เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
สำนักข่าวเอเชีย-แปซิฟิก รายงานว่า นายนาโอโตะ คัง นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ได้แถลงการณ์แสดงความมุ่งมั่น ระหว่างการเข้าร่วมงานฉลองครบรอบ 50 ปีขององค์กรเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ โออีซีดี (OECD - Organisation for Economic Co-operation and Development) ที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันพุธที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่าจะดำเนินการติดตังแผงโซลาร์เซลล์ไว้บนหลังคาของอาคารบ้านเรือนให้ได้สิบล้านหลัง เพื่อทดแทนพลังงานนิวเคลียร์
ประเด็นเรื่องการหาพลังงานทดแทนนี้ ถูกหยิบยกขึ้นมาหารืออย่างจริงจัง หลังเกิดเหตุเตาปฏิกรณ์ไฟฟ้าของเหตุโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ เกิดการรั่วไหล ปนเปื้อนไปในอากาศ ดิน และน้ำ ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในรัศมี 20 กิโลเมตรรอบโรงงานไฟฟ้า ซึ่งการระเบิดของเตาปฏิกรณ์ไฟฟ้านี้เป็นผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิเข้าถล่มเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนในพื้นที่เสียชีวิตและสูญหายกว่า 25,000 ราย
ทั้งนี้ทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศยกเลิกนโยบายพลังงานแห่งชาติ ที่ตั้งเป้าจะใช้พลังงานนิวเคลียร์เป็นแหล่งพลังงานหลักถึงครึ่งหนึ่งของพลังงานทั้งหมดในประเทศให้ได้ภายในปี 2573 โดยจากนี้ไปจะมุ่งหาพลังงานทดแทนชนิดอื่น เพื่อใช้เป็นพลังงงานหลักของประเทศแทน ซึ่งปัจจุบันนี้พลังงานราว 30% ของทั้งประเทศยังคงได้จากพลังงานนิวเคลียร์
โดยนายคังได้กล่าวต่อไปว่า ญี่ปุ่นจะอาศัยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานทดแทน โดยตั้งเป้าไว้ให้สามารถผลิตพลังงานได้ 20% ของความต้องการพลังงานทั้งประเทศ ภายในปี 2561 หรืออีก 9 ปีข้างหน้า และเพื่อที่จะดำเนินการให้ประสบความสำเร็จ ญี่ปุ่นจะต้องลดค่าอุปกรณ์สำหรับการสร้างพลังงานจากโซลาร์เซลล์นี้ลงให้เหลือหนึ่งในสามของราคาปัจจุบันภายในปี 2561 และเหลือหนึ่งในหกให้ได้ภายในปี 2573 โดยการหาแหล่งพลังงานทดแทนที่ปลอดภัยเป็นประเด็นสำคัญที่สุดของนโยบายพลังงานทดแทนนี้
สุดท้ายนายคังได้กล่าวปิดท้ายว่า การใช้บทเรียนจากวิกฤตการณ์โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ระเบิดนี้ จะทำให้ญี่ปุ่นสามารถสร้างพลังงานทดแทนที่ปลอดภัยและมีมาตรฐานที่สุดได้ในไม่ช้า
ที่มา :
http://hilight.kapook.com/view/59195