยียบมันลงทะเลไปเลยครับ อิอิอิ ไม่รู้ไม่ชี้ เหอๆๆ สุดยอด คำนับ
 
บันทึกการเข้า

@@..ตะต้อมรักในหลวง..@@
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,126



ดูรายละเอียด
« ตอบ #113 เมื่อ: 19 กันยายน 2011 00:10:25 »

เหอๆๆ รบกวนถามอีกนิดครับ เด๋ววันเสาร์จัดเลยครับ ตอนนี้ต้องทำงานก่อน อิอิ ภาพที่ ๑๑ และ ๑๒ ในหน้าแรก นับจากภาพบนลงไปนะ  โดยเฉพาะภาพที่ ๑๒ ต่ำแหน่งที่ผมถาม ร่องเล็กสุด อยู่ที่ สิบนาฬิกา ร่องกลางอยู่ที่สิบสองถึงสองนาฬิกา ร่องใหญ่อยู่ที่ สี่ถึงเจ็ดนาฬิกา หากว่าใส่ตามที่บอก จะอยู่ร่องกลางพอดีใช่ไหมครับ ที่ถูกต้องคือต้องใส่ให้ตรงตำแหน่งร่องกลางเท่านั้นใช่ไหมครับ เหอๆๆ คำนับ


คำถามก็คือ หากเราเจาะจงให้อยู่ร่องเล็ก ซึ่งแกนหมุนมันแทบจะขยับไม่ได้เลยน่าจะพอดีเด๊ะ หากสปริงขยับ มันก็จะปิดเปิดลิ้นเร่งทันที แล้วผลมันจะเป็นยังไง กะใส่ที่ร่องใหญ่สุดหากสปริงขยับ กว่าจะไปแตะก็ต้องขยับมากสุด แล้ว ผลมันจะเป็นยังไงอีกเช่นกันครับ เคยลองไหมครับคุณต้อม  ขอบคุณครับ คำนับ
ตามที่มาคเลยครับ
ทำไมของผม เคยคลายน็อต แล้วขยับตามที่น้าๆ บอกของผม ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยครับผม
หรือผมใส่ผิด แต่ผมก็ใส่แบบเดิมนะครับ
ถ้าขยับแล้วรอบไม่ขยับขึ้นเลย น่าจะเป็นที่องศาสปิง แก้ได้คือดัดสปริงให้ได้องศา แบบในรูปครับ
++
ก้าบบบ
คำนับ คำนับ
สุดยอด เหอๆๆ อ่านหนังสือมารายงานผล  เทคนิคนี้ใช้ได้ผลกับปัญหาที่เกิดในรอบเดินเบา ทำตามที่จขกท.บอกมา เอาเป็นว่าดูภาพประกอบแล้วทำตาม ก็สามารถแก้ปัญหาเดินเบาสั่นได้จบสิ้น อันนี้ขอนั่งยันยืนยันและนอนยันมาอีกหนึ่งเสียง เสียดายที่ผมดันไม่ได้อ่านกระทู้นี้ก่อนล้างลิ้นปีกผีเสื้อ ได้ผลแล้วสมควรย้ายกระทู้นี้ไปห้องดีไอวาย เพื่อเพื่อนสมาชิกที่อยากทำด้วยตนเอง หรืออยากทำแต่ช่างไม่รู้หรือไม่มีประสพการณ์จะได้เอาไปเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาโลกแตก ของรถที่อายุใกล้เข้าหลักยี่สิบปีแล้ว  ก่อนที่มันจะตกหายไป แล้วไปหาขุดไม่เจอ

หลังจากทำตามขั้นตอนเสร็จ ผลก็คือ ตอนที่เราจูน(แก๊ส)นั้น สามารถเร่งรอบได้อีก แต่เดิมนั้น แทบไม่เห็นผลเลยในตอนเครื่องร้อนแล้ว แสดงว่าสปริงมันล้าจริงๆ เมื่อดัดเพิมขึ้น จึงทำงานได้ดีในอุณหภูมิทำงานของเครื่องไงครับ แถมมีแผ่มมีเนียมมาคอยกำกับไม่ให้มันหดมันขยายมากไปอีก ทุกอย่างเลยลงตัวเลยครับ ผมใช้แค่แผ่นเดียวตามภาพนั่นล่ะ อันนี้ต้องยกเครดิตให้กับคุณต้อมจขกท.ไปเต็มๆ เล่นเอาญี่ปุ่นงง ว่าอันนี้ตรูบ่อได้ออกแบบมานี่หว่า แล้วมันมาอยู่ในนี้ได้ยังไงฟะ คริ คริ

 คำนับ อ่านหนังสือ ทีนี้ผมอยากจะเพิ่มเติมให้เพื่อนสมาชิกได้ทราบ เผื่อว่าวันดีคืนดี เราจะหัดเป็นมือจูนเอง ทั้งแก๊ส กะน้ำมัน  ส่วนหลักๆของระบบ ให้ดูตามภาพนะครับ จะมีลิ้นเร่ง สายคันเร่ง สายเกียร(กรณีโอโต้) ทางฝั่งสายเกียรและสายคันเร่ง จะมีตัวควบคุม สีน้ำตาลอ่อนที่เห็นในภาพนั่นล่ะ เป็นตัวสั่งไฟให้ลิ้นทำงานเป็นแม่เหล็ก หรือเหมือนกับมอร์เตอร์ แต่ที่ถูกน่าจะเรียกว่าซิลลินอยควบคุมลิ้นเดินเบา ที่มีชื่อย่อเฉพาะ ผมไม่แน่ใจนะ คือตัวนี้ล่ะ ทำงานประสานกันกับเจ้าตัวปัญหา(สปริงชดเชยรอบตอนเครื่องเย็น) ซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง(ตรงข้ามกันแกนมันโยงไปอีกด้าน มีสลักคอยรับแรงบิดจากสปริงโดยผ่านพลาสติกสีน้ำตาลเข้มที่ผมถามมานั่นล่ะ  ทีนี้ตำแหน่งที่ถูกต้องคือตรงกลาง ซึ่งมันสามารถบิดอิสระได้พอสมควรนะ ซึ่งพอทำเสร็จ ทำให้ผมเข้าใจระบบการทำงานที่มันประสานกันระหว่างสปริงความร้อนนี้ กับซิลลินอยควบคุมอีกด้าน(จริงๆมันมีชื่อนะ เอาเป็นว่าตัวตรงข้ามนั่นล่ะ) เจ้าตัวควบคุมนี้ ทำงานด้วยไฟฟ้าจากกล่องอีกที  ทีนี้ ผมเชื่อว่ามันทำงานนอกจากเดินเบาแล้ว ในรอบปรกติ มันก็ยังทำงานสั่งให้ปิดวาวล์อีกที เพราะตอนไปลองนั้น ผมได้ยินเสียง ซิลลินอยนี้ทำงานอย่างชัดเจนเลย แบบว่า เดินเบามันทำงานกับสปริงที่คุณต้อมพบเคล็ดลับแล้วนำมาเปิดเผยแก่พวกเรา  แต่พอเราเร่งลิ้นปีกผีเสื้อนิด(ประมาณน่าจะสองพันรอบหรือกว่านิดๆนะ จะมีเสียคลิ๊กให้ได้ยินหนึ่งครั้ง พอเรายกคันเร่ง หรือจะชลอรถคลานในเมือง ก็จะมีเสียงคลิ๊กนี้อีกครั้งตอนรอบมันต่ำลงมา สลับกันไปเสมอ ซึ่งผมเข้าใจว่าตอนลิ้นปิด เจ้านี้สั่งให้เปิด พอลิ้นเปิดเจ้านี่ก็สั่งให้ปิด แบบนี้สลับกันไป ผิดถูกยังไงให้กูรูที่เป็นช่างอาชีพ หากจะอธิบายเป็นวิทยาทานแก่เพื่อนสมาชิก ก็เข้ามาคอมเม้นท์อีกทีนะครับ  ผมคงทำหน้าที่นี้อธิบายตามความเห็นส่วนตัวและผลที่ได้รับโดยตรงจากการทำเอง ร้อยเรียงเป็นตัวอักษร ให้เพื่อนสมาชิกได้อ่านเพื่อเป็นวิทยาทานจริงๆ เหมือนที่คุณต้อมแบ่งปันมาครับ  ส่วนตัวเร่งรอบแอร์นั้นก็เป็นอีกวงจรหนึ่ง  หากเราจูนได้ถูกต้องแล้ว ทั้งรอบเดินเบา น้ำมัน แก๊ส เปิดหรือปิดแอร์ เราจะสามารถคอนโทลได้เท่ากันเดะเลยครับ ของผมเหตุที่เดินเบาแก๊สและดับ ก็เพราะปัญหาเจ้าสปริงนี้นี่เอง พอคุณต้อมจุดประกายมา เราลงมือเอง ก็แก้ปัญหาได้จบเลยครับ ตอนนี้แก๊สกะน้ำมันจูนได้เท่ากันเด๊ะ  ต้องขอบคุณและให้เครดิตสองคนล่ะงานนี้ คนแรกคือน้าแฟร์ ที่ลงวิธีล้างลิ้นและภาพให้ดูอย่างละเอียด คนที่สองคือคุณต้อมจขกท.นี้ครับ  สำหรับผมแล้วมีความเห็นส่วนตัวเลยว่า กระทู้นี้กะกระทู้ของน้าแฟร์ที่บอกวิธีล้างลิ้นฯ อันนี้บอกวิธีจูนกับแก้ปัญหาเบาแล้วสั่นไม่จบ ให้มันจบเตะทิ้งเข้าป่าไม่ได้กลับมาเจออีก น่าจะเอาไปปักหมุดในห้อดีไอวายต่อไป อันนี้ฝากพี่เวปมาสเตอร์ด้วยเด้อ ความรู้ล้วนๆเลย อ่านหนังสือ เหอๆๆ สบาย สบาย แต่ก็ต้องขออภัยท่านที่เป็นช่างอาชีพด้วย ณ ที่นี้ ท่านไม่ต้องกลัวว่าจะหากินไม่ได้หรอกครับ ผมว่าดีซะอีกที่เราสามารถทำรถให้กลับคืนสู่สภาพเดิมไกล้เคียงอีตอนที่มันยังป้ายแดง ลองนึกดูสิครับ รถอายุเกือบๆยี่สิบปี วิ่งโลดแล่นไปบนถนนทั่วประเทศ ไปจังหวัดไหนๆ ก็เพียบ เลี้ยวไปแยกไหนๆก็เจอ จนมีคนเคยมาตั้งกระทู้ว่าวันนี้สวนกับเออีกี่คัน ผมออกจากบ้านที หากตั้งใจนับนะ น่าจะเกินสิบคันขึ้น ไม่จอดอยู่ก็วิ่งสวนกัน ไม่ก็ติดไฟแดงพร้อมกันสามสี่คันยังเคย มันเป็นรถอะไรที่ญี่ปุ่นต้องกลับไปคิดใหม่ ว่า เหอะๆๆ ตรูทำอะไรลงไปนี่ ทำไม มันถึงอึด ถึงทนนักหนา แล้วลงแบบนี้ตรูจะได้ขายอะไหล่ไหม ตอนนี้ ผมกล้าบอกพวกเราได้เลยว่า มันกำลังจะกลายเป็นตำนานไปแล้วครับ ลองเทียบกับอัลติสรุ่นใหม่ดูดิ เราอึด ถึก ทนกว่าขนาดไหนครับ เรียกว่ากระดูกคนละเบอร์กันเลยใช่ไหม ผมใช้รถยุโรปอเมริกามากว่ายี่สิบปี เจ้าถึกนี่ ไม่ต่างกันเลยกับรถอเมริกา แบบว่าผมเคยขับรวดเดียวจากอุบลไปเชียงรายโดยไม่พัก มันไม่เป็นอะไรเลย จนต้องจะลงไปกราบมันนั่นล่ะ ว่าสูทำไมอึดทำไมทนมือทนทรีนเหลือเกิน แต่ตรูสิตายแล้ว เพราะมันไม่ถึงซักกะที รถไม่เป็นรัย คนขับจะไปก่อน สิบกว่าชั่วโมง แต่มะกันกับญี่ปุ่นนั้นปรัชญาต่างกันลิบ มะกันเอาใหญ่เข้าว่าครับ ใหญ่ไว้ก่อนพ่อสอนไว้ เล็กสุดก็หกสูบสามพันขึ้นล่ะครับ(เบนซินเด้อ) แต่ญี่ปุ่นทำตัวถังเบาเข้าว่า ผมเคยถูกสามประตูสวนตาแป๋วๆที่ความเร็วระดับร้อยแปดสิบขึ้น กับเจอเครื่องเจสมัยเกือบๆยี่สิบปีแล้วที่ลงในกระบะ ทำมาฆ่ารถมะกันจริงๆ พอเปลี่ยนมาเล่นยุโรปซึ่งปรัชญาใกล้เคียงกับญี่ปุ่น รถมะกันก็เลยเป็นเด็กๆไป ตัวถังเก้าร้อยกว่ากิโล แรงม้าแบบถ่อมตัวแต่วัดที่ล้อที่เกียรห้า ไม่ได้วัดที่เพลาแบบญี่ปุ่น แต่จะเชื่อไหม ทีนี้ บีหนึ่งหกกลับถูกเราสวนครับ สู้ไม่ได้แค่เจโบเท่านั้นในถนนหลวง นอกนั้นฟัดได้ทุกรุ่นเลย(อันนี้ตอนยังซ่าส์อยู่เด้อพี่น้อง) ผมวิ่งจากโคราชเข้ากรุงเทพ หยุดนาฬิกาจับเวลาที่ปากทางลาดพร้าว ใช้เวลาทั้งสิ้นหนึ่งชั่วโมงกะห้านาทีครับ เกือบยี่สิบปีที่รถไม่เยอะเหมือนวันนี้ ความเร็วเฉลี่ยกว่าสองขึ้นครับ  แต่ในยุคกระโน้น มาเจอซูปเปอร์ชาร์ทสามห่วงของน้องเขย เจ้าโจโจ้(รถมะกัน) กลายเป็นเด็กทารกเลยครับ วันนี้นึกไม่ถึงว่าจะได้ใช้สามห่วง เหอะๆๆ ทั้งที่ตอนน้องเขยถอยป้ายแดง ไม่ถึงเจ็ดวันเขาก็ยกสี่เอจีแซดลงโลด แถมโมอีกหลายสเต็ป คันนี้ทำเวลาจากศรีสะเกษ เข้ากรุงเทพประมาณสองชั่วโมงเครึ่งไม่ถึงสามครับ แต่ต้องนั่งถ่วงน้ำหนักสี่คน ไม่งั้นปลิวยิ่งกว่าว่าว ทั้งที่เซทช่วงล่างเป็นตัวเลขหกหลักในสมัยนั้น ผมยังจำหางหลังของสามห่วงคันนี้ได้ มันทรงสูงเหมือนซูปร้าเลย อ้าว.....มาได้ไงนี่ อิอิ ลืมๆๆ แหะ.. แหะ.. คำนับ

เข้าเรื่องต่อ..... ไม่รู้ไม่ชี้ แหะ.. แหะ.. เวียนหัว  ส่วนน้ำมันนั้นปรับไม่ยากนะครับ   แก๊สกะน้ำมันให้ลิ้นเราปิดสนิทนะครับเวลาเราถอนคันเร่ง แรกๆอาจจะไม่ได้เลย ดับลูกเดียว ให้เราเร่งช่วยนิด(ก่อนปรับ) ตัวปรับน้ำมันอยู่ฝั่งเดียวกันกับสปริงเจ้าปัญหานี้ครับ เป็นพลาสติกสีดำแล้วก็มีชุดสายไฟหลายเส้นเข้าไปนั่นล่ะ ให้เราคลายน็อตสองตัวที่ล็อก แบบตัวล็อกสปริงนั่นล่ะ แล้วหมุนเลยครับ ตามเข็ม รอบจะเร่ง ทวนเข็มรอบจะลด อันนี้น้ำมันนะ เอาจนได้ที่ แล้วก็ขยับซิลลินอยดู อันนี้หากทวนเข็มรอบเร่ง ตามเข็มรอบลดเด้อตรงข้ามกัน ทีเหลือก็คือสปริงซึ่งอยู่ตรงข้ามนั่นล่ะ เมื่อได้ที่แล้ว ทั้งเปิดแอร์และปิดแอร์หรือแอร์ตัดจนพอใจ ค่อยว่ากับแก๊สต่อไป ทีนี้เมื่อเราทำสมบูรณ์ การปรับจูนก็ได้ดังใจเลยครับ เป็นเรื่องเด็กๆแระ  ขอให้ทุกคนที่ทนอ่านรายงานนี้ ประสพความสำเร็จในการจัดการปัญหาเดินเบาสั่นเป็นเจ้าเข้า ให้หายเป็นปลิดทิ้ง แล้วให้เตะปัญหานี้ทิ้งเข้าป่าไปหรือเหยียบมันลงทะเลไปเลยครับ อิอิอิ ไม่รู้ไม่ชี้ เหอๆๆ สุดยอด คำนับ
 
ยินดีด้วยครับ ตัวผมนั้นไม่ได้เก่งอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างส่วนมากก็ได้มาในเวฟเออีนี้และครับ ที่มาโพสก็อยากให้เพื่อนๆลองดูนะครับไม่เสียหาย ถ้าใครอาการดีขึ้นก็ดีใจด้วยครับ อย่าลืมนะ ใครมีอะไรเด็ดๆดีๆมาแบ่งบันกันครับ ^^
ปล. กระทู้จะขอสตาฟย้ายไปที่DIY ใครคนใหนอ่านไม่ทัน ตามไปอ่านที่DIYนะครับ ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคำติสมครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 กันยายน 2011 00:22:27 โดย @@..ตะต้อมรักในหลวง..@@ » บันทึกการเข้า

▀▄▀▄ ชุบโครเมี่ยมไฟหน้า เงาวิ้งๆ ▀▄▀▄  http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=152635.new#new
jedee
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,490


ได้หมดถ้าสดชื่น


ดูรายละเอียด
« ตอบ #114 เมื่อ: 19 กันยายน 2011 03:58:36 »

 คำนับขออนุญาตเพิ่มเติมอีกนิด  ที่รายงานว่าได้ยินเสียงตัดต่อการทำงานของซิลลีนอย บางทีเสียงที่ว่าอาจจะเกิดที่ตัวชดเชยรองเดินเบาแอร์ก็อาจเป็นได้ แต่ได้ยินชัดเจนมาก แล้วทำงานเที่ยงตรงตลอด ที่สองพันสองร้อยห้าสิบรอบ พอเราลดคันเร่งลงมาก็ได้ยินเสียงทำงานทันที บางทีอาจจะมาจากตรงนี้ก็ได้ครับ หากมีเวลาว่าง ซึงหายากมาก ผมจะลองพ่วงสายเจ้าชดเชยรอบแอร์ กับสายที่เข้าซิลลินอยที่ว่าดูว่า มันตัดแล้วต่อสลับกันตามรอบเครื่องมาจากตรงไหนแน่ แต่คงไม่ใช้สาระนักหรอก แค่เล่าอาการที่พบเห็นให้ฟังอย่างละเอียดเท่านั้นครับ แหะ.. แหะ.. คำนับ
บันทึกการเข้า

@@..ตะต้อมรักในหลวง..@@
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,126



ดูรายละเอียด
« ตอบ #115 เมื่อ: 19 กันยายน 2011 10:34:44 »

คำนับขออนุญาตเพิ่มเติมอีกนิด  ที่รายงานว่าได้ยินเสียงตัดต่อการทำงานของซิลลีนอย บางทีเสียงที่ว่าอาจจะเกิดที่ตัวชดเชยรองเดินเบาแอร์ก็อาจเป็นได้ แต่ได้ยินชัดเจนมาก แล้วทำงานเที่ยงตรงตลอด ที่สองพันสองร้อยห้าสิบรอบ พอเราลดคันเร่งลงมาก็ได้ยินเสียงทำงานทันที บางทีอาจจะมาจากตรงนี้ก็ได้ครับ หากมีเวลาว่าง ซึงหายากมาก ผมจะลองพ่วงสายเจ้าชดเชยรอบแอร์ กับสายที่เข้าซิลลินอยที่ว่าดูว่า มันตัดแล้วต่อสลับกันตามรอบเครื่องมาจากตรงไหนแน่ แต่คงไม่ใช้สาระนักหรอก แค่เล่าอาการที่พบเห็นให้ฟังอย่างละเอียดเท่านั้นครับ แหะ.. แหะ.. คำนับ
ตัวซิลลีนอยที่ช่วยชดเชยรอบเดินเบาจะทำงนก็ต่อเมื่อแอร์ทำงานเท่านั้นนะครับ
บันทึกการเข้า

▀▄▀▄ ชุบโครเมี่ยมไฟหน้า เงาวิ้งๆ ▀▄▀▄  http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=152635.new#new
NARINTOI
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 208


ดูรายละเอียด
« ตอบ #116 เมื่อ: 27 กันยายน 2011 18:30:41 »

อ่านแล้วชักสนุกเรื่องรอบเดินเบามีปัญหาสำหรับรถเก่าเกือบทุกยี่ห้อครับ  ผมสงสัยอยู่เรื่องนึงยังไงช่วยวิจารญ์ด้วยครับ

****ถ้าเราไม่อยากใช้ชุดคุมรอบเดินเบาแล้วเพราะมันรวนเหลือเกิน  ผมเลยถอดปลั๊กออก แล้วใช้การตั้งลิ้นปีกผีเสื้อให้มันเปิดนิดๆ เหมือนตอนรถเบาจะดับเราเลยเร่งเลี้ยงรอบเอาไว้  มันจะส่งผลอะไรมั้ยครับ*****
บันทึกการเข้า
@@..ตะต้อมรักในหลวง..@@
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,126



ดูรายละเอียด
« ตอบ #117 เมื่อ: 29 กันยายน 2011 22:06:40 »

อ่านแล้วชักสนุกเรื่องรอบเดินเบามีปัญหาสำหรับรถเก่าเกือบทุกยี่ห้อครับ  ผมสงสัยอยู่เรื่องนึงยังไงช่วยวิจารญ์ด้วยครับ

****ถ้าเราไม่อยากใช้ชุดคุมรอบเดินเบาแล้วเพราะมันรวนเหลือเกิน  ผมเลยถอดปลั๊กออก แล้วใช้การตั้งลิ้นปีกผีเสื้อให้มันเปิดนิดๆ เหมือนตอนรถเบาจะดับเราเลยเร่งเลี้ยงรอบเอาไว้  มันจะส่งผลอะไรมั้ยครับ*****
วิธีที่จะให้ลิ้นเปิดนิดๆผมเลยทำนะแต่ไม่ถูกใจเหมือนฝืนมันยังไงไม่รู้ แต่ผมแก้จบที่วิธีนีเลยไม่ทำแบบนั้นครับ
บันทึกการเข้า

▀▄▀▄ ชุบโครเมี่ยมไฟหน้า เงาวิ้งๆ ▀▄▀▄  http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=152635.new#new
sakuraba
มือใหม่หัดขับ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31



ดูรายละเอียด
« ตอบ #118 เมื่อ: 29 กันยายน 2011 22:29:15 »

แหล่มมากครับ เป็นเหมือนกัน สุขภาพจิตจะแย่  ไม่ได้กระทู้นี้แย่เลย ฮิฮิ
บันทึกการเข้า
@@..ตะต้อมรักในหลวง..@@
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,126



ดูรายละเอียด
« ตอบ #119 เมื่อ: 01 ตุลาคม 2011 05:37:49 »

แหล่มมากครับ เป็นเหมือนกัน สุขภาพจิตจะแย่  ไม่ได้กระทู้นี้แย่เลย ฮิฮิ
ลองทำดูนะครับ ขอให้หายไวๆครับ
บันทึกการเข้า

▀▄▀▄ ชุบโครเมี่ยมไฟหน้า เงาวิ้งๆ ▀▄▀▄  http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=152635.new#new
หน้า: [«5]  «  1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 13  »  [5»]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!