AE. Racing Club
07 ตุลาคม 2024 00:36:03 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [«5]  «  1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 15  »  [5»]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: !!==CHONBURI HORROR ZONE==!!  (อ่าน 66888 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 14 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #160 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2008 11:27:10 »

๓. แต่งพอกไปเชิญตายาย
   รุ่งเช้า โนราพนมศิลป์รีบตื่นขึ้นมา "แต่งพอก" หรือ "แทงพอก" เพื่อไปเชิญตายายมาร่วมพิธี เครื่องแต่งกายโนราในวันนี้มีมากขึ้นกว่าที่ใช้ในการแสดงทั่วไป คือ หลังจากสวมผ้านุ่งธรรมดาแล้ว จะต้องมีผ้าพับและพอกไว้นอกผ้านุ่งธรรมดาอีกหนึ่งผืน และมี "ห่อพอก" ซึ่งทำจากผ้าสีหรือผ้ามีลวดลายขมวดปมสองข้างผูกไว้ข้างเอว ขนาดเท่ากับห่อทุเรียนกวน สว่าง สุวรรณโร สันนิษฐานไว้ใน

   สารานุกรมภาคใต้ ว่า "ห่อพอกน่าจะเป็นเครื่องแต่งตัว หรือที่เก็บเครื่องแต่งตัวสมัยก่อน แล้วจำลองลงมาให้เล็กลง เพื่อสะดวกในการผูกไว้กับเอว เพราะตามธรรมดาโนรา เมื่อออกโรงแสดงแล้วก็มักมี "ห่อพาย" เพราะเดินทางไป ณ ที่ไกล ๆ และต้องเดินทางไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับการแต่งตัวพราน ซึ่งจะมีย่ามที่เรียกว่า "ห่อพาย" ในห่อพายนั้นมีกะปิ ขมิ้น พริกขี้หนู ข้าวสาร และเงินไปด้วย"
   ประมาณแปดโมงเช้า คณะดนตรีจึงเริ่มบรรเลงเพลงไหว้ครู นายโรง และโนราชายอีกสามคน ออกมารำไหว้ครูร่วมกัน
      "คุณเอ๋ยคุณครู เหมือนฝั่งแม่น้ำพระคงคา คิ่นคิ่นจะแห้งไหลมา ยังไม่รู้สิ้นรู้สุด สิบนิ้วลูกยกขึ้นตำเหนิน สรรเสริญถึงคุณพระพุทธ พ่อจำศีลอยู่ยังไม่รู้สิ้นสุด ไหว้พระเสียก่อนต่อสวดมนต์..."
   หลังจากนั้นจึงรำบทครูสอนด้วยการจำลองการสอนท่ารำพื้นฐาน ๑๒ ท่าให้ชม โดยนายโรงเป็นผู้รำก่อน มีโนราอีกคนรำตาม เพื่อรำลึกคุณครูและถือเป็นการถ่ายทอดการร่ายรำโนราสู่เด็กรุ่นใหม่อย่างแนบเนียน เพราะเด็ก ๆ ที่ยืนดูอยู่รอบ ๆ มักทำมือตามไปด้วยอย่างสนุกสนาน หากใครรักชอบการร่ายรำก็จะเข้ารับการฝึกฝนกลายเป็นโนรารุ่นใหม่ต่อไป

   ล่วงเข้าสายของวัน ผู้คนเริ่มหนาตามากขึ้น โดยเฉพาะคนเฒ่าคนแก่พากันจับจองเก้าอี้หน้าโรงจนเต็ม เพราะใกล้ถึงเวลาจับบทออกพราน การแสดงละคร ๑๒ เรื่องที่โนราตัดตอนมาให้ดูสั้น ๆ เน้นแก่นความคิดของแต่ละเรื่อง ซึ่งเกี่ยวข้องกับบทบาทหน้าที่สำคัญในสังคม
   เช่นเรื่องพระรถเมรี สอนให้เห็นแม่สำคัญกว่าเมีย เรื่องไกรทอง สอนให้รู้คุณครูบาอาจารย์ เรื่องพลายงาม สอนเรื่องบุญ-กรรมว่า ชีวิตเป็นผลจากกรรมแต่ชาติก่อน เรื่องที่นิยมเล่นคือ มโนห์รา พระรถเมรี ลักษณวงศ์ โคบุตร สังข์ทอง คาวี พระอภัยมณี จันทโครบ สินนุราช สังข์ศิลป์ไชย มณีพิชัย หรือ ยอพระกลิ่น และไกรทอง   
     ละครแต่ละเรื่องใช้เวลาแสดงประมาณ ๑๕ นาที ถ้าเด็กคนไหนอยากรู้เรื่องราวต่อไปก็จะวิ่งไปถามตายายของตน หรือบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ที่นั่งชมอยู่แถวหน้า ยายเสี้ยง วัดชฤทธิ์ วัย ๗๒ ปี จากหมู่บ้านใกล้เคียง เป็นคนหนึ่งที่ดูละครทั้ง ๑๒ เรื่องมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่ว่าจะดูละครครั้งใด ความรู้สึกสนุกตื่นเต้น เพลิดเพลินใจ ก็ปรากฏในแววตาเสมอ เมื่อมีเด็กคนไหนวิ่งมาถามรายละเอียดของเรื่อง แกก็จะเล่าให้ฟังด้วยความกระตือรือร้น เฉกเช่นเดียวกับที่แกเคยได้ยินได้ฟังมาจากคนรุ่นก่อน วัฒนธรรมโนราจึงค่อย ๆ ซึมซับเข้าสู่ความทรงจำของหนูน้อยรุ่นใหม่ทีละน้อย
   แม้ว่าหลายคนจะดูละครจนจำเรื่องราวได้ทุกบททุกตอน แต่ช่วงจับบทออกพรานก็ยังเป็นตอนที่มีผู้ชมแน่นขนัดอยู่เสมอ เพราะตัวพรานซึ่งเป็นตัวตลกของคณะจะคอยแทรกมุขตลกโดยเฉพาะบทพูดสองแง่สองง่าม เรียกเสียงฮาจากคนดูได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ท่ารำของพรานยังมีเอกลักษณ์ คือ เน้นการเคลื่อนไหวส่วนอก หลัง ไหล่ และหน้าท้อง ให้เข้ากับลีลาจังหวะของดนตรีที่กระชับหนักแน่น เช่น ย่อตัวงอไหล่ เล่นแขนชี้นิ้ว โยกหน้าท้องขึ้นลง หรือเวลาเดินจะต้องก้าวไปข้างหน้าสองก้าว แล้วถอยหลังหนึ่งก้าว และเนื่องจากชุดของพรานนั้นเปลือยอก นุ่งโจงกระเบนสีแดง จึงมองเห็นการเคลื่อนไหวบริเวณส่วนพุงได้ชัดเจน เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้มาก
เวลาพรานออกรำจะสวมหน้ากากที่เรียกว่า "หน้าพราน" หรือ "หัวพราน" เป็นหน้ากากครึ่งหน้า ไม่มีส่วนคาง จมูกยื่นยาว ปลายงุ้มเล็กน้อย เจาะรูตรงส่วนที่เป็นตาดำให้ผู้สวมมองเห็นได้ถนัด หน้าผากทาสีแดงทั้งหมด แต่ถ้าเป็นตัวตลกหญิงจะทาสีขาวหรือสีเนื้อ เรียกว่า "หน้าทาสี"
   หน้าพรานมีความสำคัญและอำนาจในทางศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อยไปกว่าเทริดของโนรา เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสิริมงคล เห็นได้จากในช่วงเข้าทรงตายาย มักเรียกลูกหลานให้เข้ามารำพรานเพื่อความโชคดี มีผู้สันนิษฐานว่า สาเหตุที่หน้าพรานมีความสำคัญเทียบเท่ากับเทริดของโนรา ก็เนื่องมาจากในอดีต "พราน" เป็นผู้มีบทบาทสำคัญต่อสังคมยุคเก็บของป่าล่าสัตว์ และก่อนที่ชาวบ้านจะรับวัฒนธรรมโนราเข้ามา ชาวบ้านเคยรำพรานในพิธีโรงครูอยู่แล้ว พรานจึงเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี และชาวบ้านให้ความเคารพนับถือเทียบเท่าโนรา เห็นได้จากตำแหน่งของ "หน้าพราน" หากยังไม่ได้นำมาสวม จะต้องวางบนพาไล ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับบูชาใกล้กับเทริดของโนราเท่านั้น
     ช่วงออกพรานเป็นช่วงเวลาที่โนราจะได้สื่อสารกับคนดูอย่างใกล้ชิด อาณาเขตของพื้นที่แสดงไม่ได้จำกัดเฉพาะภายในโรง แต่ขยายสู่พื้นที่ของชุมชน ในละแวกบ้านเจ้าภาพ ตัวละครบางตัวออกไปแสดงอยู่นอกโรง มีเด็ก ๆ ยืนส่งเสียงหัวเราะอยู่ใกล้ ๆ อย่างวันนี้ คณะโนราแสดงเรื่องเงาะป่า ตัวเอกแต่งกายด้วยใบไม้ ทาสีดำทั้งตัว นั่งก่อไฟปิ้งปลาอยู่ไม่ไกลจากโรง เด็กบางคนวิ่งไปจับมือจับไม้ผู้แสดงอย่างสนุกสนาน เส้นแบ่งระหว่างโลกละครกับโลกภายนอกหายไป ทำให้โนรากลายเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และชุมชนกลายเป็นส่วนหนึ่งของโนรา
   โนราแสดงจับบทออกพรานจนครบ ๑๒ บทเมื่อเวลาล่วงเข้าบ่าย โนราพนมศิลป์สอบถามเจ้าภาพว่า มีใครมาแจ้งเอาไว้ว่าต้องการทำพิธีเหยียบเสนหรือไม่ เมื่อเจ้าภาพแจ้งว่ามียายคนหนึ่ง ในหมู่บ้านต้องการให้เหยียบเสนที่ก้นหลานชาย นายโรงจึงสั่งให้คนไปตามตัวมาเข้าพิธี
   พิธีเหยียบเสนเป็นวิธีรักษาโรคแบบดั้งเดิม ตามความเชื่อของคนในสังคมโนรา เสนที่ว่านี้คือ ปานชนิดหนึ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ถ้ามีสีดำเรียกว่า เสนดำ ถ้ามีสีแดงเรียกว่า เสนทอง ชาวบ้านเชื่อว่า "ผีเจ้าเสน" เป็นผู้ทำให้เกิดขึ้น และต้องให้โนราทำพิธีรักษา โดยการใช้นิ้วเท้าเหยียบลงบนเสน หากเหยียบครั้งแรกยังไม่หายต้องมาให้โนราเหยียบซ้ำในโรงครูครั้งต่อไป จนกว่าเสนจะหาย
   ในอดีตผู้เป็นเสนจะต้องคอยฟังข่าวว่า บ้านไหนมีพิธีโรงครู หลังจากนั้นจึงไปรอรักษา แต่ในยุคที่การแพทย์เจริญก้าวหน้า คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยเชื่อเรื่อง "ผีเจ้าเสน" จึงมีแต่ผู้เฒ่าผู้แก่ที่จูงหลานตัวน้อยมาเข้าร่วมพิธี อย่างเช่นวันนี้ ยายคนหนึ่งในหมู่บ้านอุ้มหลานชายวัยไม่ถึงขวบกระหืดกระหอบเข้ามาในโรง พร้อมกับเครื่องประกอบพิธี ที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวาน คือ ขันน้ำ หมาก พลู ธูป เทียน ดอกไม้ มีดโกน หินลับมีด เงินเหรียญ เครื่องทอง เครื่องเงิน หญ้าคา หญ้าเข็ดหมอนและรวงข้าว
     ในการปราบผีเจ้าเสนให้ราบคาบ โนราจะต้องรำเฆี่ยนพราย ซึ่งเป็นท่ารำที่มีอำนาจมาก จะใช้เมื่อต้องการปราบหรือกำจัดอำนาจอื่น เช่น ต้องการปราบผี "เจ้าเสน" หรือข่มโนราคู่ต่อสู้ในการแข่งประชันโนรา โนราจะนำใบตองหรือกระดาษมาม้วนแล้วมัดเป็นเปลาะ ใช้เป็นสัญลักษณ์แทนคู่ต่อสู้ หลังจากนั้นจึงรำไปรอบ ๆ ม้วนใบตองด้วยท่าทางขึงขังประกอบเสียงดนตรีเร่งเร้า โนราใช้หวายตีม้วนใบตองสลับกับการร่ายรำ อยู่ประมาณสองสามรอบจึงเริ่มทำพิธีเหยียบเสน
   ผู้เป็นยายจับหลานชายตัวน้อยคว่ำหน้าไว้กับตัก หันส่วนก้นเด็กชายให้โนรา เพื่อให้โนราเหยียบเสนสีแดงเล็ก ๆ บนก้นได้ถนัด โนราจุ่มหัวแม่เท้าลงในขันที่เตรียมไว้ ยกขึ้นรมควันเทียน แล้วค่อย ๆ กดหัวแม่เท้าเบา ๆ บริเวณที่เป็นเสน สลับกับแตะใบมีดโกนเบา ๆ สามครั้ง ระหว่างนั้นโนราจะท่องคาถานะโม เพ่งจิตระลึกถึงคุณครู เพื่อให้พลังครูหมอส่งผ่านมายังร่างของตนและปราบผีเจ้าเสนได้สำเร็จ
   เสร็จจากพิธีเหยียบเสน โนราพนมศิลป์เดินถือผ้าขาว เข้าไปที่หิ้งผีในบ้านเพื่อรับตายายลงมา พบปะลูกหลานในพิธีเข้าทรง หลังจากนั้นโนราจึงเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้วพักกินข้าวกลางวัน ก่อนจะทำพิธีเข้าทรงต่อไป   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 กรกฎาคม 2008 11:31:50 โดย Poom CRZ#033 » บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #161 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2008 11:27:47 »

๔. ทรงตายาย
   "ออออ...ได้ฤกษ์ยามดี ป่านนี้ชอบพระเวลา...ขอเชิญครูหมอตายาย ทุกฝ่ายมาโรงโนรา"
   นายโรงเริ่มร้องบท "เชื้อ" ตายายทุกองค์มายังโรงโนราเพื่อเตรียม "จับลง" ที่ร่างนางหนูพัน ในวัฒนธรรมโนรา ทุกตระกูลต้องมีร่างทรงที่ตายายเลือก อย่างน้อยหนึ่งคน หากร่างทรงคนเก่าตายไป ตายายจะเลือกร่างทรงคนใหม่ด้วยวิธีมาเข้าฝัน หรือทำให้ผู้นั้นป่วยไข้ หรืออาจคัดเลือกในพิธีโรงครู โดยลูกหลานทุกคนจะเข้ามานั่งในโรงโนรา แล้วคลุมผ้าขาวทีละคน ถ้าตายายเลือกใคร คนนั้นจะมีอาการสั่นเหมือนผีเข้า และต้องรับเป็นร่างทรงประจำตระกูลไปตลอดชีวิต แต่ต้องได้รับอนุญาตจากพ่อแม่หรือคู่ชีวิตเสียก่อน
   โนราวิรัตน์น้อย ส. เสน่ห์ศิลป์ โนรารุ่นเก่าจากหมู่บ้านบ่อแดง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา กล่าวถึงเหตุผลที่พ่อแม่บางคนไม่ต้องการให้ลูกเป็นร่างทรงว่า เนื่องจากคนที่เป็นร่างทรง เมื่อตายไปจะไม่ได้ไปผุดไปเกิด วิญญาณต้องคอยวนเวียนดูแลลูกหลาน สำหรับผู้ที่มีคู่ครองแล้ว หากจะรับเป็นร่างทรง ต้องมีการจัดขันหมากไปขออนุญาตคู่ครองต่อหน้าโนรา หากคู่ครองไม่อนุญาตก็เป็นร่างทรงไม่ได้ 
     "ครูหมอเหอ..อ..อ..ได้เวลาแล้วหนา เชิญพ่อลงมา เชิญพ่อลงมาให้ไว ๆ พระเทพสิงหรของลูกเหอ..."

   เมื่อถึงเวลาเข้าทรง นายโรงจะกล่าวเชิญตายายโนราหรือตาหลวงทีละองค์ตามลำดับชื่อที่เจ้าภาพเขียนไว้ให้ โดยเริ่มจากตายายในตำนานมาจนถึงตายายที่เคยมีตัวตนจริง ๆ ทางฝ่ายนางหนูพันก็แต่งกายตามลักษณะเด่นของตายายทีละองค์ เช่น ตายายที่มีเชื้อจีน ร่างทรงจะนุ่งชุดกางเกงผ้าแพร ตายายที่เคยเป็นโนรา ร่างทรงจะใส่เครื่องประดับโนราบางชิ้นเป็นการบ่งบอก โดยมีพี่เลี้ยงคอยเตรียมชุดและช่วยดูแลความเรียบร้อย
   ร่างทรงที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจะเดินบนผ้าสีขาวที่พี่เลี้ยงปู ให้ตลอดทางจากประตูบ้านสู่โรงโนรา เมื่อเข้ามานั่งบนเก้าอี้กลางโรง โนราพนมศิลป์จึงยื่นสายสิญจน์ซึ่งเชื่อมต่อมาจากหิ้งบรรพบุรุษบนบ้านให้ร่างทรงถือไว้ หลังจากนั้นจึงกล่าวเชิญตายายอีกครั้ง ระหว่างนั้นดนตรีจะบรรเลงเร่งเร้า ราวกับเร่งให้ตายายรีบไต่สายสิญจน์ จากบนบ้านมาเข้าร่างทรง เมื่อเห็นร่างนางหนูพันสั่นโยกไปมา เสียงร้องเสียงบรรเลงดนตรี จึงแผ่วลงเพื่อให้นายโรงได้ทำพิธี เชื่อมต่อโลกวิญญาณกับโลกมนุษย์
   ในช่วงเข้าทรงซึ่งเป็นภาวะคลุมเครือระหว่างโลกมนุษย์ กับโลกวิญญาณ สัญลักษณ์สำคัญที่ทำให้โลกทั้งสองกลายเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ก็คือ แสงสว่างจากเทียนไข ชาวบ้านเชื่อว่าแสงสว่างจากเทียนไข จะทำให้ตายายมองเห็น และสามารถพูดคุยกับลูกหลานในโลกมนุษย์ รวมทั้งกินเครื่องเซ่นที่ลูกหลานเตรียมไว้ให้ได้ เมื่อเห็นร่างทรงอยู่ในอาการสงบ นายโรงจึงรีบจุดเทียนไข เพื่อให้วิญญาณตายาย ที่มาอาศัยร่างนางหนูพันมองเห็นสิ่งต่าง ๆ

     เมื่อตายายในร่างนางหนูพันมองเห็น ภารกิจแรกที่ตายายต้องทำ คือปีนขึ้นไปบนพาไลเพื่อสำรวจว่า เครื่องเซ่นครบหรือไม่ ถ้าไม่ครบตายายจะดุด่า ลูกหลานต้องรีบไปแก้ไขจนเป็นที่พอใจ จึงลงจากพาไลมานั่งบนเก้าอี้ตามเดิม หลังจากนั้นนายโรงจึงบอกให้ลูกหลานเข้าไปพบปะพูดคุยกับตายาย บางคนถามเรื่องโชคลาภ บางคนถามเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วย หรือถามถึงตายายที่เสียชีวิตไปแล้วว่า ใครไปเกิดแล้วบ้าง ถ้าตายายองค์ไหนเพิ่งเสียชีวิตไม่นาน ลูกหลานบางคนยังพอจดจำได้ ว่าเมื่อมีชีวิตอยู่มีลักษณะเด่นอย่างไร ตายายที่เข้าทรงในร่างนางหนูพัน ก็จะแสดงลักษณะเด่นออกมา เช่น ลักษณะท่าทาง การพูดจา หรือนิสัยต่าง ๆ เช่น ชอบสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ลูกหลานที่เคยใกล้ชิดก็จะเข้าไปกอด หรือร้องไห้ด้วยความคิดถึง ก่อนจากกัน ตายายในร่างทรงมักขอให้ลูกหลานรำหน้าพรานให้ชม เพื่อความเป็นสิริมงคลของลูกหลานคนนั้น
   ตอนแรกลูกหลานจะเขินอาย ไม่กล้ารำ แต่เมื่อโนรายื่นหน้าพรานให้ใส่จึงหายเขินอาย ร่ายรำยักย้ายยกไหล่โยกพุงได้ ราวกับตัวพรานที่ผ่านการฝึกปรือมาก่อน หน้าพรานทำหน้าที่เปลี่ยนผ่านจากสภาวะปรกติเข้าสู่ภาวะสมมุติ ทำให้ผู้เข้าร่วมพิธี กลายเป็นอีกคนหนึ่ง และจะกลับเป็นคนเดิมเมื่อถอดหน้ากาก
   เมื่อพบปะกันจนหายคิดถึงแล้ว ตายายก็จะกินเครื่องเซ่น หรือ กิน "หมรับ" (อ่านว่า "หมับ") ด้วยการใช้เทียนไขวนรอบเครื่องเซ่นและอมเปลวไฟจนดับ แล้วร่างก็ "บัด" จากไป โดยก่อนวิญญาณออกจากร่างทรง โนราจะร้องบทส่งครู คลอไปกับเสียงดนตรีซึ่งบรรเลงเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งร่างทรงสั่นโยกรุนแรงและเข้าสู่ภาวะหยุดนิ่ง จึงเป็นอันรู้กันว่า ตายายออกจากร่างนางหนูพันเรียบร้อยแล้ว
   ในบางครั้งตายายอาจไม่ยอมออกจากร่างทรง หากลูกหลานหรือโนราทำสิ่งไม่ถูกต้องตามธรรมเนียม เช่น โนราแต่งเครื่องทรงไม่ครบ ตายายจะไม่ยอมออกจากร่างทรงจนถึงรุ่งเช้า ต้องไปตามโนราอีกคนหนึ่งมาช่วย พอสอบถามตายายจึงรู้สาเหตุ พอโนราแต่งกายใหม่ ตายายก็ยอมออกจากร่าง
   หลังจากนั้นนางหนูพันจึงเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ตามลักษณะครูหมอ หรือตายายองค์ถัดไปจนครบ เนื่องจากพิธีครั้งนี้เป็นโรงครูใหญ่ ช่วงเวลาเข้าทรงเริ่มตั้งแต่บ่ายวันพฤหัสบดีจนเย็นวันศุกร์ หยุดพักเฉพาะช่วงกลางคืนเพื่อเปลี่ยนให้คณะโนราแสดงร่ายรำเพื่อความบันเทิง และในเช้าวันเสาร์ซึ่งป็นวันส่งครู นางหนูพันจะต้องกลับมาทำหน้าที่ร่างทรงอีกครั้ง เพื่อนัดแนะการทำพิธีครั้งต่อไป 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 กรกฎาคม 2008 11:32:45 โดย Poom CRZ#033 » บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #162 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2008 11:28:01 »

๕. ส่งครูสู่โลกวิญญาณ
   ในวันสุดท้ายซึ่งเป็นวันส่งครู โนราจะต้องใช้ความรู้ความเชิงไสยศาสตร์อย่างเต็มที่ เพื่อส่งวิญญาณตายายกลับสู่ภพหน้าอย่างสงบสุข และกำจัดวิญญาณฝ่ายร้ายไม่ให้วนเวียนอยู่ใกล้บ้านเจ้าภาพ เนื่องจากผีในวัฒนธรรมภาคใต้มีหลายพวก เมื่อทำพิธีชุมนุมครูในวันแรก จะมีทั้งผีที่ต้องการและไม่ต้องการให้มาร่วมงาน ผีที่ต้องการให้เข้าร่วมพิธีก็เช่น ผีเทวดา หรือผีตายาย จะสามารถเข้ามาอาศัยในโรงโนราได้ ส่วนผีที่ไม่ต้องการ เช่น ผีตายโหง ผีไม่มีญาติ จะอยู่ด้านนอก ในวันส่งครู โนราจะต้องส่งผีกลับสู่โลกวิญญาณ ห้ามมายุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ ถ้าเป็นผีฝ่ายดีอย่างผีครูหมอ ผีทิศ ก็พอจะขอร้องกันได้ ไม่ต้องตีต้องไล่ แต่ถ้าเป็นผีฝ่ายร้าย พวกผีตายพรายตายโหงจะเป็นพวกที่พูดกันไม่ค่อยรู้เรื่องและไม่ค่อยยอมไป บางครั้งต้องใช้ไม้หวายตีขับไล่ เพื่อให้มั่นใจว่าส่งกลับสู่โลกวิญญาณไปหมดแล้ว ถ้าโนรามีอาคมไม่เก่งพอ ไล่ผีไม่ไป ผีจะวนเวียนเกาะกินความสุขความเจริญ ของเจ้าบ้านจนล่มจมไปในที่สุด
   หนทางแก้ไขมีทางเดียวคือ ต้องเชิญคณะโนราที่เก่งกว่ามาทำพิธีแก้ ด้วยเหตุนี้พิธีส่งครู จึงเต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของเจ้าภาพ
   ช่วงเช้าโนราจะต้องเชิญตายายทั้งหมดมา "จับลง" ที่ร่างนางหนูพันอีกครั้ง แต่คราวนี้จะเชิญตายายทุกองค์พร้อมกันเพื่อมารับเครื่องเซ่นเป็นครั้งสุดท้าย และนัดหมายวันเวลาประกอบพิธีโรงครูครั้งต่อไป ร่างทรงในวันนี้จึงเป็นร่างของตายายรวม ๆ กัน เวลาจะกินเครื่องเซ่นหรือ "เหวยหมรับ" ร่างทรงจะต้องอมเทียน เท่ากับจำนวนตายายที่มาเข้าทรงพร้อมกัน
   ต่อจากนั้น จึงถึงเวลารำส่งครู เริ่มจากแสดงละครสั้นประมาณ ๒๐ นาที และร่ายรำประกอบบทนางนกจอกซึ่งมีเนื้อหาเศร้าสะเทือนใจ ทำเอาลูกหลานบางคนถึงกับน้ำตาคลอและใจหายกับการลาจากครั้งนี้   
     เธียรชัย อัครเดช นักศึกษาปริญญาโท ภาควิชามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ผู้ศึกษาพิธีกรรมโนราโรงครู วิเคราะห์ความหมายของพิธีกรรมนี้ว่า
   เป็นพิธีกรรมแห่งการผูกมัดและตัดขาด คือ พิธีจะค่อย ๆ สร้างความผูกมัดเป็นระยะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และตัดขาดในวันสุดท้าย เริ่มตั้งแต่การปลูกโรง โครงสร้างต่าง ๆ เชื่อมต่อกันด้วยการมัด ไม่ใช้การตอกตะปู เมื่อเข้าสู่พิธีกรรมวันแรกจนถึงวันที่ ๒ โนราจะกล่าวถึงความผูกพันกับพ่อแม่ครูอาจารย์ แทรกอยู่ในบทร้อง และบทรำ และเมื่อเข้าสู่วันส่งครู บทร้องก็จะมีเนื้อหาในเชิงลาจาก โนราจะต้องทำพิธีตัดโครงสร้างบางส่วนของโรงออก เพื่อแสดงถึงการตัดขาด ทว่าการตัดขาดไม่ได้หมายความว่าเลิกเคารพผีบรรพบุรุษ แต่เป็นการตัดขาดจากเรื่องที่บนบานไหว้ และตัดขาดจากความอาลัยอาวรณ์ เพื่อให้วิญญาณกลับไปอยู่ภพของตน ลูกหลานได้กลับไปใช้ชีวิตตามปรกติ
   สัญลักษณ์ของการตัดขาดคือสับจีบหมากพลู และเทียนอันเป็นเครื่องบูชาบรรพบุรุษออก อย่างไร้เยื่อใย ปีนขึ้นไปบนพาไลเพื่อตัดจากบนหลังคาออกสามตับ และเปิดออกไปด้านนอกจนเห็นท้องฟ้าเพื่อส่งวิญญาณ หลังจากนั้นจึงกลับลงมาที่สาดคล้า ซึ่งเป็นตัวแทนของแผ่นดินที่ตายายสิงสถิต พลิกสาดกลับอีกด้านหนึ่ง เพื่อให้โลกวิญญาณและโลกปัจจุบันหลุดขาดออกจากกัน ระหว่างนั้นนายโรงจะว่า "คาถาตัดหนวด" ซึ่งเป็นคาถาที่ใช้ในการแก้บนให้ขาด หากโนราไม่รู้คาถานี้จะทำพิธีโรงครูไม่ได้ เพราะจะทำให้พันธะสัญญา ระหว่างเจ้าบ้านกับตายายไม่ขาดจากกัน ตายายจะมาตามทวงสัญญาจนลูกหลานอยู่ไม่สงบ และต้องเสียเงินทำพิธีโรงครู เพื่อแก้บนให้ขาดอีกครั้ง
   เมื่อส่งวิญญาณตายายเรียบร้อยแล้ว นายโรงจะทำพิธีไล่ผีที่ไม่ต้องการ โดยตัดชิ้นส่วนเครื่องเซ่นโยนให้ผีที่อยู่ด้านใต้พาไล เพื่อให้ผีออกไปทางนั้น หากใครเผลอไปยืนใต้พาไลเข้าจะถูกโนราเอ็ดเสียงดังเพราะเป็นทางผีผ่าน เมื่อส่งวิญญาณและไล่ผีเรียบร้อยแล้ว นายโรงก็ดับเทียนไขทุกดวงเพื่อยุติการติดต่อกับโลกวิญญาณ ถือเป็นอันเสร็จพิธี 
     นางหนูพันและญาติพี่น้องทุกคนต่างมีสีหน้าโล่งใจ ที่พิธีกรรมจบลงด้วยดี โดยไม่มีเหตุการณ์โกลาหลเกิดขึ้น เช่น ตายายไม่ยอมออกจากร่างทรง หรือมีผีมารบกวนจนพิธีกรรมปั่นป่วน ดังที่เคยเกิดขึ้นในบางงาน บรรดาญาติพี่น้องต่างเข้ามาช่วยกันเก็บของ และเตรียมตัวแยกย้ายกันกลับไปประกอบอาชีพของตนตามปรกติ ทางฝ่ายคณะโนราก็ทยอยขนของกลับขึ้นรถบรรทุกคันเดิม หลังจากนั้นต่างคนต่างก็แยกย้าย กลับไปพักผ่อนที่บ้านของตน ก่อนจะกลับมารวมกันใหม่ที่บ้านโนราพนมศิลป์ในวันพุธหน้า เพื่อไปเล่นโรงครูที่บ้านอื่นต่อไป
   ทุกวันนี้ คณะโนราที่มีความสามารถในการประกอบพิธีโรงครูแบบดั้งเดิมเหลือน้อยลง โนรารุ่นเก่าอย่างโนราพนมศิลป์จึงได้รับความนิยมและจองคิวล่วงหน้าเอาไว้จนถึงปีหน้า วิถีชีวิตของพวกเขา คงจะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกนานตราบเท่าที่พิธีกรรม ยังคงตอบสนองความต้องการทางจิตใจ ของลูกหลานโนรา
   สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ แม้ว่าความเชื่อเรื่องตายาย จะยังไม่จางหายไปจากจิตใจ ของลูกหลานโนรา แต่ความนิยมในการตั้งโรงครูแบบดั้งเดิมอาจลดน้อยลง เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการนี้แต่ละครั้งค่อนข้างสูง ชาวบ้านหลายคนจึงหันไปประกอบพิธีกรรมรูปแบบอื่น ที่สามารถตอบสนองความต้องการทางจิตใจ ตามฐานะทางเศรษฐกิจของตนได้ 
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #163 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2008 11:28:12 »

๖. โรงครูยุคโลกาภิวัตน์
   ที่วัดท่าคุระ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ไม่ไกลจากหมู่บ้านบ่ออิฐ มีงานโนราโรงครูชาวบ้านอีกรูปแบบหนึ่ง ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการทำพิธีไม่แพง และไม่ต้องเตรียมงานเองให้วุ่นวาย เพราะทางวัดจัดเตรียมไว้ให้หมด ผู้เข้าร่วมพิธีเพียงแค่เสียเงินซื้อตั๋วในราคา ๒๐ บาทเท่านั้น
   พิธีกรรมโนราโรงครูที่นี่ผูกพันกับชุดตำนาน ที่มีเจ้าแม่อยู่หัวเป็นนางเอก ภายในวัดมีพระพุทธรูปทองคำปางสมาธิ ขนาดหน้าตักกว้าง ๒ เซนติเมตร สูงประมาณ ๒.๕ เซนติเมตร ชาวบ้านท่าคุระ และตำบลใกล้เคียงเรียกว่า "เจ้าแม่อยู่หัว" และเชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง และเคารพเจ้าแม่อยู่หัวเช่นเดียวกับครูหมอโนรา ดังนั้นจึงต้องจัดโนราโรงครูมารำถวายทุกวันพุธแรกของข้างแรม ๑ ค่ำ เดือน ๖ ของทุกปี (ถ้าวันตรงกับวันพระ ให้เลื่อนเป็นพุธถัดไป) เรียกว่า "งานตายายย่าน" มีระยะเวลาสองวัน คือ เริ่มบ่ายวันพุธถึงบ่ายวันพฤหัสบดี โดยทางวัดรับหน้าที่เตรียมงาน
   จุดมุ่งหมายของการรำโนราโรงครูของชาวบ้านท่าคุระ เพื่อรำถวายเจ้าแม่อยู่หัว และทำพิธีแก้บนให้แก่ชาวบ้าน หากใครบนด้วยการบวช ผู้บวชจะต้องแจ้งความประสงค์ต่อคณะกรรมการวัดซึ่งได้จัดไว้เป็นแผนก ๆ และทำพิธีบวชในวันอังคารหรือเช้าวันพุธ ส่วนจะบวชกี่วันขึ้นอยู่กับเวลา และความต้องการของผู้บวช หากบนด้วยโนราโรงครูก็จะต้องรอแก้บนในวันพฤหัสบดี   
     พิธีกรรมในวันแรกมีการอัญเชิญ และสรงน้ำพระพุทธรูปเจ้าแม่อยู่หัว โดยมีพราหมณ์หรือตาหมอ ผู้อาวุโสที่ได้รับการยอมรับจากชุมชน แต่งตัวนุ่งขาวห่มขาวอัญเชิญเจ้าแม่อยู่หัว ออกจากผอบที่ประดิษฐานมายังมณฑป เพื่อทำพิธีสรงน้ำหน้าพระประธานในมณฑป น้ำที่สรงพระพุทธรูปเจ้าแม่อยู่หัวแล้ว ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ หากใช้ผสมน้ำอาบ หรือประพรมศีรษะ จะเป็นสิริมงคล และช่วยรักษาอาการป่วยไข้ ช่วงเย็น คณะโนราจะเข้าโรงทำพิธีเบิกโรง ลงโรง กาศครู กราบครู โนราใหญ่รำถวายครู ปิดท้ายของวันด้วยการรำให้ชาวบ้านชม
   พิธีกรรมในวันที่ ๒ คือวันพฤหัสบดีเป็นพิธีใหญ่ เพราะถือกันว่าเป็นวันครู พิธีกรรมในวันนี้มีอยู่สองลักษณะ คือ พิธีกรรมเพื่อเซ่นไหว้ครูและแก้บนเจ้าแม่อยู่หัว ครูหมอโนรา หรือตายายโนรา และพิธีกรรมเพื่อการเหยียบเสน
   การทำพิธีเซ่นไหว้ครูหมอโนราหรือตายายโนรา ชาวบ้านที่บนบานเอาไว้จะนำสิ่งของแก้บน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องใช้ เครื่องแต่งตัวโนรา ส่งให้โนราใหญ่พร้อมพานหมาก และเงินทำบุญที่เรียกว่า "เงินชาตายาย" ตามที่ได้บนไว้ตามกำลังศรัทธาของแต่ละคน
   ส่วนพิธีแก้บนเจ้าแม่อยู่หัว และครูหมอโนราด้วยการรำโนราถวาย หรือรำทรงเครื่อง และรำออกพราน จะมีชาวบ้านจำนวนมากทั้งที่เป็นชาวบ้านท่าคุระตำบลใกล้เคียง และต่างจังหวัดมาร่วมงาน และแก้บน
   เนื่องจากงานตายายย่านเป็นงานที่จัดขึ้นทุกปี ทางวัดจึงสร้างโรงเป็นการถาวร มีคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ จัดเตรียมความพร้อม และบริหารงานอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายแสงเสียง ฝ่ายพิธีกรรม ฝ่ายจำหน่ายบัตรแก้บน เมื่อชาวบ้านมาถึงงาน เพียงแค่เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์จำหน่ายบัตร เลือกชนิดรำแก้บนที่ต้องการ ถ้ารำทรงเครื่อง" คนละ ๒๐ บาท ส่วนรำออกพรานคนละ ๑๐ บาท   
     การรำทรงเครื่อง ชาวบ้านผู้ต้องการแก้บน จะต้องแต่งตัวด้วยเครื่องโนรา ซึ่งคณะกรรมการวัดคอยอำนวยความสะดวก เรื่องเครื่องแต่งกายให้ หลังจากนั้นจึงนำพานดอกไม้ธูปเทียน หมากพลู เงิน ๑๒ บาทไปมอบให้โนราใหญ่ โนราใหญ่จะรำนำแล้วให้ผู้แก้บนรำตามสั้น ๆ พอเป็นพิธี ส่วนการแก้บนด้วยการรำออกพรานหรือจับบทออกพราน ก็ทำเช่นเดียวกัน เพียงแต่ผู้แก้บนจะต้องแต่งชุดรำออกพรานและใช้บทรำต่างออกไป
   โนราจะรำแก้บนจนถึงบ่ายวันพฤหัสบดี จึงหมดเวลาของพิธีกรรมนี้ หลังจากนั้นจึงถามผู้มาร่วมงานว่าใครต้องการทำพิธีเหยียบเสน หากไม่มี โนราใหญ่จะร้องบทชาครูหมอโนรา และเจ้าแม่อยู่หัว เพื่อให้ชาวบ้านนำเงินมาบูชาครูตามกำลังศรัทธา หลังจากนั้นโนราจะกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลให้ตายาย ร้องบทส่งครูหมอโนรา และพิธีตัดเหฺมฺรย หรือตัดพันธสัญญาที่ให้ไว้ต่อกัน
   ปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการตั้งโรงครูเป็นตัวเงินค่อนข้างสูง ลูกหลานโนราจึงหันมาแก้บนที่งานตายายย่านกันมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงรูปแบบพิธีกรรมดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า แม้สังคมภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปเพียงใด ความเชื่อเรื่องตายาย ของลูกหลานโนรากลับยังดำรงอยู่ ในรูปแบบพิธีกรรมใหม่ ที่สอดคล้องกับสังคมยุคปัจจุบัน แม้ว่าการแก้บนจะเป็นไปอย่างรวบรัดมากขึ้น แต่ความหมายของพิธีกรรมก็ยังเหมือนเดิม คือ ขอบคุณตายายที่ดูแลทุกข์ของพวกเขาตลอดมา
   แม้รูปแบบของพิธีกรรมจะเปลี่ยนแปลงไป หากความเชื่อเรื่องตายาย ยังคงทำหน้าที่ตอบสนองความต้องการทางจิตใจ ของชาวบ้านอยู่ไม่เปลี่ยนแปร นั่นหมายความว่า พิธีโนราโรงครู วัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวบ้าน รอบทะเลสาบสงขลา จะคงผูกสัมพันธ์ชาวใต้อยู่ต่อไป 
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #164 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2008 11:34:28 »

ส่วนอันนี้ผี พนัน(ของแท้) 555
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
Thunyawat
มือใหม่หัดขับ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20



ดูรายละเอียด
« ตอบ #165 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2008 11:58:20 »

ผีพนันนี่ของแท้เลยนะเนี่ย เถียงไม่ออกเลย
บันทึกการเข้า
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #166 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2008 20:35:00 »

ผีพนันนี่ของแท้เลยนะเนี่ย เถียงไม่ออกเลย

ของมันแรงครับ หุหุ
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #167 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2008 20:49:44 »

ถอนของ
นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผมเองเมื่อวันเสาร์ที่19 พ.ค.50 นี่เอง....

สืบเนื่องจากผมเจ็บปวดทรมานที่กระเพาะมานานหลายปี รักษากินยาอย่างไรก็ไม่หาย สุดท้ายไปส่องกล้องเมื่อต้นเดือนก็ไม่พบว่าเป็นอะไรมากเป็นกระเพาะอักเสบไม่มีแผล และทำการเอ็กซเรย์แป้งโดยสอดเข้าทางทวารหนักและเป่าลมเพื่อดูจุดที่เจ็บปวดว่ามีอะไรเกิดขึ้น ระหว่างดำเนินการผมได้รับความทรมานมาก แต่พอฟังผลบอกว่าไม่มีอะไรเลย.....
ผมจึงไปเล่าให้อจ.ฟัง ท่านเป็นฆราวาส เก่งด้านสมาธิได้อภิญญา ท่านหลับตาแล้วบอกว่าโดนของ ให้ไป จ.จันทบุรีเขาสอยดาว ให้เบอร์โทรไปติดต่อไปเอง
ผมไม่เชื่อและไม่คิดว่าจะเป็นความจริงแต่อย่างใดเพราะเป็นคนนั่งสมาธิและพกพระติดตัวตลอดไปไหนมาไหน มันจะเป็นไปได้อย่างไร..ที่ผมจะโดนของและสิ่งเปล่านี้ยังมีอยู่ในโลกยุคไฮเทคขนาดนี้อยู่อีกหรือ

แต่ผมก็ยินยอมไปเพราะจะลองพิสูจน์ดูว่า อจ.ท่านจะเก่งจริงหรือเปล่า

ปรากฎว่าวันที่ไปที่นั่นพบ คนมาจากกรุงเทพอีก สามกลุ่ม ...มาถอนของเช่นกัน เค้าน่ากลัวกว่าผมเสียอีก

ที่นี่เขาให้แป้งมันมาถุงนึง ให้เรามาปั้นเองเป็นก้อนเท่าซาลาเปา สามลูก วางใส่ในจาน ให้เรานอนแล้วเขาเอาสายสินผูกนิ้วมือนิ้วเท้า แล้วให้เราเอามือวางไว้บนจานแป้งที่เราเองเป็นคนปั้นนั่นแหละไม่ได้เอาไปไว้ไหนเลย ....แล้วเขาก็สวดเป็นภาษาเขมรเป่าๆตามตัวอยู่ครึ่งนาที แล้วหยิบแป้งที่เราปั้นใส่จานไว้นั่นแหละ ทีละลูกมากลิ้งจากใบหน้าและไปตามตัวจนถึงเท้า แล้วเปลี่ยนลูกใหม่ จนครบสามลูก
แล้วบอกว่าเสร็จแล้วให้ลุกขึ้นนั่ง พอผมลุกขึ้นนั่งเข้าก็หยิบแป้งที่วนแล้วนั่นแหละมาบิออกดู...
ปรากฎเจอผ้าห่อศพพันไว้ขนาดหัวแม่มือมีคราบหนองและเลือดอย่างสดๆเลย อยู่ข้างในลูกซาลาเปานั่นเหมือนที่เราบิซาลาเปาออกแล้วเจอไส้ดำของซาลาเปายังไงยังงั้น หมอหยิบออกมาคลี่ออกเจอตะปูอีกสองตัว..ในห่อผ้านั่นแล้วพูดว่าตะปูตัวงอนี่ทำให้จุก...หมอหยิบอย่างไม่ได้รังเกียจผ้าห่อศพเลยครับ
ผมเห็นแล้วอุทานด้วยความลืมตัวว่า โอ มายก็อด(พระพุทธเจ้า)...นี่เป็นความจริงหรือวะนี่ มีสิ่งนี้อยู่จริงในโลกไฮเทคนี่ด้วยหรือ..สติแทบแตก...

ผมพิจารณาดูว่า มายากลหรือเปล่า ก็เห็นจากคนอื่นๆที่มาถอน ประเด็นเปลี่ยนลูกซาลาเปา ตัดทิ้งได้เลยเพราะอยูในสายตาและกับมือของเราเองตลอด
ส่วนว่าซ่อนของไว้ในมือแล้วตอนหยิบลูกซาลาเปาแล้วยัดเข้าไปตอนนั้นก็อาจเป็นไปได้ แต่ลูกซาลาเปามันคงจะแตกไม่สวยอย่างตอนปั้น อันนี้ก็น่าคิด
ผมทำอีกรอบให้ชั่วร์ว่าของหมด ครั้งที่สองนี่ไม่เจอแล้ว

กลุ่มอี่นหนักกว่าผมที่ว่า ผู้หญิงท่านนึง บิก้อนซาลาเปาออกมาเจอมีผ้าห่อศพอย่างสดน้ำเหลืองคราบเลือดแล้วมีกระดูกสันหลังผีตายโหงออกมาด้วยแล้วกลิ่นเหม็นสะอิดสะเอียนมาก เฉพาะกระดูกสันหลัง1ข้อนี่ใหญ่แค่ไหนคิดดู แล้วมีผมกับตะปูด้วย ผู้หญิงคนนี้ทำสองครั้ง ครั้งที่สองเจออีก กระดูกหัวแม่มือหรือข้อนิ้วผีตายโหง ผ้าห่อศพแล้วก็ตะปู.. เห็นแล้วต้องร้องจ๊ากเลยครับ

อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังไม่วางใจ ผมกลับมาก็มานึกว่า ถ้ามายากลนี่ ไอ้โรคปวดท้องต้องไม่หายแน่ อ้อ... ให้ยามาต้มกินอีก 6 วันด้วย ปรากฎว่านี่เข้าวันที่ 3 อาการแทบจะหายปลิดทิ้งเลยครับ..ความทรมานมาร่วม 5 ปีหายไปแล้ว ผมเองยังไม่อยากจะเชื่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมเป็นเรื่องจริง กับโลกไอทีเยี่ยงนี้ ยังมีสิ่งเหล่านี้อยู่อีกด้วย แล้วพระต่างๆที่ผมใส่อยู่ทำไมคุ้มครองไม่ได้ นี่แค่ ของลมเพลมพัดนะเนี่ย
ผมเชื่อว่าใครก็ตามถ้าไม่คุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ ถ้าอยู่ในเหตุการณ์รับรองร้องจ๊ากกันทุกคนครับ

ขอรับรองว่าเป็นความจริงทุกประการ......
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #168 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2008 20:51:37 »

กลายเป็นปอบ เพราะเรียนมนต์ดำ
ผีปอบ เพียงแต่ชื่อที่เรียกขานชื่อก็ สร้างความหวาด ในยามใดที่มีข่าวชาวบ้านย่านถิ่น ไม่เป็น อันกินอันนอน ด้วยกลัวว่ามันจะมาล้วงตับไปกิน...!!!

ความลี้ลับที่ยังไม่มีใครสรุปออกมาแน่ชัดว่ามีจริงหรือไม่ แต่ก็ฝังลึกอยู่ในจิตใจของชาวอีสานและชุมชนประเทศเพื่อนบ้าน ที่อาณาเขตเชื่อมต่อ

ทั้งนี้อาจมาจาก ความเชื่อในศรัทธาของพลังเหนือธรรมชาติ ซึ่งแต่ละชุมชนหรือหมู่บ้านจะมีผู้ที่มีวิชาอาคมในทางไสยศาสตร์ เวทมนตร์คาถาที่ขลัง ส่วนจะมากหรือน้อยนั้นก็แล้วแต่

และผู้มีมนต์ดำนั้น ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อบังคับ ถือว่า ผิดครู ซึ่งภาษาท้องถิ่นเรียกว่า ?คะลำ? พลังของวิชาเกิดอาเพศย้อนเข้าตัว ผู้นั้นจึงกลายเป็น ปอบ หรือ ผีปอบ

ผีปอบ...เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณร้ายที่ออกคร่าชีวิตผู้คน ซึ่ง นักปิศาจวิทยา (หมอผี) ได้จำแนกปอบ เช่น ปอบธรรมดา หมายถึงคนที่ถูกปอบสิงเมื่อตายปอบก็จะ ตายไปด้วย

ปอบเชื้อ...คือครอบครัวที่พ่อหรือแม่เป็นปอบ เมื่อตายไปลูกหลานจะสืบทอดเป็นปอบต่อ ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม แล้วก็ยังมีปอบชนิดอื่นๆอีกหลายประเภท

เมื่อปอบเข้าสิง จะมีอาการไม่เหมือนกัน บางคนแสดงกิริยาดุร้าย บางคนซมคล้ายกับอาการป่วยหนัก บางคนร่ำไห้รำพันต่างๆนานา ไม่ว่าจะมีอาการที่แตกต่างอย่างไร จะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน

คือ....เรียกร้อง อาหาร เนื้อสัตว์สุกๆดิบๆ มากิน และเวลากินจะมูมมามผิดปกติ

แม้ว่าจะเป็นความเชื่อของชาวอีสาน ก็มิใช่ว่า ?ผีปอบ? จะอาละวาดเพียงภูมิภาคนี้เท่านั้น ในกรุงเทพฯที่ว่าเป็นเมืองศิวิไลซ์ก็มีมาเยือนเหมือนกัน...

เหตุการณ์นี้คนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป คงจำได้ที่งานวัดโคก หรือวัดพลับพลาไชย ใกล้กับโรงพยาบาลกลาง ตอนนั้นจัดงานวัด ผู้หญิงคนหนึ่งมีอาการตาขวางซึม ไม่ยอมพูดจากับใคร

แล้วก็คลุ้มคลั่งร้องเพลงทั้งไทย ทั้งจีน กินอาหารสดคาวและมูมมาม ญาติพี่น้องพากันตกใจรู้ว่าผีเข้าแน่ จึงได้เชิญซินแสที่โรงเจใกล้ๆ มาทำพิธีไล่ อาการสงบแต่ก็ยังไม่ยอมออก

จากนั้นได้นิมนต์พระครูเมี้ยน จากวัดพระเชตุพนฯ มาปราบ ก่อนที่ผีปอบจะออกได้ร้องครวญครางบอกว่า เคยเป็นลูกจ้าง ของผู้หญิงคนนั้น เพียงตั้งใจจะมาเยี่ยมเฉยๆ แล้วก็ยอมไปแต่โดยดี เรื่องของผีปอบวัดโคก เป็นที่โจษจันกันมาก ในยามนั้น

และก็มีข่าวของผีปอบประปราย ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน บางครั้งถึงขนาดที่ต้องไล่ผีปอบกันยกหมู่บ้านเลยทีเดียว

ล่าสุด ช่วงใกล้เทศกาลออกพรรษา ซึ่งมีคนผ่านข้ามแม่น้ำของ จากไทยไปลาวและลาวมาไทย นางสาวสุริพงษ์ ( ขอสงวนนามสกุล ) หรือ ?อีนาง? อายุ 18 ปี อยู่แขวงสุวรรณเขต ประเทศลาว เป็นผู้หนึ่งในจำนวนเหล่านั้นที่ข้ามมาหางานทำที่ฝั่งไทย

อีนาง มีพี่ชายบวชเป็นพระอยู่ที่ วัดป่าหนอง-ช้างคาว อำเภอกู่แก้ว จังหวัดอุดรธานีจึงได้แวะเยือน ขณะที่จะเข้าไปในวัดนั้นได้ เกิดอาการร้อนซ่าที่ฝ่าเท้า ต้องกัดฟันทนเดินกระย่องกระแย่งจนถึงกุฏิพี่ชายของเธอ

หลวงพ่อไม อินทสิริ เจ้าอาวาสฯ เห็นอาการรู้สึกแปลกใจ จึงได้ถามไถ่ว่าเป็นใครก็ไม่ได้รับคำตอบ ทำตาขวางซึม ลักษณะคล้ายๆ ปอบ จึงได้ให้ โยมลูกศิษย์ที่บ้านอยู่ข้างวัด เอาพระผงอุปคุตเข้าไปคล้องคออีนาง

พลัน...อีนางหวีดร้องเสียงดัง แล้วพูดเป็นภาษาลาวว่า โอ้ย...ฮ้อนๆๆๆ !!

หลวงพ่อไม จึงทราบด้วยฌานว่า มีผีสิงในร่างของอีนาง...!!!

แล้วจึงให้อีนางพักที่วัด มีโยมลูกศิษย์คอยดูแล โดยให้กราบพระพุทธรูปแล้วให้ท่อง พุทโธ ตลอดทั้งคืน รุ่งเช้าหลวงพ่อได้ทำพิธีปราบผีปอบในตัวอีนางอีกครั้ง จนกระทั่งร่างปอบนั้นยอมสารภาพว่าเป็นปอบมาได้ 3 ปีแล้ว

ได้เรียนวิชาปอบมาตั้งแต่อายุได้ 15 ปี เรียนกับ ครูบาใหญ่ ซึ่งมีลูกศิษย์อยู่ราว 500 คน ถ้าครบ 1,000 คนเมื่อใดจะเปิดเป็น โรงเรียนผีปอบ เพราะตอนนี้ลำบากมากต้องไปสอนกันในป่าช้า

แล้วบอกต่อว่า ปอบชอบกินแม่ลูกอ่อน เพราะกลิ่นหอมดี ผู้หญิงที่คลอดลูกตายทั้งแม่ทั้งลูกนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการกระทำของผีปอบ ไม่ใช่ ตายแบบธรรมดา

หากใครเอาเลือดทารกและแม่ลูกอ่อนไปให้หัวหน้าผี ก็จะได้รับการยกย่องชมเชย และหากหาไม่ได้ก็จะจับปลา จับกบ เขียดสดๆ มากินประทังความหิว


ส่วนอีนางนั้น ยังเป็นปอบละอ่อนไม่แกร่งกล้า เคยกินเลือดคนเพียงครั้งเดียว ตอนนั้นเพื่อนถูกรถชนตาย เธอจึงเข้าไปกอบเอาเลือดสดๆ กิน รู้สึกอิ่มอร่อยมีแฮง (มีพละกำลัง) และติดใจกลับบ้านไปนอนหลับสบาย

ต่อมา...ยามใดเกิดอาการอ่อนเพลียก็จะไปหาเลือดสดๆ กิน โดยหาซื้อเลือดวัว เลือดหมู หรือไก่ จากตลาดสด ขณะกินจะไม่ให้คนเห็น

แล้วปอบอีนางบอกถึงมนต์ดำที่เรียนมาว่า เป็นวิชาที่ทำให้มีมีหนุ่มๆ มาติดพัน ผู้ที่ได้วิชานี้มาไม่ว่าจะแก่ขนาดไหนก็จะมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม

ด้วยศาสตร์นี้ เป็นเดียรัจฉานวิชา หลวงพ่อไมจึงได้ไล่ปอบ ออกจากตัวด้วยการใช้ ว่านไฟ (ไพล) กับ พระอุปคุต และตอนนี้ออกจากตัวของอีนางแล้ว

เธอบอกว่า เมื่อปอบออกจากร่าง มีอาการคล้ายกับมีตัวอะไรกระโดดกระดุ๊บๆออกจากตัวเธอลงไปที่ขา แล้วผลุดออกไปทางหัวแม่เท้า

เมื่อปอบออกไปแล้ว หลวงพ่อไมจึงได้เอาสายสิญจน์ผูกข้อเท้าทั้ง 2 ข้าง ข้อมือ 2 ข้าง แล้วที่คอเอาพระผงอุปคุตห้อยไว้ กันผีปอบกลับเข้ามาสิงที่ร่างอีกครั้ง
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #169 เมื่อ: 25 กรกฎาคม 2008 21:41:32 »

ขัยบกระทู้ ผีผี หน่อย เหอเหอเหอ (กระทู้นี้ จงยืนยงคู่โลก และ AE Racing Club ตลอดไป)
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
โน่ SRC ™
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14,361


086-6202798 โน่ SRC


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #170 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2008 15:11:16 »

นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผมเองเมื่อวันเสาร์ที่19 พ.ค.50 นี่เอง....

สืบเนื่องจากผมเจ็บปวดทรมานที่กระเพาะมานานหลายปี รักษากินยาอย่างไรก็ไม่หาย สุดท้ายไปส่องกล้องเมื่อต้นเดือนก็ไม่พบว่าเป็นอะไรมากเป็นกระเพาะอักเสบไม่มีแผล และทำการเอ็กซเรย์แป้งโดยสอดเข้าทางทวารหนักและเป่าลมเพื่อดูจุดที่เจ็บปวดว่ามีอะไรเกิดขึ้น ระหว่างดำเนินการผมได้รับความทรมานมาก แต่พอฟังผลบอกว่าไม่มีอะไรเลย.....
ผมจึงไปเล่าให้อจ.ฟัง ท่านเป็นฆราวาส เก่งด้านสมาธิได้อภิญญา ท่านหลับตาแล้วบอกว่าโดนของ ให้ไป จ.จันทบุรีเขาสอยดาว ให้เบอร์โทรไปติดต่อไปเอง
ผมไม่เชื่อและไม่คิดว่าจะเป็นความจริงแต่อย่างใดเพราะเป็นคนนั่งสมาธิและพกพระติดตัวตลอดไปไหนมาไหน มันจะเป็นไปได้อย่างไร..ที่ผมจะโดนของและสิ่งเปล่านี้ยังมีอยู่ในโลกยุคไฮเทคขนาดนี้อยู่อีกหรือ

แต่ผมก็ยินยอมไปเพราะจะลองพิสูจน์ดูว่า อจ.ท่านจะเก่งจริงหรือเปล่า

ปรากฎว่าวันที่ไปที่นั่นพบ คนมาจากกรุงเทพอีก สามกลุ่ม ...มาถอนของเช่นกัน เค้าน่ากลัวกว่าผมเสียอีก

ที่นี่เขาให้แป้งมันมาถุงนึง ให้เรามาปั้นเองเป็นก้อนเท่าซาลาเปา สามลูก วางใส่ในจาน ให้เรานอนแล้วเขาเอาสายสินผูกนิ้วมือนิ้วเท้า แล้วให้เราเอามือวางไว้บนจานแป้งที่เราเองเป็นคนปั้นนั่นแหละไม่ได้เอาไปไว้ไหนเลย ....แล้วเขาก็สวดเป็นภาษาเขมรเป่าๆตามตัวอยู่ครึ่งนาที แล้วหยิบแป้งที่เราปั้นใส่จานไว้นั่นแหละ ทีละลูกมากลิ้งจากใบหน้าและไปตามตัวจนถึงเท้า แล้วเปลี่ยนลูกใหม่ จนครบสามลูก
แล้วบอกว่าเสร็จแล้วให้ลุกขึ้นนั่ง พอผมลุกขึ้นนั่งเข้าก็หยิบแป้งที่วนแล้วนั่นแหละมาบิออกดู...
ปรากฎเจอผ้าห่อศพพันไว้ขนาดหัวแม่มือมีคราบหนองและเลือดอย่างสดๆเลย อยู่ข้างในลูกซาลาเปานั่นเหมือนที่เราบิซาลาเปาออกแล้วเจอไส้ดำของซาลาเปายังไงยังงั้น หมอหยิบออกมาคลี่ออกเจอตะปูอีกสองตัว..ในห่อผ้านั่นแล้วพูดว่าตะปูตัวงอนี่ทำให้จุก...หมอหยิบอย่างไม่ได้รังเกียจผ้าห่อศพเลยครับ
ผมเห็นแล้วอุทานด้วยความลืมตัวว่า โอ มายก็อด(พระพุทธเจ้า)...นี่เป็นความจริงหรือวะนี่ มีสิ่งนี้อยู่จริงในโลกไฮเทคนี่ด้วยหรือ..สติแทบแตก...

ผมพิจารณาดูว่า มายากลหรือเปล่า ก็เห็นจากคนอื่นๆที่มาถอน ประเด็นเปลี่ยนลูกซาลาเปา ตัดทิ้งได้เลยเพราะอยูในสายตาและกับมือของเราเองตลอด
ส่วนว่าซ่อนของไว้ในมือแล้วตอนหยิบลูกซาลาเปาแล้วยัดเข้าไปตอนนั้นก็อาจเป็นไปได้ แต่ลูกซาลาเปามันคงจะแตกไม่สวยอย่างตอนปั้น อันนี้ก็น่าคิด
ผมทำอีกรอบให้ชั่วร์ว่าของหมด ครั้งที่สองนี่ไม่เจอแล้ว

กลุ่มอี่นหนักกว่าผมที่ว่า ผู้หญิงท่านนึง บิก้อนซาลาเปาออกมาเจอมีผ้าห่อศพอย่างสดน้ำเหลืองคราบเลือดแล้วมีกระดูกสันหลังผีตายโหงออกมาด้วยแล้วกลิ่นเหม็นสะอิดสะเอียนมาก เฉพาะกระดูกสันหลัง1ข้อนี่ใหญ่แค่ไหนคิดดู แล้วมีผมกับตะปูด้วย ผู้หญิงคนนี้ทำสองครั้ง ครั้งที่สองเจออีก กระดูกหัวแม่มือหรือข้อนิ้วผีตายโหง ผ้าห่อศพแล้วก็ตะปู.. เห็นแล้วต้องร้องจ๊ากเลยครับ

อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังไม่วางใจ ผมกลับมาก็มานึกว่า ถ้ามายากลนี่ ไอ้โรคปวดท้องต้องไม่หายแน่ อ้อ... ให้ยามาต้มกินอีก 6 วันด้วย ปรากฎว่านี่เข้าวันที่ 3 อาการแทบจะหายปลิดทิ้งเลยครับ..ความทรมานมาร่วม 5 ปีหายไปแล้ว ผมเองยังไม่อยากจะเชื่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมเป็นเรื่องจริง กับโลกไอทีเยี่ยงนี้ ยังมีสิ่งเหล่านี้อยู่อีกด้วย แล้วพระต่างๆที่ผมใส่อยู่ทำไมคุ้มครองไม่ได้ นี่แค่ ของลมเพลมพัดนะเนี่ย
ผมเชื่อว่าใครก็ตามถ้าไม่คุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ ถ้าอยู่ในเหตุการณ์รับรองร้องจ๊ากกันทุกคนครับ

ขอรับรองว่าเป็นความจริงทุกประการ......

[/quote]



อ่านแล้วขนลุกกกกก........... เหวอ เหวอ เหวอ
บันทึกการเข้า
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #171 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2008 22:06:03 »

เรื่องราวดีๆ มีมาเรื่อยครับ แวบมาดูกันบ้างนะ ^^~
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
Center Racing
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,588


อยากมันส์..ก็ดันมา(จัดให้ตลอด)


ดูรายละเอียด
« ตอบ #172 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2008 15:56:51 »

อุ้ย....น่ากลัวเหอะ... ไม่ไหวแล้ว... ไม่ไหวแล้ว... ไม่ไหวแล้ว...
บันทึกการเข้า



0852764535 MISS CALL
Partner By WIN RACING  SHOP
Modify&Setup By 24 AUTOCAR (ช่างพง)
NosDriVe
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11,178


พิเรณทีม = มิตรภาพ + ความจริงใจ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #173 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2008 22:03:38 »

อยากไปมั่งจัง
บันทึกการเข้า


ถ้าไม่ทนเหนื่อย ทนลำบากมาด้วยกัน ก็ไม่รู้หรอกว่าแต่ละคนให้ใจกันแค่ไหน ใช่มั้ย พิเรณทีม
YaSeN
Moderator
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,716



ดูรายละเอียด
« ตอบ #174 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2008 00:48:34 »

 ตาปริบๆ อ่านหนังสือ หายดีแล้วแวะมาเที่ยวบางแสน บ้างน่ะคับ

AE.RacingClub  ยินดีต้อนรับ
บันทึกการเข้า
Thunyawat
มือใหม่หัดขับ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20



ดูรายละเอียด
« ตอบ #175 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2008 11:57:56 »

โอ้ว มีจริงหรือนี่ น่ากลัวมาก
 
บันทึกการเข้า
>> OaTzy << SZ#013
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,901


[SZ#013]


ดูรายละเอียด
« ตอบ #176 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2008 13:10:14 »

เขาสามมุขก็น่ากัวนะ   ไม่ไหวแล้ว...  ไม่ไหวแล้ว...
บันทึกการเข้า

อุบัติเหตุไม่ใช่เวรกรรม . . . . แต่เป็นการกระทำของเทอร์โบ !!!  อ้อน  อ้อน
Aoffii@ImSry
AE Racing Club Staff
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,020


สิบคนในวงเหล้า คงไม่อบอุ่นเท่าหนึ่งคนในวงแขน


ดูรายละเอียด
« ตอบ #177 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2008 12:00:31 »

เจอบ่อยๆ กอผีผ้าห่มอ่ะ พี่ปูม
บันทึกการเข้า


I'M SORRY
Sir-Drag-A-Lot
สมเจตน์ การช่าง
หจก. พูนทอง เซอร์วิส PTS

ohayou
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 132


ผมรัก AE ครับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #178 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2008 20:14:30 »

ทำไมหน้ากล้วจังครับข้อความในกระทู้นี้
บันทึกการเข้า


รักคนมีตังค์
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #179 เมื่อ: 01 พฤศจิกายน 2008 19:44:17 »

หนังสยองที่น่าดูช่วงนี้
1.โปรแกรมหน้า (ดูมาแว้ว) รับประกันความน่ากลัว หุหุ


เรื่องผีช่วงนีไม่มีอะไรแปลกใหม่ เด๋วขอเวลาหาข้อมูลจะเอามาฝากนะครับ
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
หน้า: [«5]  «  1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 15  »  [5»]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!