พี่ขอเพิ่มเติมข้อมูลทางเทคนิคให้นิดหน่อยนะครับ Fair

สายหัวเทียนแต่ง (Spark Plug Cable) จะมีข้อแตกต่างจากสายหัวเทียน Standard ในทางเทคนิคคร่าวๆ ดังนี้ คือ
1. จะมีค่าความต้านทานไฟฟ้า (Resistance) ของแกนลวดตัวนำไฟฟ้า (Conductance Core) ต่ำกว่าสายหัวเทียน Standard ค่อนข้างมาก (ประมาณ 0.9 Kohm per Meter) ซึ่งสายหัวเทียนแต่งบางรุ่น / บางยี่ห้อ อาจมีค่าความต้านทานไฟฟ้าต่ำกว่าสายหัวเทียน Standard มากถึงประมาณ 25 เท่า จึงมีผลทำให้กระแสไฟฟ้าที่ส่งมาจากจานจ่าย หรือ คอยล์ช่วยจุดระเบิด (Ignition Coil) ไหลเวียนได้สะดวก เกิดกำลังงานสูญเสียในสายต่ำ (Energy Loss) และเกิดแรงดันไฟฟ้าสูญเสียที่ตกคร่อมในสายหัวเทียน (Loss Voltage Drop) น้อย ทำให้การจุดระเบิด (Ignition System) มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งมีผลทำให้ระบบการจุดระเบิดมีความสมบูรณ์ขึ้น เครื่องยนต์จึงสตาร์ทติดง่าย, มีอัตราเร่งที่ดีขึ้น, ประหยัดน้ำมัน และช่วยยืดอายุการใช้งานของหัวเทียน (Spark Plug)
2. จะมีแกนแมคเนติกเฟอไรท์ (Magnetic Ferrite Core) หุ้มทับแกนตัวนำไฟฟ้าเพื่อปิดกั้น Noise (Noise Suppression) ซึ่งเกิดขึ้นจากการจุดระเบิด (Ignition) ของเครื่องยนต์ที่จะปะปนเข้ามาในสายหัวเทียน ทำให้มี Noise ส่งผ่านออกไปรบกวนการทำงานของอุปกรณ์ Electronics ต่างๆ ภายในรถ เช่น ECU, เครื่องเสียงรถยนต์ และ กล่องปรับจูน (Piggy Back) เครื่องยนต์ต่างๆ น้อยมาก
3. จะมีฝอยขดลวดโลหะแบบอ่อนตัว (Sheath) พันโดยรอบถัดจากชั้น Magnetic Ferrite Core อีกหนึ่งชั้นเพื่อป้องกันสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (Electro Magnetic Interference) เข้ามารบกวนอุปกรณ์ Electronics ต่างๆ ภายในรถ และเพิ่มความแข็งแรงต่อแรงดึง (Tensile Strength) ให้กับตัวสายหัวเทียนเมื่อถูกแรงดึงเหนี่ยวรั้ง
4. ตัว Material ของ Silicone ที่ใช้หุ้มสายหัวเทียนจะเป็นแบบ High หรือ Premiun Grade คือ มีโอกาสเกิดแรงดันไฟฟ้ารั่วไหล (Voltage Leakage) ต่ำมาก, ทนความร้อนได้สูง และ ทนต่อการกัดกร่อนของสารเคมี และน้ำมันต่างๆ ได้ดีกว่าสายหัวเทียน Standard
5. สายหัวเทียนแต่งบางรุ่น / บางยี่ห้อ จะมีการต่อสาย Ground Wire มาด้วยในตัวเพื่อช่วยลดค่าความต่างศักย์ทางไฟฟ้า (Potential Difference) ระหว่างขั้วไฟบวก และ ลบ ทำให้ระบบการไหลเวียนของกระแสไฟฟ้าภายในรถเดินได้สะดวก และช่วยส่งผ่าน (Bypass) สัญญาณรบกวนต่างๆ ลง Ground
6. สายหัวเทียนแต่งบางรุ่น / บางยี่ห้อ จะมีการใส่ตัวเก็บประจุไฟฟ้า (Capacitor) มาด้วยภายในสายหัวเทียนเพื่อต้องการให้ตัว Capacitor ทำหน้าที่เก็บและคายประจุไฟฟ้า (Charge and Discharge) เป็นจังหวะต่อเนื่องตามค่าความจุไฟฟ้า (Capacitance) ของ Capacitor นั้นๆ ซึ่งการเก็บและคายประจุไฟฟ้าที่เป็นจังหวะต่อเนื่องติดต่อกันดังกล่าวถือเป็นการกรองแรงดันไฟฟ้า (Filter) ที่ผ่านออกไปทำให้แรงดันไฟฟ้ามีความเสถียร (Stabilization)
สรุป จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่ข้อดีจะเป็นไปในทางไฟฟ้าคือ ระบบการจุดระเบิด (Ignition System) เมื่อมีความสมบูรณ์ขึ้นจึงมีผลทำให้
1. การจุดระเบิดทำได้เร็ว เครื่องยนต์สตาร์ทติดง่าย
2. มีอัตราเร่งที่ดีขึ้น
3. เครื่องยนต์มีการจุดระเบิดที่สมบูรณ์ ทำให้ประหยัดน้ำมัน
4. ช่วยยืดอายุการใช้งานของหัวเทียน
5. เพิ่มแรงบิด (Torque)
6. ลดอาการรอรอบของเทอร์โบ (Decreased Turbo Lag)
ซึ่งข้อดีทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นอาจไม่สามารถรับรู้ได้โดยตรงจากความรู้สึก แต่ต้องทำการทดสอบวัดผลออกมาเป็นตัวเลข ซึ่งถ้านำสายหัวเทียนแต่งไปใส่กับเครื่องยนต์ Standard นั้น ในเรื่องของการเพิ่มแรงม้าอาจจะเห็นผลน้อยมาก เพราะเครื่องยนต์ Standard ไม่มีระบบอัดอากาศจึงไม่ต้องการระบบการป้อนไฟที่ดีขึ้นเพื่อไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจุดระเบิดเหมือนในเครื่องยนต์ที่มีระบบอัดอากาศ ดังนั้นข้อดีต่างๆ ในทางเทคนิคที่กล่าวมาแล้วในตอนต้นอาจเป็นเพียงแค่องค์ประกอบข้อได้เปรียบเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้เครื่องยนต์เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นหรือเพิ่มแรงม้าให้สูงที่
สุดในแง่ของการ Tune Up รถเพื่อการแข่งขันซึ่งอาจหมายถึงมีข้อได้เปรียบมากขึ้นบ้างเท่านั้น
ส่วนข้อปลีกย่อยอื่นๆ ที่อาจจะเป็นความคิดเห็น หรือความชอบส่วนบุคคล ก็อาจจะเป็นในเรื่องของ สีสันที่สวยงามของสายหัวเทียนแต่ง, สามารถถอดออกซื้อ - ขาย ได้ราคาสูง และใส่แล้วภูมิใจว่าเป็นของแต่งเท่านั้น
Composed by EnKai
(24 Novenber 2007)