๑. เหตุแห่งโรงครู
ล่วงเข้าบ่ายแก่ รถบรรทุกพร้อมคณะโนรากว่า ๒๐ ชีวิตค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาจอดใกล้โรงโนราหน้าบ้านนางหนูพัน หญิงเจ้าของบ้านรีบถือขันหมากออกมาต้อนรับตามธรรมเนียมโบราณ ด้วยถือกันว่าหากเจ้าบ้านไม่นำขันหมากมาต้อนรับ โนราจะเข้าไปประกอบพิธีข้างในโรงไม่ได้ โนราพนมศิลป์ นายโรงหัวหน้าคณะ เดินมารับขันหมาก และทักทายเจ้าของบ้าน ด้วยความคุ้นเคย เพราะรับขันหมากโรงครูครอบครัวนี้มานานหลายปี
คณะโนราทยอยขนเครื่องแต่งกาย เครื่องดนตรี และอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปวางบนเสื่อน้ำมันกลางโรงโนราเพื่อประกอบพิธีตั้งเครื่อง ขอความเป็นสิริมงคลให้พิธีกรรมนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี หลังจากนั้นนายโรงจึงเรียกสมาชิกในตระกูล ของเจ้าภาพทุกคนเข้ามานั่งรวมกันในโรง เพื่อทำพิธีชุมนุมครู เชิญ "ตายาย" หรือผีบรรพบุรุษมาสิงสถิตบนสาดคล้าที่ปูไว้กลางโรง โนราร้องเชิญตายายตามรายชื่อที่เจ้าภาพเขียนมา โดยมิให้ตกหล่น เพราะหากเอ่ยชื่อไม่ครบ ตายายจะโกรธ และมาลงโทษลูกหลานในภายหลัง
ในวัฒนธรรมโนรา ตายายมีทั้งที่ปรากฏในตำนาน และตายายที่เคยมีตัวตนจริงในโลกมนุษย์ ตายายที่ปรากฏในตำนานหรือที่เรียกกันว่าครูหมอโนรา เป็นตายายที่ปรากฏชื่ออยู่ในตำนานกำเนิดโนรา ซึ่งลูกหลานโนราแต่ละตระกูล อาจนับถือครูหมอโนรา ต่างกันไปตามชุดตำนานที่สืบทอดกันมาในท้องถิ่นนั้น อาทิ ตำนานนางนวลทองสำลี ตำนานตายายพราหมจันทร์ ตำนานเจ้าแม่อยู่หัว เป็นต้น
แม้ว่าตำนานโนราจะมีหลายชุดหลายสำนวน แต่นักวิชาการผู้สำรวจตำนานโนรา ต่างลงความเห็นว่า ตำนานทั้งหมดมีโครงเรื่องหลักเหมือนกัน แตกต่างกันเพียงชื่อบุคคล สถานที่ และเหตุการณ์บางเหตุการณ์เท่านั้น เรื่องมีอยู่ว่า กษัตริย์เมืองหนึ่งมีพระธิดาที่โปรดการร่ายรำ ซึ่งเป็นของแปลกในสมัยนั้นมากเป็นพิเศษ วันหนึ่งพระธิดาตั้งครรภ์โดยไม่รู้สาเหตุ (บางตำนานว่าตั้งครรภ์ หลังจากกินดอกบัวทิพย์ของเทวดา) กษัตริย์ทรงอับอายจึงรับสั่งให้นำพระธิดาไปลอยแพ พระธิดาไปติดอยู่ที่เกาะแห่งหนึ่ง และให้กำเนิดบุตรชาย ต่อมาเทวดาได้ถ่ายทอดท่ารำให้แก่บุตรพระธิดา ฝีมือการร่ายรำของบุตรพระธิดา เลื่องลือไปถึงในวัง เมื่อกษัตริย์ทอดพระเนตรเห็นก็รู้ว่าเป็นหลาน จึงพระราชทานเครื่องทรงกษัตริย์ มาให้หลานแต่งตัวและรับกลับวัง
ครูหมอโนราที่ลูกหลานเชิญมาร่วมพิธีมักมี ๑๒ องค์ ได้แก่ พระเทพสิงหรหรือพ่อเทพสิงหร ขุนศรีศรัทธาหรือขุนศรัทธา พระม่วงทองหรือตาม่วงทอง หม่อมรอง พระยาสายฟ้าฟาด พรานบุญ แม่ศรีมาลา แม่นวลทองสำลี แม่แขนอ่อนฝ่ายขวา แม่แขนอ่อนฝ่ายซ้าย แม่ศรีดอกไม้ และแม่คิ้วเหิน
ส่วนตายายอีกประเภทหนึ่งคือ ตายายที่เคยมีตัวตนจริง ๆ โดยผู้ที่จะเป็นตายาย และมีอำนาจให้คุณให้โทษแก่ลูกหลานได้ เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ จะต้องมีสถานภาพเป็นตายายโดยสมบูรณ์ ถ้าเสียชีวิตในขณะที่ยังไม่ทันมีหลานก็ไม่นับว่าเป็น "ตายาย"
มีผู้สันนิษฐานว่า แต่เดิมชาวบ้านน่าจะนับถือเฉพาะตายาย ที่เคยมีตัวตนในโลกมนุษย์ และทำพิธีไหว้ผี เข้าทรงตายายกันมาแต่โบร่ำโบราณ จนกระทั่งการร่ายรำโนรา- -นาฏศาสตร์สายอินเดีย เข้ามาถึงคาบสมุทรสทิงพระ เมืองท่าสำคัญของภาคใต้ในยุคอดีต จึงเกิดการผสมผสาน ระหว่างความเชื่อเรื่องครูหมอโนรา และตายาย เนื่องจากโนราเองก็ต้องไหว้ครูหมอโนรา ส่วนชาวบ้านก็ต้องไหว้ตายาย เมื่อชาวบ้านหัดรำโนรา ก็เลยต้องไหว้ทั้งครูหมอ และตายาย ความเชื่อทั้งสองจึงผสมผสานกันเป็นพิธีโนราโรงครู ด้วยเหตุนี้เราจะเห็นพิธีกรรมนี้มากเป็นพิเศษ
แถวหมู่บ้านรอบทะเลสาบสงขลา ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดโนรา และมีคณะโนราอยู่หนาแน่นที่สุด
ตายายและครูหมอโนรา ในความรับรู้ของชาวบ้าน เป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจมาก มีฤทธิ์ทั้งให้คุณและโทษแก่ลูกหลาน สามารถติดต่อกับลูกหลานได้ โดยผ่านร่างกายของลูกหลานคนนั้น ถ้าลูกหลานประพฤติตัวดี ตายายก็จะดลบันดาลให้พบแต่สิ่งดี ๆ แต่ถ้าประพฤติตัวออกนอกลู่นอกทาง เช่น คบชู้สู่ชาย หรือมีนิสัยลักขโมย รวมทั้งกรณีที่ตายาย ต้องการให้ลูกหลานคนไหนสืบทอดเป็นโนรา หรือร่างทรง ลูกหลานคนนั้นก็จะมีอาการผิดปรกติ ขึ้นมาในร่างกาย เรียกเป็นภาษาชาวบ้านว่า "ครูหมอย่าง" เช่น เมื่อได้ยินเสียงปี่เสียงกลอง จะต้องลุกขึ้นไปรำทันที ห้ามตัวเองไม่ได้ ต้องเป็นโนราถึงจะหาย หรือมีอาการจับไข้ไม่หาย จนกว่าจะยอมรับเป็นร่างทรงให้ตายาย เป็นต้น
ในวัฒนธรรมโนรา ลูกหลานจะต้องจัดพิธีโนราโรงครู เพื่อขอบคุณตายายที่ช่วยดูแลลูกหลาน ให้อยู่เย็นเป็นสุข โดยพิธีจะมีขึ้นตามกำหนดเวลาที่ตกลงกับตายาย ผ่านร่างทรงในการตั้งโรงครูครั้งก่อน เช่น อีกสามปีหรือห้าปีถัดไป หรือถ้าใครบนบานศาลกล่าวเอาไว้แล้วได้ดังปรารถนา ก็จะต้องรีบแก้บนในทันที ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงกำหนดที่ตกลงกันไว้ อย่างเช่นพิธีโรงครูครั้งนี้ เกิดขึ้นเพราะตายายไปเข้าฝันน้องสาวนางหนูพัน ที่ไปแต่งงานกับพ่อค้าชาวระยอง แล้วร้านค้าของเธอขายดีผิดหูผิดตา เธอจึงอยากจัดพิธีโรงครูเพื่อขอบคุณตายาย โดยให้นางหนูพันพี่สาว ช่วยติดต่อคณะโนรา และจัดเตรียมงานให้
ตามปรกติ พิธีโรงครูจะมีทั้งหมดสามหรือสี่วัน แต่เนื่องจากการตั้งโรงครูแต่ละครั้ง ต้องใช้เวลาเตรียมการนาน และใช้เงินมาก ทั้งในการปลูกสร้างโรง จ้างคณะโนรา เตรียมเครื่องเซ่นไหว้ และอาหารเลี้ยงแขกที่มาร่วมงาน บางครั้งเมื่อถึงกำหนดเวลา ที่ตกลงกันไว้กับตายายแล้วยังไม่พร้อม ลูกหลานจะตั้งโรงครูเล็กหรือพิธีค้ำครู (เป็นพิธีแบบย่นย่อโดยใช้เวลาเพียงหนึ่งคืนกับหนึ่งวัน) ให้ก่อน เพื่อไม่เป็นการผิดสัญญา อันเป็นเหตุให้ถูกตายายลงโทษ หลังจากนั้น พร้อมเมื่อไรจึงประกอบพิธีโนราโรงครูใหญ่
ทั้งโรงครูใหญ่และโรงครูเล็กมีลำดับพิธีกรรมเหมือนกัน ต่างกันตรงที่โรงครูใหญ่ จะประกอบพิธีกรรมทุกขั้นตอนอย่างละเอียด แต่โรงครูเล็กจะประกอบอย่างย่นย่อ คือ โนราเข้าโรงหรือเหยียบโรงในตอนบ่ายวันพุธ ทำพิธีชุมนุมครู เชิญตายายมาชุมนุมภายในโรง ตกกลางคืนมีการร่ายรำโนราให้ตายายชม เช้ารุ่งขึ้น ทำพิธีไหว้ครู ตกบ่ายจึงเชิญตายายมาเข้าทรงพบปะลูกหลาน และรับเครื่องเซ่น หากเป็นโรงครูเล็ก จะส่งครูในบ่ายวันพฤหัสบดี ส่วนโรงครูใหญ่จะส่งครูในวันศุกร์ หรือเสาร์ แต่ถ้าวันส่งครูตรงกับวันพระพอดี ต้องเลื่อนไปอีกหนึ่งวัน เพราะเชื่อกันว่าตายายจะต้องไปวัด มาร่วมพิธีส่งครูไม่ได้
นอกจากโรงครูที่จัดขึ้นเพื่อไหว้ตายายแล้ว ยังมีโรงครูอีกแบบหนึ่งที่จัดขึ้น เพื่อเปลี่ยนสถานภาพโนรารุ่นใหม่ ให้เป็นโนราเต็มตัว คือ พิธีครอบเทริด หรือพิธีผูกผ้าใหญ่
พิธีกรรมนี้จะมีขึ้นหลังจากโนราฝึกร่ายรำจนชำนาญ ครูโนราจะทำพิธีครอบเทริด- -เครื่องประดับศีรษะ ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายที่มีความสำคัญที่สุด ให้แก่โนราใหม่ หากโนรายังไม่ผ่านพิธีกรรมนี้ จะถือว่าเป็นโนราที่ไม่สมบูรณ์ หรือโนราดิบ หรือถ้าโนราคนไหนชิงแต่งงานก่อนเข้าร่วมพิธีนี้ ก็จะถูกเรียกว่า โนราราชิก หรือ โนราปราชิก โนราทั้งสองแบบจะไม่สามารถประกอบพิธีกรรมสำคัญ ๆ อย่างพิธีโนราโรงครูของชาวบ้านได้
ด้วยเหตุที่เทริดเป็นสัญลักษณ์สำคัญ ที่บ่งบอกสถานภาพโนรา ขั้นตอนการสวมเทริดในพิธีโรงครูจึง "ไม่ธรรมดา" และกลายเป็นจุดสำคัญของงานเลยก็ว่าได้ โดยโนราใหม่ จะต้องนั่งบนก้นขันเงินใบโต ซึ่งคว่ำอยู่กลางโรง ตรงกับเทริดที่ถูกผูกเชือก และชักขึ้นไปติดบนเพดาน หลังจากนั้นจึงมีคนค่อย ๆ ผ่อนเชือกให้เทริดลงครอบศีรษะโนราพอดิบพอดี เมื่อเสร็จขั้นตอน โนราใหม่ต้องร่ายรำด้วยท่าทางต่าง ๆ ที่ร่ำเรียนมาต่อหน้าครูโนราอย่างน้อยเจ็ดคน คล้ายกับเป็นการแสดงความสามารถ เพื่อขอจบหลักสูตร
นอกจากพิธีครอบเทริด จะทำให้โนรารู้สึกว่า ตนเป็นโนราที่สมบูรณ์แล้ว พิธีกรรมนี้ยังมีผลต่อความรู้สึกของชาวบ้าน ที่ต้องการเชิญโนรามาประกอบพิธีโรงครู ให้แก่ครอบครัวของตนด้วย เพราะชาวบ้านเชื่อว่าร่างโนรา ที่ผ่านพิธีครอบเทริด เป็นร่างพิเศษเหนือมนุษย์ทั่วไป สามารถสื่อสารกับโลกวิญญาณได้ เพราะการร่ายรำโนรา เป็นความรู้ของเทพยดา ที่มาบังเกิดในร่างมนุษย์ เห็นได้จาก
ตำนานกำเนิดโนรา ราชธิดาตั้งครรภ์ด้วยเทพยดา และเด็กน้อยที่เกิดมาก็ร่ายรำโนรา ได้อย่างสวยงาม กระบวนการหัดเป็นโนรา ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนความเชื่อนี้ เพราะท่ารำโนราต้องอาศัยพละกำลัง และความยืดหยุ่นของร่างกายสูงมาก
ดร. ปริตตา เฉลิมเผ่า กออนันตกูล กล่าวถึงเรื่องนี้ในบทความ "ร่างในละครชาวบ้าน" ว่า
"...กระบวนการเป็นโนรา คือการรับเอาร่างของครูหมอโนรา เข้ามาไว้ในร่างของลูกหลาน ในเมื่อครูหมอโนรา เป็นร่างที่ยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไป โนราจึงสามารถทำสิ่งที่มนุษย์อื่นทำไม่ได้ เช่น สามารถขดตัวลงในถาด หรือแอ่นตัวไปด้านหลังม้วนเป็นวงกลม จนศีรษะที่สวมเทริด โผล่ออกมาระหว่างขาได้ นอกจากนั้นโนราในร่างครูหมอ หรือครูหมอในร่างโนรา ยังมีพลังที่จะสามารถจัดการ ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อร่างกายอื่นได้"
ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงเกิดความไว้วางใจให้โนรา ที่ผ่านพิธีครอบเทริด ประกอบพิธีโรงครูให้ตน เพราะหากโนรา ยังไม่ผ่านกระบวนการทำให้ร่างกายมีลักษณะพิเศษ มีความสามารถในการร่ายรำท่ายาก ๆ และมีความรู้เชิงไสยศาสตร์ สำหรับเชิญวิญญาณฝ่ายดี กำจัดวิญญาณฝ่ายร้าย การแก้บนจะไม่ขาด ครอบครัวเจ้าภาพที่เชิญโนรามาประกอบพิธี จะได้รับความเดือดร้อนในภายหลัง และต้องเชิญโนราคณะอื่น ที่มีความสามารถมากกว่ามาทำพิธีให้อีกครั้ง การเลือกโนรามาประกอบพิธี จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะค่าใช้จ่ายในการตั้งโรงครูทุกวันนี้ราคาสูงมาก โรงครูเล็กต้องใช้เงินประมาณหมื่นกว่าบาท ส่วนโรงครูใหญ่ใช้เงินประมาณ ๓ หมื่นบาท
พิธีโรงครูครั้งนี้ นางหนูพันเลือกคณะโนราพนมศิลป์ ซึ่งเชิญมาประกอบพิธีแล้วหลายครั้ง ด้วยเป็นโนรารุ่นเก่า ที่มีความรู้ในการประกอบพิธีกรรมแบบดั้งเดิม หลังจากได้รับโทรศัพท์จากน้องสาวว่า ต้องการตั้งโรงครู นางหนูพันจึงนำขันหมากไปเชิญโนราพนมศิลป์ ที่บ้านในอำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เมื่อโนราพนมศิลป์รับขันหมากแล้ว นางหนูพันจึงตกลงค่าใช้จ่ายกับทางคณะ ซึ่งราคาจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับระยะทาง จำนวนลูกคู่และนางรำ รวมทั้งการปลูกโรง หากต้องการให้คณะโนราปลูกโรงให้ ค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้น โรงครูครั้งนี้ฝ่ายเจ้าภาพต้องการจัดโรงครูใหญ่ ใช้เวลาสามคืนสี่วัน โดยเจ้าภาพจะปลูกโรงเอง คณะโนราพนมศิลป์ จึงเรียกค่าทำพิธีเป็นเงิน ๓ หมื่นบาท เมื่อกำหนดวันเวลาเรียบร้อย นางหนูพันก็แจ้งข่าวไปยังเครือญาติทั้งที่อยู่ใกล้และไกลจนครบ ด้วยถือกันว่าตายาย อาจไม่พอใจ หากลูกหลานไม่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา
ก่อนถึงวันงานสองสามวัน นางหนูพันขอแรงพวกผู้ชายในหมู่บ้าน ช่วยกันหาไม้ไผ่มาปลูกโรงโนราบนลานดินหน้าบ้านของเธอ ซึ่งใช้เป็นที่ตั้งโรงครูมาหลายสิบปี นับตั้งแต่นางได้รับเลือกเป็นร่างทรงประจำตระกูล บนลานดินไม่กี่ตารางเมตรแห่งนี้ ไม่เคยมีสิ่งปลูกสร้างถาวรใด ๆ ปรากฏเลย ยกเว้นโรงโนราที่ถูกสร้างขึ้นชั่วคราว เมื่อมีพิธีกรรมโรงครู ด้วยถือกันมาแต่โบราณว่า ผืนดินที่เคยผ่านการตั้งโรงครู คือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ลูกหลานจะปลูกสร้างสิ่งใดทับลงไปไม่ได้ นอกจากโรงโนราเท่านั้น