เพื่อนผมโฟสไว้ในเว็บบอร์ด
www.coronathai.comมีเนื้อหาดังนี้...
สืบเนื่องจากวันเสาร์ที่ 23 เม.ย. 54 เวลาประมาณ 12.30 - 13.10 น. ผมได้เดินทางไปรับแม่มาหาหมอที่ รพ.รามาฯ ตั้งแต่ตีห้าและแยกมาทำรถที่ ซ.ติวานนท์38 แต่ผมลงมาจากทางด่วนวิ่งเข้ามาทางประชานิเวศน์ เจอตำรวจยืนเกะกะอยู่ตามถนน (ซอย) หน้าสนามเทนนิส พวกมันขอตรวจค้น ผมก็ไม่ได้ขัดอะไร ผมมาคนเดียว มันรุมรถผม 5 คน ดึงตัวผมไปนอกรถอีก 1 คน รวม 6 คน มันเอามือล้วงไปในกระเป๋ากางเกงผม หยิบกระเป๋าสตางค์ผมออกไป แล้วมันก็เปิดดูและบอกว่าทำไม..คุณ..พกแบ๊งค์ยี่สิบเยอะจังว่ะ เอาไว้ทำอะไร ผมก็บอกว่าส่วนหนึ่งเป็นแบ๊งค์ที่เวลาไปวัดแล้วผมชอบให้พระปลุกเสกให้ ส่วนด้านหน้าก็ไว้ใช้ มันบอกทำไมไม่มีแบ๊งค์พันบ้าง (มันว่าน่าสงสัย) ซึ่งตอนนั้นผมเห็นท่าไม่ดีก็เลยโทรหาเพื่อน ..ใคร?..พูดว่า..คุณ..โทรหาใคร ไม่ต้องโทรเลยนะ ..คุณ..ไม่ต้องใช้โทรศัพท์ ..คุณ..วางไปเลยนะ แล้วมันก็ค้น ๆ ให้ผมหาเอกสารโน่น นี่ เจอใบเสร็จกินข้าวที่ โรงบาลรามาฯ ..ใคร?..หาเรื่องอีกว่านี่ใบอะไรของ..คุณ..นักหนา ผมก็ตอบว่าอ้าวก็ผมพาแม่ไปหาหมอ ผมกินข้าวก็ต้องมีใบเสร็จซิครับ มันก็ไม่สนแล้วก็สงสัยอยู่นั่นแหล่ะ แต่ไม่..ยุ่ง..อ่าน มันถามต่อรถผมป่าว แล้วก็ถามว่าบ้านอยู่ไหนผมก็บอกว่าอยู่ในซอยสามัคคี แล้ว..ใคร?..ก็ถามว่าแล้วมาจากไหน ผมก็บอกมาจากบ้านฝั่งธนฯ แล้วก็ไปรับแม่มาจากอยุธยาเพื่อหาหมอ ..ใคร?..ว่าทำไมบ้าน..คุณ..เยอะจังว่ะ (อ้าวกลายเป็นกูผิดมีบ้านเยอะ) ไอ้สารวัตรมันเห็นใบขับขี่เป็นคนอยุธยา มันก็เลยถามว่ามีพระไหม ผมว่าไม่มีหรอกไม่ได้เล่น มันก็ว่าไม่มีติดตัวบ้างหรือ สุดท้ายเสียพระเชี่ยนหมาก รูปหลวงปู่ทิม วัดพระขาว ไปหนึ่งชุด ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่า เพราะผมรับกับมือท่านก่อนท่านมรณะภาพ มันก็เลิกยุ่งกับผม แต่ที่เหลือเล่นไม่เลิก มีไอ้ดำ กะไอ้แก่ เอาสบู่ที่เวลาผมไปต่างจังหวัดแล้วโรงแรมเขาให้ไปดมกันใหญ่ หาว่ามียาในสบู่ สารเลวมาก แล้วไอ้สองตัวนี้ก็ให้ผมยอมรับว่าเสพยามาก่อนที่จะมาขับรถนานแค่ไหน เพราะว่างค้นทั้งคันไม่เจอสิ่งผิดกฎหมายใด ๆ ผมก็เลยบอกว่าผมเป็นข้าราชการ ไม่เอาชีวิตมาเสี่ยงกับยาเสพติดหรอก ไอ้ดำมันก็ว่ารับมาเถอะ เป็นข้าราชการด้วยโทษจะได้ไม่หนัก ถ้าตรวจจะหนักกว่านี้นะ ไอ้ตำรวจจัญไรมันก็พยายามให้ผมรับสารภาพว่าเสพ แต่ผมก็เลยพูดกับอีกคนที่เดินมาใหม่ว่า "ตรวจนะผมยินดี แต่ผมไม่พอใจที่ไอ้ดำ กะ ไอ้แก่ มาพูดดูถูกข้าราชการด้วยกันเอง ว่าให้ยอมรับเอาว่าเสพ เป็นข้าราชการด้วย" (ระยำ) ตำรวจคนนี้จึงย้ำว่าเสพหรือป่าว ผมก็บอกว่าผมไม่เสี่ยงหรอกเอาชีวิตข้าราชการ เมีย ลูกเล็ก ๆ และวงค์ตระกูลมาเสี่ยงหรอก พี่ท่านตำรวจคนสุดท้ายนี้ จึงว่าเอ้าผมก็ข้าราชการ น้องก็ข้าราชการเหมือนกัน งั้นพี่ปล่อยน้องไปแล้วกัน
***นี่คือใบเสร็จที่มันสงสัย ขำว่ะ ตำรวจอ่านหนังสือไม่ออก***
*และผมก็ได้โทรหาพี่ที่ติดตาม รัฐมนตรีฯ ตำแหน่งเขาคือหน่วยงานความมั่นคงฯ อยู่ในทำเนียบ ให้ช่วยตรวจสอบด่านดังกล่าว หลังจากโทรประมาณ 20 นาทีพวก..ใคร?..หายครับ แล้วมันก็มีป้ายมาตั้งไว้ริบถนนว่า สภอ.นนทบุรี
*ผมก็โทรหาสมาชิกของเราท่านนึง ไม่ขอเอ่ยนาม เขาก็ได้เช็กไปที่ สารวัตรเมืองนนฯ จึงได้คำตอบว่า มันเป็นตำรวจ ปส. (ตำรวจปราบปรามยาเสพติด) มันจะดูแค่หุ่นให้ก็ฟันธงว่าต้องติดยา (หัว๔วยดิ)
*และได้โทรหาตำรวจท่านนึงซึ่งเป็นตำรวจผลัดเปลี่ยนนำขบวนรถ...เป็นบุคคลสำคัญที่..ใคร?..อ้างว่าเขาท่านนี้มีนโยบายให้ตรวจยาเสพติด พอพี่เขารับรู้เรื่องราวถึงกับหัวเสียให้ผมเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ปล. 1.พกแบ๊งค์ 20 ผิดกฎหมาย ต้องสงสัยพัวพันยาเสพติด 2. มีบ้านตัวเอง กะบ้านเมียอีกหลัง ต้องสงสัย.....3. ถ้าหุ่นผอม ๆ ต้องเล่นยาหมด ต้องรับสารภาพ 4. ข้ารชการกระทรวงศึกษาธิการ ตำรวจดูถูกเราครับ5. น่าสงสารเครื่องแบบที่พวกมันสวมใส่ ช่างไม่มีเกียรติเอาซะเลย 6. โจรยังมีศักดิ์ศรีมากกว่าตำรวจพวกนี้7. ขอสดุดีให้กับตำรวจที่ดี และขอสาปแช่งไอ้ตำรวจจัญไรพวกนี้ ให้เวรกรรมตามมันโดยเร็ว8. ขับรถเข้าเขตทหารที่ว่าเข้มสุด ๆ เปิดมาเจออะไหล่เต็มคันเขายังใช้เครื่องสแกนต์ และให้เกียรติกันเลยครับ 9. คือ ผมโดนพยายามให้ยอมรับว่าเสพยา10. ถ้าผมเป็นอะไรล่ะก็ ผมถึงสื่อแน่นอน เพราะตัวผมก็ทำงานอยู่กับสื่อทุกช่อง ไปทำข่าวงานต่าง ๆ อยู่เกือบทุกวันเมื่อเช้าปรึกษาผู้ใหญ่แล้ว เขาบอกไม่ต้องกลัว กระจายข่าวโดยเร็ว วันหน้าเจออีก จดชื่อมาเลย เรามีสิทธิ์ทำได้ แล้วก็ปรึกษากับนายตำรวจใหญ่แล้ว เรามีสิทธิ์โทรศัพท์หาใครก็ได้ แล้วมารยาทตำรวจไม่ควรล้วงหรือค้นกระเป๋าเรา ต้องเราเป็นผู้กระทำต่อหน้าเท่านั้น