AE. Racing Club
06 ตุลาคม 2024 22:34:09 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [«5]  «  1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 15  »  [5»]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: !!==CHONBURI HORROR ZONE==!!  (อ่าน 66842 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #180 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2008 19:31:16 »

เปรตต้นตาล



                    ผมเป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ดแต่อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 100 ก.ม. เรื่องที่ผมประสบนั้นผมยังขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง และภาพยังติดตาติดสมองผมเรื่อยมา...ผมเองก็เป็นหนึ่งคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องอย่างนี้ซักเท่าไหร่...แต่พอมาประสบกับตัวเองแล้ว...ผมถึงกับเชื่ออย่างฝังใจเสมอมา ในสมัยเด็กๆนั้นผมมีเพื่อนสนิทอยู่สองคน...พวกเราจะปั่นจักรยานกันไปเป็นกลุ่ม...มีผม ไอ้ตั๊ก และไอ้โจ....พวกผม 3 คนชอบเล่น ดื้อ ซนตามธรรมชาติของเด็กๆ...เวลาที่เรารวมกลุ่มกันนั่นคือเราจะออกไปยิงกิ้งก่า
ยิงนก โดยมีหนังกะติ๊กและลูกหินใส่ย่ามไปด้วย...
....ไอ้โจมันมีความคิดพิเรนชวนผมและไอ้ตั๊กไปยิงค้างคาวที่ต้นตาลในวัด...ซึ่งผมก็ตอบตกลงไปเสียโดยดี
ซึ่งค้างคาวมันจะเกาะกันเป็นกลุ่มในตอนกลางวัน...ผมและเพื่อนยิงแต่มันก็ไม่ร่วง...จึงวางแผนกันใหม่โดยเอาหม้อแบตอรี่มาส่องตอนค่ำประมาณ 3 ทุ่มเห็นจะได้...
...ที่บ้านนอกถึงแม้เวลาจะแค่สามทุ่มแต่ทุกบ้านปิดประตูกันหมด...ปิดไฟกันหมดมันจึงมืดมาก พอพวกเรามาถึงต้นตาลในวัดจึงจดแจงเปิดไฟแบตตอรี่ (ผมขออธิบายนิดนึงแบตตอรี่แบบเป็นแบบสพายมีหลอดติดกับสายรัดหัว)
พอเราเงยหน้าขึ้นไปพร้อมแสงไฟสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพื่อนผมร้องเสียงหลง...แต่ผมพูดไม่ออก และขากก็ก้าวไม่ออกมันชาขึ้นมาทันที ปัสสาวะราดโดยไม่รู้สึกตัว ภาพที่ผมเห็นคือ เค้ากอดต้นตาลอยู่ข้างบนครับ ตาของเค้าสีแดงก่ำขนาดเท่าไข่ห่าน
ปากเป็นรูเล็กมาก มือและเท้าใหญ่เท่าใบลาน...เค้ามองลงมาหาพวกผม........ด้วยสายตาน่ากลัว...................ผมตั้งสติได้จึงวิ่งตามเพื่อนไปโดยไม่มีใครสนใจรองเท้าและจักรยานเลย.......
..............................ผมและเพื่อนจับไข้อยู่ 2 วัน
พวกเราไม่ไปเล่นที่นั่นอีกเลย
....ถึงวันนี้ผมคิดว่าถ้าเค้าไม่ไปผุดไปเกิดแล้วก็คงเกาะอยู่ที่ต้นตาลต้นนั้น ต้นที่ผมจะไม่ลืมตลอดชีวิต เรื่องของผมอาจจะไม่น่ากลัว แต่ผมว่าใครที่โดนแบบผมก็คงจะกลัวแน่นอน


 

บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
พระเอก`
มือใหม่หัดซิ่ง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 77


Concept by Gu.


ดูรายละเอียด
« ตอบ #181 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2008 15:31:43 »

สถานที่ใน ชลบุรี
1.บ้านผีสิง ที่จ้างคนเอาข้าวปลาอาหารไปให้เดือนล่ะ 12,000 บาท(มีคนเคยไปทำคับ คือเปิดบ้านเช้า กลางวัน เย็นเอาอาหารไปว่างที่โต๊ะกินข้าว พอเย็นก็กลับบ้านตนเอง เขาไม่กล้านอน เพราะทุกครั้งที่เอาอาหารไปวาง ในเวลาเพียงแปปเดียวอาหารที่เคยมีก็อันตธานหายไป เขาทำได้ปีกว่าก็ลาออก บอกว่าไม่อยากทำนานเพราะกลัวเขาจะเอาไปอยู่ด้วย) ไม่แน่ใจว่าอยู่แถวไหน


--- น่าจะเป็นบ้าน ที่อยู่ ถนนสายอ่างศิลา อะคับ

เท่าที่รู้ประวัติ...บ้านหลังนั้นมาก็ คือ ว่า ชาย หญิง ได้แต่งงานกันใหม่ๆ และเค้าได้ประสบอุบัติเหตุ รถชน

ทำให้เสียชีวิตทั้ง 2 คน ละได้เอาร่างทั้ง 2 ใส่โรงแก้วตั้งไว้ในบ้าน และจะจ้างคนมาเฝ้าบ้านหลังนั้น เปิดไฟ สตาร์ดรถ

ประมาณ นี้คับเท่าที่ทราบ 


บันทึกการเข้า
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #182 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2008 19:31:38 »

สถานที่ใน ชลบุรี
1.บ้านผีสิง ที่จ้างคนเอาข้าวปลาอาหารไปให้เดือนล่ะ 12,000 บาท(มีคนเคยไปทำคับ คือเปิดบ้านเช้า กลางวัน เย็นเอาอาหารไปว่างที่โต๊ะกินข้าว พอเย็นก็กลับบ้านตนเอง เขาไม่กล้านอน เพราะทุกครั้งที่เอาอาหารไปวาง ในเวลาเพียงแปปเดียวอาหารที่เคยมีก็อันตธานหายไป เขาทำได้ปีกว่าก็ลาออก บอกว่าไม่อยากทำนานเพราะกลัวเขาจะเอาไปอยู่ด้วย) ไม่แน่ใจว่าอยู่แถวไหน


--- น่าจะเป็นบ้าน ที่อยู่ ถนนสายอ่างศิลา อะคับ

เท่าที่รู้ประวัติ...บ้านหลังนั้นมาก็ คือ ว่า ชาย หญิง ได้แต่งงานกันใหม่ๆ และเค้าได้ประสบอุบัติเหตุ รถชน

ทำให้เสียชีวิตทั้ง 2 คน ละได้เอาร่างทั้ง 2 ใส่โรงแก้วตั้งไว้ในบ้าน และจะจ้างคนมาเฝ้าบ้านหลังนั้น เปิดไฟ สตาร์ดรถ

ประมาณ นี้คับเท่าที่ทราบ 




ถูกต้องนะคราบ คนงานที่ทำงานเก่า เค้าเคยไปทำมา ได้ เดือนเดียว ไม่เอาแล้ว ><"
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #183 เมื่อ: 29 มกราคม 2009 00:06:58 »

สวัสดีปีวัวครับ เราก็จะมาอัฟข้อมูล ผีผีกันต่อสักที หลังจากห่างหายไปนาน (พิมพ์ไว้เยอะและ เด๋วจะเอามาลงให้อ่านกัน)
ปล.ข้อเป็นกระทู้ สาระ (หรือไร้สาระ) เรื่องราวอ่าเล่นสนุกๆ ปนขนลุกกัน ^^~
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #184 เมื่อ: 29 มกราคม 2009 00:08:15 »

โรงแรม
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว ประมาณเดือนธันวาคม 47 ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวที่หาดจอมเทียนพัทยา ตอนนั้นเราไปกันทั้งหมด 5 คน คือมีผม แฟนผม และเพื่อนแฟนอีก 3 คน แล้วเราก็ได้เข้าพักในโรงแรมหนึ่งซึ่งเป็นรงแรมที่มีชื่อเสียงมาก และมีสาขาอยู่ในกรุงเทพด้วย เราพักกันที่ตึกๆหนึ่งริมทะเล จำได้ว่าเราพักอยู่ที่ชั้น 11 ตอนแรกที่ผมเดินเข้าไปผมก็ได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมา ต่อมาก็วิ่ง แต่เราก็ไม่ได้เอะใจอะไร คนที่ได้ยินเสียงนี้มีแค่ผมกับเพื่อนแฟนชื่อโก๋ หลังจากเราเก็บของกันเสร็จแล้วเราก็ได้ไปเที่ยวที่ริมทะเล และทานอาหารเย็นกันที่ริมหาด แล้วกลับมาที่โรงแรมประมาณ ทุ่ม ตอนที่เดินเข้ามาก็ได้ยินเสียงอย่างเดืมอีกแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ที่สงสัยคือทำไมพวกผู้หญิงไม่ได้ยิน คืนนั้นพวกเราก็เข้านอน พอประมาณตีสาม ผมได้ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำผมก็ได้ยินเสียงคนวิ่งไปมาอีก จึงออกมาดู พวกผู้หญิงก็นอนอยู่บนเตียง ส่วนโก๋ก็นอนอยู่ที่พื้นกับผม แต่โก๋นอนคุมโปรงอยู่ ผมก็เดินดูรอบๆห้องและออกมาดูหน้าห้องก็ไม่เห็นมีอะไร แต่ผมก็ยังได้ยินเสียงอยู่ ผมก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน แต่ก็ไม่เห็นอะไร จึงตัดสินใจเข้านอน ตื่นเช้ามาก็ลองเล่าให้ทั้งหมดฟัง พวกผู้หญิงไม่รู้เรื่องอะไร แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือโก๋เล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนตอนที่ผมตื่นและเดินไปรอบๆห้องนั้น โก๋เห็นเด็กผู้ชายคนนึงเดินตามผม และเห็นเด็กหญิงอีกสองคนวิ่งไปวิ่งมาในห้อง แต่ผมไม่เห็น และที่โก๋คลุมโปงเพราะว่าโก๋กลัวแต่ไม่กล้าทัก สุดท้ายเราจึงย้ายออกจากโรงแรมนั้นทันที และต่อมาอีกประมาณ สองสามเดือนผมก็ได้มีโอกาสกลับไปที่โรงแรมนั้นอีกครั้งและนอนที่ตึกเดิมแต่ชั้นหก ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่วันต่อมาที่ลอบบี้ผมที่ยินครอบครัวหนึ่งบอกกับ pr ว่าเมื่อคืนมีเด็กวิ่งเล่นที่หน้าห้องเค้าทั้งคืน พอพนักงานถามว่าเค้าอยู่ชั้นอะไร เค้าก็ตอบว่า ชั้น 11 ผมก็ขนลุกครับ แต่ผมก็ยังใช้บริการโรงแรมนี้อยู่แต่ไม่เอาชั้น 11 แล้วครับ
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #185 เมื่อ: 29 มกราคม 2009 00:09:32 »

ซ่อนหาอาภรรพ์
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 1 เดือนที่เเล้ว(เดือน พ.ย. 48)คือ วันนั้นพ่อได้พาผมไปต่าง จังหวัดไปเยี่ยมญาติที่ สงขลา ผมออกเดินทางประมาณ 07:35 (ประมาณ) เเละถึง สงขลา เวลา 15:30 (ประมาณ) เพราะผมอยู่ ภูเก็ตเลยไปถึงเร็ว เมื่อไปถึงสงขลาก็ไปบ้านญาติเลยไม่ รีรอใคร บ้านของญาติผม อยู่ตรงข้ามกับวัดเเห่งหนึ่งใน จ. สงขลา บ้านเเถวนั้นจะอยู่ติดกันเป็น เเถวครับ วันรุ่งขึ้น เวลาประมาณ 19:22(ประมาณ) นะครับ ผมอยู่นอกบ้าน(หน้าบ้าน)ครับ เเละวันนั้นเป็นวันเสาร์(คนโบราณถือว่าวันเสาร์เป็นวันปล่อยผี) ครับ พี่ริวซึ่งเป็นพี่ใหญ่สุด ในกลุ่มนี้ เเละเป็นพี่ไม่เเท้ของผมด้วยได้เสนอขึ้นว่า "เรามาเล่นซ่อนหากันดีกว่า" เเละเราก็เล่น ซ่อนหากัน ที่เราเล่นเพราะเราไม่มีอะไรจะเล่นเเล้วก็ยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าซ่อนหาห้ามเล่น หลัง 18:00 ขึ้นไปเเละวันนั้นเป็นวันเสาร์ด้วย......เวลาเราเล่นเราจะนับ 1-50 เเละตอนนั้นทุก คนหาที่ซ่อนกันได้หมดเเล้วเหลือเเต่ พี่ริว....35...36 ตอนนี้ก็จวนจนจะถึง 50 เเล้วเเละ พี่ริวก็ได้วิ่งไปซ่อนหลังโลงศพ 40...41 พี่ริวกังวลว่าคนที่กำลังปิดตาอยู่เนี่ยจะหาเจอเลย เข้าไปแอบในโลงศพ 48...49...50 ตอนนี้ก็ถึง 50 เเล้ว คนที่เป็นก็ตามหาคนที่ซ่อนอยู่ ผ่านไปประมาณ 2 นาที คนที่ปิดตาหาทุกคนเจอหมดเเล้วยกเว้น.....พี่ริว "พี่ริว.....พี่ริว" ผมตะโกน พี่ริวก็ไม่ออกมาเเละพวกเราก็เดินตามหา เเละผมนึกขึ้นได้ว่าพี่ริวไปแอบที่หลังโลง ศพผมก็ได้ไปบอกเพื่อนๆเเละเราได้ไปหาพี่ริวกัน เราเดินไปใกล้จะถึงโลงศพพวกเราก็กล้าๆ กลัวๆ อยู่เหมือนกัน ก๊อก.....ก๊อก.....ก๊อก เราได้ยินเสียงเหมือนใครเคาะโลง เราสะดุ้งกันหมด ตอนเเรกเราก็นึกว่าพี่ริวคงเเกล้งเรามั้ง......"ช่วยด้วย ช่วยด้วย" คราวนี้คงไม่ใช่การกลั่นเเกล้ง แน่นอน เราทุกคนก็ใช้มือจับที่ฝาโลงทุกคน "ช่วยด้วยพี่อยู่ในนี้" ตอนเเรกเราก็นึกว่าพี่ริ วเเกล้ง เเต่ไม่น่าใช่ เราก็เลยเอามือไปจับฝาโลง เเละนับ 1...2...3.... เเละเราก็เปิดโลง ภาพเเรกที่เราเห็นคือ เหมือนกับว่า พี่ริวนอนทับร่าง หญิงชราคนนึงซึ่งนิ้วมือนิ้วเท้าหงิกงอ เเละมีน้ำเหลืองไหลออกมาเยอะมากเเละมีหนอนไต่ตามตัวยัวะเยียะ พวกเราก็วิ่งร้องให้ กันไป ส่วนพี่ริวก็ลุกขึ้นมา เเละมองลงไปที่โลงศพ พี่ริวก็เห็นสภาพเดียวกับที่เราเห็นพี่ ริวก็วิ่งเเละร้องไปเช่นเดียวกัน เมื่อถึงบ้านยายของ พี่ริวจึงถามพี่ริวว่า "ริว ริว เป็นไรลูก" พี่ริวพูดเเต่พูดเเบบไม่เป็นภาษา เเละผมของพี่ริวก็ร่วงด้วย วันรุ่งขึ้น ผมของพี่ริวก็ ยังร่วงไม่หาย ยายของพี่ริวได้พาไปหาหมอ เเละหมอก็ได้ให้ยามากินเเต่ก็ไม่หาย ยายก็พาไปหา อีกที เเต่หมอบอกว่าถ้ากินยาเเล้วรักษาไม่หายคือ โรคนี้ไม่สามารถรักษาหายได้ เเละในที่สุด

พี่ริวก็เสียชีวิต......
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #186 เมื่อ: 29 มกราคม 2009 00:11:34 »

Taxi โดนผีหลอด ถ้าพูดถึงเรื่องผีดุๆ มีอยู่ที่นึง เอ่ยชื่อหลายคนคงรู้จัก นั่นคือแถวเดอะมอลล์งามวงวาน แถวนั้นตึกที่พักสูงๆเยอะ คนกระโดดตึกฆ่าตัวตายบ่อย กลางดึกมีคนเจอดีหลายคนแล้ว โดยเฉพาะคนขับแท๊กซี่โดนบ่อย ตอนดึกๆมักมีผู้หญิงสาวมาเรียกรถแท๊กซี่  ส่วนใหญ่จะบอกให้ไปส่งแถววัดโน่นวัดนี่ แต่พอขับไปสักพักปรากฏว่า ไม่มีผู้โดยสารสาวอยู่ในรถเลย จนเดี๋ยวนี้ไม่มีรถแท๊กซี่คันไหนกล้ารับผู้หญิงที่เรียกรถตอนดึกแถวเดอะมอลล์งามวงวานเลย แต่ก็อย่างว่าแหละครับ มันต้องมีคนที่ไม่กลัวมั่งล่ะ นั่นคือ ลุงคนนึงแกเพิ่งมาขับแท๊กซี่ใหม่ๆ แกชื่อลุงกล้า ก็กล้าสมชื่อครับ คืนนั้นเวลาประมาณตีสองเห็นจะได้ แกขับรถผ่านหน้าเดอะมอลล์งามฯ แกก็นึกถึงเรื่องผีผู้หญิงที่มักเรียกรถแท๊กซี่ตอนดึก แต่ลุงกล้าแกไม่กลัวครับ แกเลยขับช้าๆมองหาว่าจะมีจริงตามที่เขาเล่าหรือปล่าว แล้วแกก็เจอจริงๆครับแกเห็นผู้หญิงคนนึงโบกมือเรียกรถ ลุงกล้าก็เลยจอดรับลองดูว่าจะผีหรือคน ผู้หญิงคนนั้นแต่งชุดสีดำหน้าตาดีทีเดียวครับ  บอกลุงกล้าให้ไปส่งที่วัดธาตุทอง(แถวสุขุมวิท พระโขนง) ลุงกล้าแกก็เห็นเค้าเป็นคนนี่ไม่เห็นจะเป็นผีตรงไหนเลย แกก็รับผู้หญิงชุดดำคนนั้นมา  ขับไปแกก็เหลือบมองกระจกส่องหลังตลอด ก็เห็นผู้โดยสารสาวสวยคนนั้นยังนั่งอยู่ ลุงกล้าก็เลยขับมาเรื่อยๆ ขับมาถึงประมาณถนนพระราม 9 ไฟข้างถนนค่อนข้างสว่างลุงกล้าก็มองกระจกส่องหลัง เท่านั้นล่ะครับ ลุงกล้าแกเสียวสันหลังวาบเลย เพราะหญิงสาวผู้โดยสารไม่อยู่ตรงเบาะหลังแล้วครับ ลุงกล้าที่ตอนนี้ไม่เหลือความกล้าแล้ว พยายามมองผ่านกระจกก็ไม่เห็นแล้วครับ  ลุงกล้าก็เลยนึกในใจ  โดนแน่แล้ว แกก็เลยจะจอดรถเพื่อที่จะได้หายกลัว แต่กลิ่นน้ำหอมยังฟุ้งอยู่เต็มรถ ลุงกล้าแกก็นึกในใจว่า วิญญาณน่าจะยังอยู่ในรถ เราคงมองไม่เห็น คงต้องไปส่งให้ถึงวัดธาตุทอง ถ้าถึงที่หมายแล้วกลิ่นน้ำหอมคงจะหายไปด้วย คิดได้ ลุงกล้าแกก็เลยเหยียบคันเร่งสุดชีวิต เพิ่อให้ถึงวัดธาตุทองไวๆ พอใกล้จะถึงวัดอีกประมาณไม่เกินสองกิโลเมตร ลุงกล้าก็เหลือบไปมองกระจกส่องหล้ง คุณพระช่วย!!! ผีสาวชุดดำกำลังนั่งจ้องตาถ..คุณ..ทึง ลุงกล้าแกเบรกรถแทบชนฟุตบาธ พระที่อยู่หน้ารถกี่องค์ลุงกล้าแกเอามือรวบมากอดไว้หมดเลย คาถงคาถากี่บทที่ลุงกล้านึกได้ เอามาสวดหมดเลยครับ บทพาหุงที่ว่าแน่ หรือสุดยอดพระคาถาอย่างชินบันชรลุงกล้าแกสวดมั่วไปหมด หันไปมองข้างหลังทั้งๆที่เหงื่อแตกพลั่ก เห็นผีสาวที่ตอนนี้มีแต่รอยเลือดสีแดงเลอะเต็มหน้า ยังทำตาถ..คุณ..ทึงใส่แก ลุงกล้าเลยหันกลับมา ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยต้องทำใจดีสู้เสือ ถ้าไม่กลัว ผีก็คงไม่ทำอะไรแน่ ลุงกล้าเลยหันกลับไป แล้วถามทั้งๆที่เสียงสั่นว่า "ขอโทษนะครับคุณ  ไม่ทราบว่าเป็นอะไรตายครับ"  ผีสาวยิ่งโกรธไปใหญ่แล้วพูดว่า  "ตายพ่อตายแม่..คุณ..เหรอ กูก้มลงไปแต่งหน้าแป๊บนึง ..คุณ..เหยียบซะหน้ากูเลอะลิปติกหมดเลย"   แลบลิ้น แลบลิ้น แลบลิ้น

..
..
..
..
..
..
..
..
โดนมะ  ฮากลิ้ง ฮากลิ้ง ฮากลิ้ง
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
ลุงหนวด-(ZC72S)
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,801


จะเร็วจะช้า มันก็ต้องมีวันจาก


ดูรายละเอียด
« ตอบ #187 เมื่อ: 29 มกราคม 2009 11:50:21 »

น่ากลัวกันจังเลย....ขอให้เจอของจริงกันเร็วๆนะทุกๆคน....จะได้มาเล่าให้ผมฟัง
บันทึกการเข้า

ถึงเวลาต้องจากกันแล้ว  คงเหลือใว้แค่มิตรภาพ
~'Ball_Skyline'~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,667


I'm not perfect but I'm limited edition.


ดูรายละเอียด
« ตอบ #188 เมื่อ: 29 มกราคม 2009 19:34:19 »

ที่คุณปูมเอ่ยว่า หอตรงข้ามเทคนิคสัตหีบนั้น ขอย้ำว่าของจริง ผมเรียนที่เทคนิคสัตหีบ เปงเวลา 5 ปี แวะเวียนไปบ่อยๆ เพราะเพื่อนๆผมชอบไปนั่งกินเหล้าบ้างล่ะ ต่อยกันตัวๆบ้างล่ะ แต่ก็ยังไม่เคยเจออ่ะนะ แต่เค้าว่า ของจริงงงงงงง
บันทึกการเข้า

ลุงหนวด-(ZC72S)
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,801


จะเร็วจะช้า มันก็ต้องมีวันจาก


ดูรายละเอียด
« ตอบ #189 เมื่อ: 29 มกราคม 2009 19:48:58 »

ที่คุณปูมเอ่ยว่า หอตรงข้ามเทคนิคสัตหีบนั้น ขอย้ำว่าของจริง ผมเรียนที่เทคนิคสัตหีบ เปงเวลา 5 ปี แวะเวียนไปบ่อยๆ เพราะเพื่อนๆผมชอบไปนั่งกินเหล้าบ้างล่ะ ต่อยกันตัวๆบ้างล่ะ แต่ก็ยังไม่เคยเจออ่ะนะ แต่เค้าว่า ของจริงงงงงงง
เร็วๆนี้เจอแน่ครับ...
บันทึกการเข้า

ถึงเวลาต้องจากกันแล้ว  คงเหลือใว้แค่มิตรภาพ
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #190 เมื่อ: 29 มกราคม 2009 22:22:52 »

ที่คุณปูมเอ่ยว่า หอตรงข้ามเทคนิคสัตหีบนั้น ขอย้ำว่าของจริง ผมเรียนที่เทคนิคสัตหีบ เปงเวลา 5 ปี แวะเวียนไปบ่อยๆ เพราะเพื่อนๆผมชอบไปนั่งกินเหล้าบ้างล่ะ ต่อยกันตัวๆบ้างล่ะ แต่ก็ยังไม่เคยเจออ่ะนะ แต่เค้าว่า ของจริงงงงงงง
เร็วๆนี้เจอแน่ครับ...

ผมกับเพื่อนๆไปเมาอยู่ ข้างๆ โรงแรมหน้า วิทลัยอ่ะ พอมืด ไอ้ตรงนั้นอ่ะ มีคนไปยืนโบกมืออยู่บนบ้านครับ - -" (รึเมาจนตาฝาด ไม่น่าจะใช่)

ผมก็จบ  Thai-Aus นะ  หุหุหุ (-..-)
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
yamapee66
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 260


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #191 เมื่อ: 30 มกราคม 2009 08:34:49 »

ง่า.........เรียนที่เดียวกันเลย ผมรุ่น 29 ครับ!
บันทึกการเข้า

Server Dreambox:: True / DTV / VTC_HD / K+ / Astro / พม่า CBAND คุณภาพสูง เพียง 150/เดือน เร็ว แรง ลื่น Tel.085-1489347

http://www.facebook.com/Datasky66

http://www.facebook.com/girlspattaya
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #192 เมื่อ: 01 เมษายน 2009 19:22:42 »

เรื่องจิง ง** นู๋ม่ายกล้ากลับบ้าน !!
ก๊คือว่าเมื่อคืนอยุบ้านคนเดียวตอนประมาณ4ทุ่ม
แม่ออกปัยงานเลี้ยง ง กว่าจากลับก๊ตี1-2
เราก๊เรยหั้ยแฟนมาอยุด้วยอ่ะ
ตอนนั้นเราอยุกับแฟน2คน
แล้วเราก้(เกือบ)มีรัยกัน
แล้วเราก๊ขอปัยอาบน้ามก่อน
ตอนอยุในห้องน้ามก๊ด้ายยินเสียงดังอยุที่ห้องครัว
เราก๊อาบเสดพอดี
แล้วมาดูที่ห้องครัว..มานก๊ม่ายมีราย
เราก๊เลยถามแฟนว่า"เมื่อตะกี้ด้ายยินเสียงรายป่าว"
เค้าก้บอกว่า
"เสียงมาจากห้องครัว..ก้คิดว่าเปนเสียงแม่ก้อย"
เราก้เลยปัยดูอิกทีก้ม่ายมีรัย
ก้เรยพูดกับแฟนว่า"บ้าร๋อ..ท่าแม่อยุบ้าน..กูคงม่ายหั้ย..คุณ..มาอยุเปงเพิ่นหลอก"
แฟนเราก๊เรยพูดว่า"สงสัยคงเป็นตาก้อยมั้ง"(ตาเราเพิ่งเสียปัย3เดือนกว่า)
เราก้แค่พูดเล่นๆกันแค่เนี้ย..+
แล้วแฟนก๊อยุเปนเพิ่นเราปัยถึงตี1กว่า
แม่ก๊มา..เค้าก๊กลับบ้าน
เราก๊ง่วงเรยขอปัยนอน
พอตื่นช้าวขึ้นมา..
แม่ก๊เล่าหั้ยฟังว่าเมื่อคืนฝันถึงตา
ตามั่ยพอจัยที่เราพาแฟนมาอยุด้วยที่บ้าน
แล้วบอกว่าท่าจาเอาแฟนมาก๊อย่ามาเหยียบบ้านกู
แล้วประมาน10โมงกว่าๆ
เราก๊ปัยหาแฟนที่บ้าน..
แฟนเราก๊เล่าหั้ยฟังว่า..
เมื่อคืนฝันถึงตาเรา
บอกว่าอย่ามาทัมรัยมั่ยดีที่บ้านกู
ท่าจะทัมหั้ยปัยทัมทิอื่น


**เห้อ อ...เกียจเล่าละ
ตอนนิเราม่ายกล้าเข้าบ้านเรยอ่ะ
- -

คนแต่ง KoYKunG* ขออ้างอิงนิดนึง (จาก นารัก)
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #193 เมื่อ: 01 เมษายน 2009 21:08:04 »

เล่าเรื่องโดย : คุณเชาวลิต - คุณอรวิภา สาครวิมล จ.สมุทรสาคร
รวบรวมโดย : เมตตาเจโตวิมุติ


เรื่องที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เมื่อประมาณเดือนกันยายน พ.ศ. 2549 ที่จังหวัดสมุทรสาคร

เรื่องมีอยู่ว่า มีวันหนึ่ง น้องชายซึ่งเป็นลูกของน้าสาวของข้าพเจ้า โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือ บอกว่าภรรยาเขามีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ไปหาหมอรักษาที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร หมอได้ตรวจอย่างละเอียดอ๊กซ์เรย์ แล้วก็หาสาเหตุไม่พบ ได้แต่ฉีดยาบรรเทา ปวดเท่านั้น! เป็นอย่างนี้มาร่วมเดือน เขาจึงอยากจะย้ายโรงพยาบาลแต่ไม่มีเงิน จึงโทรมาขอความช่วยเหลือ ข้าพเจ้ารับปากว่าจะช่วยเหลือ เรื่องเงินในการรักษา

แต่พอดีข้าพเจ้าได้รู้จักและติดตามอาจารย์อยู่ท่านหนึ่งมา เป็นเวลา 5-6 ปีแล้ว ท่านเป็นฆราวาส ที่รักษาศีลไหว้พระสวดมนต์อย่างเคร่งครัด สามารถรักษาคนเจ็บป่วยที่ไปรักษาหมอหลวงแล้วไม่หาย ถ้าผู้นั้นหมดกรรมได้รักษากับท่าน ผู้นั้นก็จะหายจากอาการเจ็บปวด หรือ
ทุเลาลงได้แล้วแต่บุญ ? กรรม จึงแนะนำให้ภรรยาของน้องชายมาลองรักษากับอาจารย์ดูก่อน ถ้าไม่หายจริงๆ ค่อยย้ายโรงพยาบาล

เมื่อมาพบอาจารย์ ภรรยาของเขาก็ได้แต่ร้องไห้ ตัวสั่น เมื่อเห็นดังนั้น ข้าพเจ้าก็คิดว่าในร่างกายของเขาคงไม่ได้เจ็บปวดธรรมดา ด้วยความสงสารและอยากช่วยเหลือ ข้าพเจ้าจึงถามเขาว่าอยากให้เราช่วยก็ขอให้สื่อสารออกมาให้รู้ ตอนหลังเขาก็ร้องไห้อย่างน่าเวทนา เหมือนคนกำลังทุกข์ทรมาน

ข้าพเจ้าก็เอามือลูบหลังเขาด้วยความสงสาร บอกว่าจะช่วยเหลือเขาทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ยอมพูดกับใคร
เพราะเขา กลัวคนมีวิชาจะดึงจิตเขาไปเป็นบริวาร เหมือนเขารู้ว่าเราจริงใจเขาจึงยอมบอก ตอนแรกคิดว่าเขาพูดไม่ได้จึงให้เขาเขียนใส่กระดาษทุกวันนี้ยังเก็บไว้ เขาเขียนชื่อ นามสกุล บ้านเลขที่อย่างละเอียด ร้องไห้บอกว่าอยากกลับบ้านไปหา พ่อ แ ม่ พี่ น้อง เขาค่อยๆ เล่าหลายครั้งกว่าจะรวบรวมเรื่องราวให้ครบ เพราะเวลาเขามามีอาการเหมือนคนทุกข์ทรมาน รวมทั้งจะทำให้ภรรยาของน้องชายปวดท้องมากทุกครั้งที่เขามา เราจึงถามเขา เก็บข้อมูลทีละเล็กละน้อย

สรุปได้ว่า เขาเป็นคนจังหวัดน่าน มาทำงานเป็นช่างไม้ สร้างวัดเกตุมวดี เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๕ โดยที่ทางบ้านไม่ทราบ ตอนนั้นเค้าอายุ ๑๗ ปี พอมา พ.ศ.๒๕๑๙ เขาโดนรถชนตายขณะยืนซื้อของอยู่ข้างทางหน้าวัดบางปิ้ง เขาเช่าบ้านอยู่แถวนั้น

เขาเล่าว่า ตอนนั้นมืดแล้ว รถกะบะพุ่งชนเขาอย่างแรง โดนทับที่ท้องกลางลำตัว แหลกละเอียดตายคาที่ จึงเป็นเหตุให้ภรรยาของน้องชายปวดท้อง เวลาเดินต้องเอามือกุมท้องเหมือนคนไส้จะไหลออกมาอย่างนั้น ทางบ้านก็ไม่ทราบว่าเขาตายแล้ว เพราะเขามาทำงานกับเพื่อน ๒ คนแต่แยกกันอยู่คนละที่ หมายถึงเขาตายไปแล้ว ๓๓ ปีถ้ายังมีชีวิตอยู่ตอนนี้เขาก็อายุประมาณ ๕๐ ปี และเขายังไม่หมดอายุขัย ที่สำคัญเขาบอกว่าตอนมีชีวิตอยู่ไม่ค่อยได้ทำบุญทำทานเอาไว้ จึงยังไม่ไปไหน เขาจึงทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวด จากการโดนรถทับ วนเวียนอยู่จนมาอาศัยอยู่ที่สะพานท่าจีนใกล้กับวัดกลางอ่างแก้ว ซึ่งภรรยาของน้องชายต้องผ่านไปมาทุกวัน

เขายังบอกอีกว่า เหตุที่อยากมาเจอข้าพเจ้ากับสามี เพราะเขาเคยได้รับอานิสงส์ผลบุญจากการ ' สวดมนต์เมตตาใหญ่ แบบพิสดาร ' แล้วแผ่เมตตาของข้าพเจ้ากับสามีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาเล่าให้ฟังอย่างน่าสงสารว่า เวลามีคนแผ่เมตตาส่งบุญมาให้ พวกเขาจะต้องแย่งกัน เขาบาดเจ็บแย่งไม่ไหว ก็ไม่ได้รับเขาบอกว่าทุกคนอยากได้ แต่จะไม่ได้กันทุกคน ต้องนั่งกอดเข่ารอ (เขาทำท่าประกอบด้วย) แล้วลุกขึ้นแย่งกันเวลาได้รับผลบุญจะเป็นแสงสีเหลืองทองส่องลงมาที่ตัวเขา

ดังนั้น เขาจึงพยายามที่จะได้เจอข้าพเจ้ากับสามี โดยการเกาะมากับร่างของภรรยาของน้องชาย แล้วดลใจให้น้องชายโทรศัพท์หาข้าพเจ้าทั้งที่ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้ากับน้องชายคนนี้ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน หลังจากนั้นข้าพเจ้ากับสามีก็รับปากว่าจะพาเขาไปส่งกลับบ้าน แต่ขอให้เขารับปากว่า ถ้าถึงบ้านแล้วต้อง ทำให้ภรรยาของน้องชายหายจากอาการปวดท้องอย่างเด็ดขาด

เขาก็รับปากระหว่างนั้น เขาได้มาเข้าฝันภรรยาของน้องชายว่าให้หาศาลพระภูมิไม้และรูปปั้นผู้ชายแล้วปิดทอง เพราะเมื่อกลับถึงบ้านเขาจะได้อาศัยอยู่ในนั้น แล้วนำไปลอยน้ำ ที่ให้ปิดทองเพราะเขาบอกว่าไปอยู่ในน้ำจะได้สว่างไม่ต้องใช้เทียน เราก็ทำตามทุกอย่าง นอกจากนั้น เขายังให้จัดซื้อเสื้อผ่าพร้อมเงิน 90 บาท อธิษฐานให้จิตวิญญาณทั่วไปที่มีอีกมากมาย เพราะบางคนไม่มีเสื้อผ้า! ใส่หรือไม่ก็เก่ามากแล้ว แล้วนำไปบริจาคให้คนยากไร้

ช่วงเวลาที่ได้พูดคุยกับเขาได้รู้อะไรมากมาย เช่น คนจีนชอบเผากระดาษส่งของให้บรรพบุรุษเขาบอกว่าจริงๆ แล้ว เขาไม่ได้รับหรอกต้องไปซื้อหาสิ่งของที่จะส่งให้ แล้วนำมาอธิฐาน เอ่ยชื่อให้คนรับนำไปถวายเป็นสังฆทาน แล้วนำไปบริจาคให้คนยากจนให้ได้ใช้ประโยชน์จริง บรรพบุรุษจึงจะได้รับ ใครทำความดี ทำบุญมากๆ สวดมนต์ภาวนา ผู้นำจะมีเกราะเป็นแสงสีเหลืองทองสุกสว่างป้องกันตัว ไม่มีใครทำอะไรได้

หลังจากนั้นประมาณ ๑ สัปดาห์ ข้าพเจ้ากับสามีและญาติๆ ก็ออกเดินทางไปจังหวัดน่าน ก่อนหน้านั้นจากการช่วยเหลือของลูกศิษย์ของอาจารย์ที่ข้าพเจ้านับถือ ได้เช็คข้อมูลของเขาก็ปรากฎว่ามีชื่อ นามสกุล บ้านเลขที่นั้นอยู่จริง แต่ไม่ได้ติดต่อกับทางราชการมานานแล้วจนกลายเป็นคนสาบสูญไปแล้ว จึงทำให้พวกเรามั่นใจว่าเราคงไม่โดนเขาหลอกไปถึงจังหวัดน่าน ไปถึงประมาณบ่าย ๒ โมงกว่า วนหาบ้านเขาอยู่นาน เขาก็พยายามนึก เขาบอกว่าผ่านไป ๓๐ กว่าปีแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก พวกเรานัด กับลูกศิษย์กับอาจารย์ที่หน้าวัดภูมินทร์

เมื่อเขาเห็นวัด เขาทำท่าดีใจอยากจะลงไปกราบพระ เราก็พาลงไปแต่เขาเข้าโบสถ์ไม่ได้ ต้องให้อาจารย์อธิฐานขอพระประธานในโบสถ์ให้ เขาจึงเข้าไปกราบได้ ข้าพเจ้า ส่งเงินให้เขา ๑๐๐ บาท บอกว่ายกเงินให้เขาเอาไปหยอดตู้ทำบุญ จะได้มีผลบุญติดตัวกลับไป

ลูกศิษย์อาจารย์ก็ช่วยขับรถนำพวกเราไปบ้านเขา พอใกล้จะเจอบ้านเขา เขาก็บอกว่าให้รีบพาเขาไปส่ง เพราะวันนั้นเป็นวันพระ เดี๋ยวท่านไม่ให้กลับเขาบอก เราจึงนิมนต์พราะสงฆ์จากวัดพระธาตุแช่แห้งมาสวดส่งวิญญาณให้เขาตามที่เขาขอ พอทำพิธีเสร็จก็เอาศาลพระภูมิ พร้อมกับมอเตอร์ไซด์(เด็กเล่น) ที่เขาอยากได้สมัยมีชีวิตอยู่ลอยลงไปในแม่น้ำน่าน ใกล้กับบ้านของเขาที่ตอนเล็กๆ เขาเคยว่ายน้ำเล่น

จากนั้นเขาก็มาผ่านร่างภรรยาน้องชายอีกครั้ง เขาร้องไห้น้ำตาไหล บอกว่าดีใจมากที่ได้กลับบ้านและรู้สึกเสียใจที่จะไม่ได้เจอกับพวกเราอีกแล้ว ข้าพเจ้าเองก็อดใจหายไม่ได้ ได้แต่บอกว่าจะทำบุญสวดมนต์อุทิศไปให้ คอยรับนะ เกิดชาติหน้าค่อยมาเจอกันใหม่ก็แล้วกัน และบอกเขาอีกว่าทุกคนในที่นี้ดีใจที่ได้ช่วยเหลือเขา เขายกมือไหว้ขอบคุณทุกคน พร้อมกับร้องไห้ก้มลงกราบข้าพเจ้าที่ตัก ข้าพเจ้ารู้สึกตื้นตันใจมาก หันไปหาสามีของข้าพเจ้าแล้วบอกให้เขาขอบคุณเพราะเขาเป็นคนสำคัญที่สุด

เป็นทั้งคนขับรถมาส่งจากมหาชัยจนถึง จังหวัดน่าน ภายในวันเดียวกัน แล้ว ยังออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยไม่ได้หวังผลตอบแทน เขาน้ำตาไหลก้มลงกราบที่เท้าของสามีของข้าพเจ้า ภาพนั้นทำให้ทุกคนอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้จริงๆ แล้วเขาก็ล้มลงที่ตักข้าพเจ้าแล้วจากไป นับจากวินาทีนั้นภรรยาของน้องชายก็มีความรู้สึกเบาเนื้อเบาตัว และที่สำคัญไม่ได้มีอาการปวดท้องอีกเลย นั่นคือสิ่งที่เขารับปากไว้แล้วทำตามจริงๆ จนถึงทุกวันนี้เวลาข้าพเจ้านึกถึงเหตุการณ์นั้นเมื่อไหร่ก็อดที่จะมีความรู้สึกอิ่มเอมใจเสียทุกครั ้ง เพราะเชื่อว่าคงไม่เคยได้มีใครได้มีโอกาสช่วยเหลือจิตวิญญาณที่ทนทุกข์ทรมานมากกว่า ๓๐ ปีให้ได้กลับบ้านเกิด

เรื่องทั้งหมดที่ท่านได้อ่านมานี้ อาจจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินจริง แต่ข้าพเจ้าขอรับรองว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และสาเหตุที่ข้าพเจ้านำมาเขียนบอกเล่ากับท่านให้หมั่นทำแต่ความดี ทำบุญทำทานสร้างกุศล ไหว้พระสวดมนต์เสียตั้งแต่ตอนมีชีวิตอยู่ แล้ว แผ่เมตตาให้ตัวท่านเอง ให้แก่เทพเทวาประจำตัวท่าน เทพเทวาจะได้มีบารมีสูงพอที่จะช่วยเหลือท่านในยามคับขัน ให้แก่ผู้อื่นตามแต่ใจท่าน ยิ่งแผ่ยิ่งเพิ่มพูนมากมายทวีคูณ ข้าพเจ้าขอให้อานิสงส์ผลบุญแห่งความดี ที่ท่านจะได้สร้างต่อไปนับจากนี้

ขอจงส่งถึงเจ้าของเรื่องโดยตรง คือนายสมบูรณ์ ภูมินทร์ จิตวิญญาณแห่งลุ่มน้ำน่าน ที่แม้เป็นเพียงจิตวิญญาณก็ยังรักษาคำพูดร่วมทั้งผู้เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือนายสมบูรณ์ ภูมินทร์ ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวผู้อ่านเอง เพราะแค่ท่านได้อ่าน ไม่ได้ประสพกับตัวเองจริงๆ ท่านยังเกิดแรงบันดาลใจในการทำความดี ดังนั้น ก็ขอให้สิ่งดีๆ ที่ท่านจะได้ทำต่อไปส่งผลให้ท่านพร้อมทั้งคนที่ท่านรักทุกคน มีแต่ความสุข ความเจริญ พบเจอแต่สิ่งดี คิดหวังสิ่งใดในทางที่ทีด ก็ขอให้สมปรารถนาทุกประการทั้งภพนี้ และภพหน้าด้วยเทอญ

--------------------------------------------------------------------

เรื่องที่ลงนี้ ได้รับมาอีกทีจากพี่ที่รู้จักกันฮะ จะเชื่อหรือไม่ สุดแท้แต่วิจารณญาณของแต่ละท่าน แต่สิ่งที่เป็นข้อคิดได้ดีคือ เวลาที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราควรจะสร้างความดี ให้มากเท่าที่ชีวิตเราจะทำได้ และความดีหลายๆอย่าง ก็ไม่จำเป็นจะต้องเสียทรัพย์ อย่างเช่น สวดมนต์ นั่งสมาธิ เราก็จะได้บุญกุศล และไม่เสียทีที่เกิดเป็นชาวพุทธ
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #194 เมื่อ: 01 เมษายน 2009 21:09:51 »

เรื่องผีๆ (แท๊กซี่โดนผีหลอก)

ถ้าพูดถึงเรื่องผีดุๆ มีอยู่ที่นึง เอ่ยชื่อหลายคนคงรู้จัก นั่นคือแถวเดอะมอลล์งามวงวาน แถวนั้นตึกที่พักสูงๆเยอะ คนกระโดดตึกฆ่าตัวตายบ่อย กลางดึกมีคนเจอดีหลายคนแล้ว โดยเฉพาะคนขับแท๊กซี่โดนบ่อย ตอนดึกๆมักมีผู้หญิงสาวมาเรียกรถแท๊กซี่  ส่วนใหญ่จะบอกให้ไปส่งแถววัดโน่นวัดนี่ แต่พอขับไปสักพักปรากฏว่า ไม่มีผู้โดยสารสาวอยู่ในรถเลย จนเดี๋ยวนี้ไม่มีรถแท๊กซี่คันไหนกล้ารับผู้หญิงที่เรียกรถตอนดึกแถวเดอะมอลล์งามวงวานเลย แต่ก็อย่างว่าแหละครับ มันต้องมีคนที่ไม่กลัวมั่งล่ะ นั่นคือ ลุงคนนึงแกเพิ่งมาขับแท๊กซี่ใหม่ๆ แกชื่อลุงกล้า ก็กล้าสมชื่อครับ คืนนั้นเวลาประมาณตีสองเห็นจะได้ แกขับรถผ่านหน้าเดอะมอลล์งามฯ แกก็นึกถึงเรื่องผีผู้หญิงที่มักเรียกรถแท๊กซี่ตอนดึก แต่ลุงกล้าแกไม่กลัวครับ แกเลยขับช้าๆมองหาว่าจะมีจริงตามที่เขาเล่าหรือปล่าว แล้วแกก็เจอจริงๆครับแกเห็นผู้หญิงคนนึงโบกมือเรียกรถ ลุงกล้าก็เลยจอดรับลองดูว่าจะผีหรือคน ผู้หญิงคนนั้นแต่งชุดสีดำหน้าตาดีทีเดียวครับ  บอกลุงกล้าให้ไปส่งที่วัดธาตุทอง(แถวสุขุมวิท พระโขนง) ลุงกล้าแกก็เห็นเค้าเป็นคนนี่ไม่เห็นจะเป็นผีตรงไหนเลย แกก็รับผู้หญิงชุดดำคนนั้นมา  ขับไปแกก็เหลือบมองกระจกส่องหลังตลอด ก็เห็นผู้โดยสารสาวสวยคนนั้นยังนั่งอยู่ ลุงกล้าก็เลยขับมาเรื่อยๆ ขับมาถึงประมาณถนนพระราม 9 ไฟข้างถนนค่อนข้างสว่างลุงกล้าก็มองกระจกส่องหลัง เท่านั้นล่ะครับ ลุงกล้าแกเสียวสันหลังวาบเลย เพราะหญิงสาวผู้โดยสารไม่อยู่ตรงเบาะหลังแล้วครับ ลุงกล้าที่ตอนนี้ไม่เหลือความกล้าแล้ว พยายามมองผ่านกระจกก็ไม่เห็นแล้วครับ  ลุงกล้าก็เลยนึกในใจ  โดนแน่แล้ว แกก็เลยจะจอดรถเพื่อที่จะได้หายกลัว แต่กลิ่นน้ำหอมยังฟุ้งอยู่เต็มรถ ลุงกล้าแกก็นึกในใจว่า วิญญาณน่าจะยังอยู่ในรถ เราคงมองไม่เห็น คงต้องไปส่งให้ถึงวัดธาตุทอง ถ้าถึงที่หมายแล้วกลิ่นน้ำหอมคงจะหายไปด้วย คิดได้ ลุงกล้าแกก็เลยเหยียบคันเร่งสุดชีวิต เพิ่อให้ถึงวัดธาตุทองไวๆ พอใกล้จะถึงวัดอีกประมาณไม่เกินสองกิโลเมตร ลุงกล้าก็เหลือบไปมองกระจกส่องหล้ง คุณพระช่วย!!! ผีสาวชุดดำกำลังนั่งจ้องตาถ..คุณ..ทึง ลุงกล้าแกเบรกรถแทบชนฟุตบาธ พระที่อยู่หน้ารถกี่องค์ลุงกล้าแกเอามือรวบมากอดไว้หมดเลย คาถงคาถากี่บทที่ลุงกล้านึกได้ เอามาสวดหมดเลยครับ บทพาหุงที่ว่าแน่ หรือสุดยอดพระคาถาอย่างชินบันชรลุงกล้าแกสวดมั่วไปหมด หันไปมองข้างหลังทั้งๆที่เหงื่อแตกพลั่ก เห็นผีสาวที่ตอนนี้มีแต่รอยเลือดสีแดงเลอะเต็มหน้า ยังทำตาถ..คุณ..ทึงใส่แก ลุงกล้าเลยหันกลับมา ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยต้องทำใจดีสู้เสือ ถ้าไม่กลัว ผีก็คงไม่ทำอะไรแน่ ลุงกล้าเลยหันกลับไป แล้วถามทั้งๆที่เสียงสั่นว่า "ขอโทษนะครับคุณ  ไม่ทราบว่าเป็นอะไรตายครับ"  ผีสาวยิ่งโกรธไปใหญ่แล้วพูดว่า  "ตายพ่อตายแม่..คุณ..เหรอ กูก้มลงไปแต่งหน้าแป๊บนึง ..คุณ..เหยียบซะหน้ากูเลอะลิปติกหมดเลย"

 













 ฮากลิ้ง ฮากลิ้ง ฮากลิ้ง ฮากลิ้ง
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #195 เมื่อ: 01 เมษายน 2009 21:10:23 »

คำสาปฟาโรห์

 
                     ในคืนวันที่ 5 เมษายน 2532 ชาวนาได้รวมกำลังกัน รวมทั้งเจโลเนคด้วยได้ลักลอบเข้าไปในประสาทน่ากลัวและวังเวง
   ของฟารอนท่ามกลางความมืดมิดใครบังอาจขุดสุสานต้องมีอันเป็นไปท่ามกลางดึกอันเงียบสงัดที่บ้านในชนบทประเทศอังกฤษ
   สุนัขตัวหนึ่งได้หอนอย่างโหยหวนเสียงของมันทำให้ทุกคนในบ้านนั้นตื่นขึ้นมาด้วยความเสียวสยองขนลุกไปตาม ๆ กันมันเฝ้าแต่หอน
   จนเหนื่อยอ่อนล้มฟุบขาดใจตายไปอย่างเวทนา

      เหตุการณ์ประหลาดนี้เกินขึ้นที่บ้านของนักโบราณคดีสมัครเล่น ลอร์ดคาร์นาร์วอนอายุ 57 ปี ที่แฮมไชร์ ในเวลาเดียว
   กับที่สุนัขส่งเสียงหอนนั้นห่างออกไปหลายพันไมล์ ลอร์ดคาร์นาร์วอน เองกำลังอยู่ในขั้นโคม่าทุรนทุรายใกล้จะตายอยู่ในห้องโรงแรม
   คอนติเนตอล นครไคโร ประเทศอียิปต์นี่คือที่มาจากอาถรรพ์คำสาปแช่งของฟาโรห์ ยุวกษัตริย์ตุตันคาเมนแห่งอียิปต์โบราณ ได้สำแดง
   อิทธิฤทธิ์คร่า 2 ชีวิตแรก สุนัขและเจ้าของแล้วติดตามต่อมาด้วยความตายอย่างลึกลับอีกหลายชีวิต ด้วยคำสาปแช่งนี้ลอร์ดคาร์นาร์วอน
    เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องอียิปต์โบราณได้ทราบดีมาก่อนแล้วในระหว่างที่เขาวางแผนการที่จะขุดค้นหาขุมสมบัติในสุสานฟาโรห์ขณะที่เขายัง
   อยู่อังกฤษ ได้รับคำเตือนจากเคานต์ฮามอนผู้เชี่ยวชาญเรื่องไอยคุปต์อีกคนหนี่งว่า "
      
      ท่านลอร์ดไม่ควรที่จะเข้าไปในสุสานฟาโรห์ เพราะจะพบกับความวิบัติถ้าหากยังขัดขืนไม่เชื่อฟังจะได้รับความทุกข์ทรมาน
   จากความเจ็บไข้และไม่อาจรักษาได้ ความตายจะมาหาท่านเองใน อียิปต์" ลอร์ดคาร์นาร์วอนก็มีความวิตกกังวลในเรื่องนี้อย่างยิ่ง เขา
   ได้ไปหารือกับโหรที่มีชื่อเสียงถึง2 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งเขาก็ได้รับคำทำนายว่า จะพบกับความตายอย่างลึกลับแม้ว่าจะมีความวิตกกังวล
   ในเพียงใด ลอร์ดคาร์นาร์วอนได้เดินหน้าที่จะขุดปิระมิดของฟาโรห์ต่อไปเพราะเขาใฝ่ฝันและได้รับแรงดลใจมาหลายปีแล้ว เมื่อเขา
   เดินทางไปถึงอียิปต์คำสาปแช่งของฟาโรห์เริ่มปรากฎแววให้เห็นนับตั้งแต่คนงานพื้นเมืองที่จ้างให้มาขุดสุสานใต้ปิระมิดที่ลูซอร์ตื่น
   ตระหนกล้มเจ็บและหนีหายไป อาร์ธอร์ ไวกัลล์ เพื่อนร่วมทีมที่ใกล้ชิดของเขาคนหนึ่งได้เกิดหวาดหวั่นขึ้นมาถึงกับกล่าวว่า

      "ถ้าหากคาร์นาร์วอนยังคงดื้อดึงขุดสุสานต่อไป ชีวิตเขาจะไม่ยืนยาว" ในวันที่17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2466 คาร์นาร์วอน
   และคณะได้ขุดปิระมิดเข้าไปถึงสุสานห้องที่ไว้พระศพของฟาโรห์ตุตันคาเมนภายในนั้น ลอร์ดคาร์นาร์วอน และ โฮเวิร์ด คาร์เตอร์
   คู่หุชาวอเมริกันได้พบทรัพย์สมบัติจำนวนมากทั้งเพชรนิลจินดารวมทั้งโลงทองคำที่บรรจุมัมมี่ของพระศพยุวกษัตริย์เหนือสุสานนี้มี
   ข้อความอักษรอียิปต์โบราณซึ่งแปลได้ว่า"มัจจุราชจะมาสู่ผู้ซึ่งรบกวนการบรรทมของฟาโรห์"สองเดือนต่อมาลอร์ดคาร์นาร์วอนซึ่ง
   ตอนนั้นมีชื่อเสียงขึ้นมาในการค้นพบขุมทรัพย์ได้ตื่นขึ้นภายในห้องที่โรงแรมคอนติเนตอลและกล่าวว่า "เหมือนกับอยู่ในขุมนรก"ซึ่งเป็น
   จังหวะที่ลูกชายของเขาเข้ามาในห้องนั้นพอดี หลังจากนั้นลอร์ดคาร์นาร์วอน ก้ไม่ได้สติ คืนนั้นเอง ความตายได้มาคร่าชีวิตเขาไปลูกชาย
   ของเขาได้เล่าถึงเหตุการณ์ตอนนั้นว่า"แสงสว่างเหมือนดูเหมือนจะเรื่องรุ่งขึ้นไปทั่วนครไคโร

      ผมต้องจุดเทียนแล้วสวดมนต์" ความตายของ ลอร์ดคาร์นาร์วอนมาจากถูกยุงกัดทำให้เป็นนิวมอเนียแต่ที่น่าประหลาด
   อย่างยิ่งที่มัมมี่ของยุวกษัตริย์ฟาโรห์ก็มีรอยยุงกัดที่แก้มซ้ายซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่ ลอร์ดคาร์นาร์วอน ถูกยุงกัดเหมือนกันหลังจากนั้น
   ไม่นานนัก ความตายก็มาเยือนที่โรงแรมคอนติเนตอลอีก อาร์เธอร์ แมคนักโบราณคดีอเมริกันซึ่งร่วมทีมกันขุดสุสานครั้งนี้ด้วยได้อุทธรณ์
   ว่าเขารู้สึกเหนื่อยอ่อนแล้วทันใดนั้นก็เข้าขั้นโคม่าเขาหมดลมก่อนที่หมอจะมาถึงและทางแพทย์ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาตายด้วยโรคอะไร
   
      ความตายได้มาเยือนผู้เชี่ยวชาญไอยคุปต์อีกคนหนึ่ง เขาคือ จอร์จ กูล์ดเพื่อนสนิทของคาร์นาร์วอนซึ่งได้รีบเดินทางมาอียิปต์
   หลังจากได้ทราบข่าวมาณกรรมของคาร์นาร์วอน กูลด์ได้เดินทางไปที่สุสานของฟาโรห์ ในวันต่อมาเขาล้มฟุบลงด้วยเป็นไข้ขึ้นสูง อีก12
   ชั่วโมงต่อมาเขาถึงแก่กรรม อาร์ซิบัลด์ เรียดนักรังสีวิทยาที่ฉายเอ็กซ์เรย์มัมมี่พระศพฟาโรห์ได้ถูกส่งตัวกลับอังกฤษเพราะเกินอ่อนเปลี้ย
   ไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเฉยๆ แล้วก็ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ริชาร์ด เบธเฮลล์ เลขาส่วนตัว คาร์นาร์วอนในการขุดค้นสุสานครั้งนี้พบว่านอน
   ตายอยู่บนเตียงเนื่องนากหัวใจวาย โจเอล วูลซึ่งเป็นแขกเชิญชุดแรกที่ไปดูสุสาน ตายในเวลาถัดมาไม่นานนักด้วยไข้ลึกลับที่แพทย์ไม่สามารถ
   วินิจฉัยได้ ภายในเวลา 6ปีที่มีการขุดสุสานฟาโรห์ตุตันคาเมน ผุ้ที่ได้ร่วมขุดค้นได้ตายไปถึง 12 คนและภายใน 7 ปีมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ร่วม
   ในการขุดมีชีวิตอยู่นอกจากนี้ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือใกล้ชิดผู้ที่ขุดสุสานจำนวน เกือบ 22 คนได้ถึงแก่กรรมในเวลาไม่สมควร เช่น
   เลดี้คาร์นาร์วอน อีกคนหนึ่งทีฆ่าตัวตายด้วย
      
      เนื่องจากเกิดเป็นบ้าขึ้นมามีผู้เดียวที่ร่วมเป็นหัวหน้าในการขุดสุสานฟาโรห์ที่โชคดีมีชีวิตอยู่คือโฮเวิร์ด คาร์เตอร์ แต่ก็มาตาย
   ตามธรรมชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2482แต่ถึงกระนั้นคำสาปแช่งของฟาโรห์ก็ยังสำแดงอิทธิฤทธิ์ในปีต่อ ๆ มาอีด ในปีพ.ศ. 2509 โมหะเม็ด
   อิบราฮัม ผู้อำนวยการพิพิภัณฑ์โบราณของอียิปต์ซึ่งทางรัฐบาลของเขาได้สั่งให้นักทรัพย์สมบัติของฟาโรห์ ตุตันคาเมนไปจัดแสดงที่
   ปารีส ฝรั่งเศส เขาได้คัดค้านคำสั่งของรัฐบาลและเขาฝันว่าเขาได้เผชิญกับภยันตรายถ้าหากทรัพย์สมบัติของฟาโรห์ถูกส่งออกนอก
   อียิปต์
      หลังจากหารือกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลและคัดค้านไม่สำเร็จแล้วระหว่างที่เขาเดินทางกลับก็ถูกรถชนเสียชีวิต 3 ปีต่อมา ริชาร์ด
   อดัมสัน วัย 70ปี ซึ่งเคยเป็นองค์รักษ์ให้แก่ ลอร์ดคาร์นาร์วอนในการขุดสุสานฟาโรห์และยังมีชีวิตอยู่รอดเหลืออยู่คนเดียวได้ให้สัมภาษณ์
   ทีวีอังกฤษถึงอิทธิฤทธิ์คำสาปแช่ง เขากล่าวว่า"ผมไม่เชื่อในคำสาปแช่ง"แต่หลังจากเดินออกจากสถานนีโทรทัศน์นั่งแท็กซี่กลับบ้านก็เกิด
   อุบัติเหตุเหวี่ยงเขาตกลงจากรถและมีรถบรรทุกคันหนึ่งแล่นเฉียดหัวเขาไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปดเท่านั้นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่อดัมสันได้
   ถูกฤทธิ์ของของคำสาปแช่งครั้งแรกเมื่อเขากล่าวว่าไม่เชื่อคำสาปแช่ง เมียเขาตายภายใน 24 ชั่วโมง ครั้งต่อมาลูกเขาสันหลังหักจาก
   เครื่องบินตก


--------------------------------------------------------------------
   ที่มาของเรื่องโดย [T]
  • [E][Y]
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #196 เมื่อ: 01 เมษายน 2009 21:10:33 »

เรื่อง ล่องแก่งสยอง 

 

      เมื่อเดือนที่แล้ว พวกครอบครัวผมที่บ้านได้ไเที่ยวที่ จังหวัดกาญจนบุรี ไปเที่ยวล่องแก่ง ช่วงเช้าก็ไปเล่นตามประสา
   คนท่องเที่ยว แต่ตอนตกดึก พวกผมก็เพลัยกัน ง่วงกันเป็นแถว ๆ ส่วนผมกับนอนไม่หลับก็นอนอยู่ตรงนั้นกับพ่อผมและพี่สาว
   ผมก็เหลียบไปเห็นโต็ะตัวหนึ่ง และ ก็อดชมไม่ได้ว่า สวยจังเลยแฮะ ไม้สักซะด้วย โต็ะตัวนั้นไช้วางของใช้ต่าง ๆ และ พี่สาวก็เอา
   ของใช้ส่วนตัวเขาวางใว้บนโต๊ะ เช่น ผ้าถุง เสื้อผ้า ต่าง ๆ ที่จำเป็นในการมาท่องครั้งนี้ ผมก็ไมใด้คิดอะไร ตอนนี้ผมก็รู้สึกง่วง ขึ้น
   มาผมก็นอนหลับไป และ ผมก็ฝัน ฝันของผมก็คือ มีผูหญิงคนนหึ่งเขาเดินมาบอกกับผมว่า " แกเป็นใคร แกกล้ามาดูหมิ่นเรา
   พวกแกจะได้รู้สึก เราจะเอาพี่สาวแกไปอยู่กับเรา แล้วแกจะรู้ว่ามารบกวนเราแล้วเป็นยังไง" แล้วตอนนั้นตัวผมก็รู้สึกหนัก ไม่รู้ว่า
   อะไรใหญ่ ๆ มาทับบนมตัวผม ผมอึดอัดมาก และ ผมก็นึกถึงหลวงพ่อสำอางซึ่งท่านเป็นพระที่ทำขวัญให้ผมตอนเด็ก ๆ และ ก็ท่อง
   นโม 3 จบ และ ก็แพร่เมตตา แลพ ผมก็บอกกับสิ่งที่ทับผมและไม่ได้พูดออกมาและผมพูดขึ้นในใจว่า ถ้าเป็นวิญญาณก็อย่ามารบกวน
   กันเลย พวกเรามาเที่ยวเราไม่ได้มารบลู่ท่าน ถ้ารบลู่หรือล่วงเกินอะไรไป พวกเราก็ขอให้ท่าน อโหสิ ให้พวกเราด้วย และ ผมก็ได้ยินเสียง
   เสียงหนึ่งเป็นเสียงของผู้หญิง พูดด้วยน้ำเสียงอ้นเกรียวกราด และ โกธรมาก เสียง เสียงนั้นบอกว่า "มันสายไปแล้ว พรุ่งนี้พี่สาวแก
   ต้องอยู่กับเราที่นี่" แล้วตัวผมก็เบาลงอย่างหน้าใจหาย และ พอถึงตอนเช้าผมก็พูดกับ พ่อและแม่ถึงเรื่องราวที่ผมไได้เจอเมื่อคืน
      
      พ่อกับแม่ เขาตกใจจึงเรียกพระ มาทำบุญไปให้หญิงคนที่เข้าฝัน และ กรวดน้ำไปให้ แต่พระถึงกับเอยปากบอกกับพวก
   เราว่า ผีตนนี้แรงอาฆาตมันมากเหลือเกิน เห็นทีอาตมาคงช่วยอะไรพี่สาวของโยมไม่ได้แน่ แม่ถึงกับร้องให้ และ พูดว่าไม่มีทางที่จะช่วย
   ได้หรอกโยม โยมไปรบลู่อะไรเขาหรือเปล่า แม่ก็บอกว่าเปล่าค่ะ เรามาเที่ยวกันเฉย พระท่านก็พูดว่า ไม่ทีทางหรอกที่ไม่ได้ไปลบลู่ และ
   ถ้าไม่ลบลู่แล้ว ไอ้ผีนั้นมันคงไม่อาฆาตถึงขนาดนี้ได้ ผมก็นึกถึงตอนที่ผมมองโต๊ะตัวนั้นอยู่ ผมก็เห็นเครื่องใช้ของพี่สาวว่างใว้บนโต๊ะ
   และ มีผ้าถุงและกางเกงใน และ ผมก็บอกกับพระท่าน พระท่านก็บอกว่า เห็นไม่ล่ะ คิดไม่ผิด งั้นก็ต้องทำใจล่ะว่าพี่สาวโยมไม่รอดแน่
   อาตมาเสียใจ แต่มีทางเดียวที่รอดคือ ทำบุญให้กับเขาและต้องนำโต๊ะตัวนี้ไปที่วัด และ ทำบุญให้กับเขาทุกวันไม่ขาดสาย อาตมาว่าวิธี
   นี้อาจจะได้ผม และทันใดนั้นพ่อของก็ตกใจตะโกน ว่า แย่แล้วไอ้นุช ( พี่สาวของผมชื่อ นุชรี ) มันบอกว่ามันจะไปเล่นน้ำที่หลังบ้าน
   และ แล้วเราก็ไปดู และสิ่งที่เราเห็นก็คือ พี่สาวของผมตายจมน้ำตายเสียแล้ว พ่อกับแม่ได้แต่ร้องให้ พระท่านก็พูดว่า สายไปเสียแล้ว
   เรามาพบพี่สาวเธอสายไป อาตมาจะส่งวิญญาณให้ไปสู่สูติไม่ให้ต้องทนอยู่กับผีร้ายตนนั้น และ อย่าลืมล่ะว่าต้องทำตามที่อาตมาบอก
   ด้วยว่า ต้องทำบุญให้กับเขาทุกวันและอย่าลืมนำไปที่วัดด้วยล่ะ มันจะได้เป็นศิริมงคลกับครอบครัว และ โยมนุชอาจจะได้รับผลบุญนี้
   ไปเกิดชาติได้โดยไม่ต้องมาอยู่เป็นตัวตายตัวแทนอย่างนี้อีก อาตมาไม่ก่อนนะ พระท่านก้ให้สัปเหรอเอาศพให้ที่วัด แล้วบำเพ็ญกุศล
   และ ฌาปนกิจอีก 3 วันต่อมา และพวกเราก็ทำในสิ่งที่พระท่านบอกพวกเรามา วันที่ 25 กุมภาพันธ์ เป็นวันที่พี่สาวของผมเสียชีวิต




   จากคุณ เคน ผู้ชมส่งมา


--------------------------------------------------------
   ที่มาของเรื่อง Shockfm.com
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #197 เมื่อ: 01 เมษายน 2009 21:11:00 »

เรื่อง   หวงเพื่อนใหม่ 

 

      เกิดเมื่อ 10 ปีที่แล้วคะ ตอนนั้นฝึกงาน ไปพักที่ร้านที่ฝึกงาน แล้วร้านไม่เคยทำบุญน่ะ แบบว่าเป็นร้านเปิดใหม่
   ตอนเรากำลังจะหลับ มีเสียงเดินไปมา แล้วเราเด็กใหม่ ก็สงสัยว่าเสียงอะไรเพราะไม่มีคนอยู่เลย เราคนแรกที่ไปนอนไม่กล้าลุก
   ตอนเช้าเล่าไห้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกว่า ไห้โรยแป้งที่พื้น ให้ทั่ว แล้วค่อยนอน พอตี 3 ได้ยินเหมือนเดิมคะ ไม่กล้าลุกกลัวมาก
   รอจนเช้าคะ ไปดูรอยเท้าเต็มเลย แต่ที่นั่นไม่มีใครนะคะ แต่ความที่เป็นเด็ก ตอนเช้าเลยไปซื่อของไปไห้ แล้วบอกว่า อย่ามาหลอกกันนะ
      
      เราเป็นเพื่อนกันนะ แค่นั้นล่ะเป็นเรื่องถึงชีวิต นอนคืนนั้นเริ่มมาอำ เป็นคนรุ่นเดีนวกันเลย มาแบบน่าสงสานมากคง
   จะเหงา แต่ก็ไม่มีอะไรนะคะจนวันหนึ่ง เริ่มมีคนย้ายมามากขึ้น ก็ห้องไม่พอ เริ่มมีเพื่อนนะคะ ต้องนอนรห้องละ2คน บางทีมาลากขา
   คนที่นอนด้วยไม่ไห้นอน แล้วมาเข้าฝัน ว่าเราหักหลังเค้าไม่รักเค้า โกรธมาก ทุกคนกลัวมาก ตอนกลางคืน เวลาเพื่อนไปเที่ยวกลับมา
   จะเห็นผู้หญิงยืนบนดาดฟ้ามองลงมา น่ากลัวมาก ตอนหลังต้องให้พระมาเลยสงบลงได้ เขาบอกว่า ตายเพราะโดนข่มขืนนะ อายุ 15
   เอง แล้วไม่มีใครรู้เหงามาก พอมาเจอก็เลยหวงเรา

   
   (จากคุณ เจ irc.webmaster.com #ไทยสยอง) 
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #198 เมื่อ: 01 เมษายน 2009 21:11:07 »

เรื่อง   ห้องพักครูที่ปิดตาย 

 
   
      ที่โรงรียนเรา มีอาคารหนึ่งเป็นอาคารของหมวดพลานามัย เมื่อประมาณ5ปีก่อนนี้อาจารย์เล่าว่า ครูหมวดนี้เสียชีวิต
   ไปหลายคน ห้องเราพอดีเรียนที่อคารนั้นพอดี แต่ว่าอาจารย์ไม่เข้าสอน อ้อ!!!ลืมบอกว่าข้างห้องเป็นห้องพักครูที่ปิดตาย
      
      เรากับเพื่อนนั้งเล่น คุยกันอยู่ในห้องจนเกือบจะหมดเวลาเรียน เราทุกคนได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ตอนแรกพวก
   เราก้อคิดว่าดังมาจากโรงเรียนข้างๆ แต่เสียงโทรศัพท์ดัง แต่ไม่มีคนมารับ ( อาคารนี้มันติดกับรั่วของโรงเรียนประถมข้างๆ )
   ฟังไปฟังมาเสียงของมันอยู่ใกล้มากเลย พวกผมกับเพื่อนก้อเริ่มคิดว่ามันต้องเป็นอะไรซักอย่างที่ไม่ใช่คนแน่ เลยพากันจะลง
   ไปข้างล่าง แต่เพื่อนในห้องคนหนึ่งเป็นประเภทชอบลองของ เค้าเลยเดินไปที่ห้องงที่ปิดนั้แล้ว.. ก้อมองรอดใต้ขาตัวเอง
      
      เมื่อมองเสร็จเขาถึงกับพูดไม่ออก ( มีความเชื่อกันว่า ถ้ามองลอดใต้ขาของตนเองจะพบกับ ภูติผี วิญญาณ) เราถาม
   ตั้งหลายรอบเขาก้อไม่บอก แต่วันนั้นห้องเราทั้งห้องขวัญเสียกันหมดเลย ตอนเย็นจึงพากันไปรดน้ำมนต์กันทั้งห้อง ตอนหลังนี้
   เค้าก้อบอกว่าเค้าเห็นคนใส่ชุดข้าราชการสีกากี พอไปดูในอนุสรณ์ ก้อเลยรู้ว่าเป็นอาจารย์ที่เสียไปแล้วเมื่อ5ปีก่อน


   ( จากคุณ เบส irc.webmaster.com ) 


-----------------------------------------------------------
   ที่มาของเรื่อง thaisayong
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
~POOMZA~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,164


ปูม 081-7045833


ดูรายละเอียด
« ตอบ #199 เมื่อ: 01 เมษายน 2009 21:11:20 »

เรื่อง   อุ้มลูกรอผัว 

 

      มันเป็นเรื่องสมัยที่แม่เรายังเป็นสาวๆน่ะ แม่เราเล่าให้ฟัง มีสองสามีภรรยา คนที่เป็นสามีนะ เค้าก็เป็นญาติห่างๆกับแม่
   เราด้วย เค้ามีอาชีพเป็นภารโรงอยู่ที่โรงเรียนประถมแถวบ้าน เค้ามีอาชีพเป็นภารโรงอยู่ที่โรงเรียนประถมแถวบ้าน ส่วนภรรยาของ
   เค้าก็ตั้งท้องได้8เดือนกว่า ใกล้คลอดแล้ว ก็มีอาชีพขายของในโรงเรียนนั้นแหละ วันนึงก็มีการจัดกีฬาสีที่โรงเรียน ผู้หญิงคนนั้น
   เค้าก็วิ่งข้ามถนนไปซื้อของยังอีกฟากหนึ่งของถนน ขณะที่วิ่งข้ามไปนั้นก็ไม่ทันดูรถที่วิ่งมาเพราะรีบร้อน จึงถูกรถบรรทุกที่วิ่งมาชน
   จนเสียชีวิต เป็นภาพที่น่าสลดใจสำหรับผู้พบเห็นมาก เด็กที่อยู่ในท้องยังดิ้นอยู่ และดิ้นแรงมาก แต่ไม่มีใครช่วยอะไรได้
      
      เราคิดว่าถ้าเป็นเดี๋ยวนี้เด็กคนนั้นคงรอดตายแล้ว เมื่อหยุดดิ้นแล้ว คิดว่าตายแล้วนั่นแหละ ก็มีสัปเหร่อมาผ่าท้องผู้หญิง
   คนนั้นด้วยเคียว เพราะถือกันว่าคนตายท้องกลมจะได้ไม่เฮี้ยน พอเสร็จแล้วสามีก็ได้นำศพภรรยาและลูกไปไว้ที่โรงเรียน ที่บ้านพัก
   ภารโรง เพื่อทำพิธีทางศาสนา และได้ทำพิธีตัด ( พิธีตัดคือ ตัดผัวตัดเมีย ตัดพ่อตัดลูกและเหล่าญาติๆ ) พอผ่านไปได้ประมาณ
   หลายเดือนเหมือนกันนะ ก็มีคณะแสดงม้ามาแสดงที่โรงเรียนนั้น เค้าแสดงกันตอนกลางคืน เพราะกลางวันคนส่วนมากจะไปทำงานกันน่ะ
   เด็กๆก็ไปโรงเรียน คณะนั้นเค้าก็มาแสดงกันเป็นเวลาเจ็ดคืน พอตกคืนที่สาม หัวหน้าคณะเกิดคิดอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ เดินไปทำธุระส่วนตัว
   แถวหลังโรงเรียนน่ะ แถวนั้นก็เป็นทุ่งนาด้วย พอทำธุระเสร็จ ก็เห็นผู้หญิงยืนอุ้มลูกอยู่ที่คันนา ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้ด้วย แต่เค้าไม่คิด
   อะไรเลยเดินไปถามว่ามีไรมั้ย ทำไมมายืนร้องให้อุ้มลูกอย่างนี้ล่ะ ผู้หญิงคนนั้นก็บอกไปว่าชั้นถูกผัวทิ้ง หาก็ไม่เจอ นี่ก็หามาตั้งนานแล้ว
   หลายเดือนแล้ว เค้าทิ้งชั้นกับลูก หัวหน้าคณะก็ถามอีกว่า บ้านอยู่ไหน ผู้หญิงก็ตอบไปว่าก็อยู่แถวนี้แหล่ะ แต่เข้าบ้านไม่ได้ ไม่รู้จะไปอยู่ไหน
   เค้าจึงคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนไม่ดี คงมีชู้ และมีลูกกับชู้ เลยโดนไล่ออกจากบ้าน เค้าก็เลยล่ำลาผู้หญิงคนนั้นแล้วกลับไปที่งานต่อ

      พอตอนเช้าก็ถามชาวบ้าแถวนั้นเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น และเล่าเรื่องที่ตัวเองเจอ ชาวบ้านฟังแล้วก็รู้ทันที และเล่าเรื่องเกี่ยว
   กับผู้หญิงคนนั้นให้เขาฟัง และเล่าอีกว่า ที่เขาหาสามีไม่เจอก้เป็นเพราะว่าได้ทำพิธีตัดแล้ว เพราะผู้หญิงคนนั้นตายไปแล้วนั่นเอง ต่อจาก
   นั้นอีกนะ คณะแสดงก็ได้หยุดการแสดงแล้วก็แผ่นไปเลย


   ( จากคุณ ^^teem^^ irc.webmaster.com )
 

-------------------------------------------------------------
   ที่มาของเรื่อง thaisayong
บันทึกการเข้า

...ใต้ฟ้าสีคราม...
หน้า: [«5]  «  1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 15  »  [5»]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!