AE. Racing Club
01 ธันวาคม 2024 04:00:07 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 ... 5  »    ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ขึ้นเงินเดือน ให้กับปริญญาตรี 1,5000 บาท คิดว่ามีผลดีผลเสียมากน้อยแค่ไหน  (อ่าน 14326 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ADVAN RG
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,244



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 16:27:53 »

จากประสบการณ์ของผม เคยทำงานประจำ มีเงินเดือนเกิน 15,000 บาท เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว สถาบันการเงินต่างๆ ติดต่อเข้ามาให้ทำบัตรเครดิต เป็น 10 บริษัท แต่ผมทำไว้แค่ 2 บริษัท และเป็นหนี้บัตรสูงสุด เกือบๆห้าหมื่น กว่าจะเคลียร์ได้ใช้เวลาเป็นปีๆ แต่เพื่อนๆหรือคนรู้จัก เป็นหนี้กันเป็นแสนๆ ใช้กันไม่ไหว ติดแบล็คลิสกันถ้วนหน้าเลย
ปัจจุบัน ใช้บัตรเครดิตใบเดียว ใช้ เติมน้ำมัน ซื้อของในห้าง และเคลียร์ยอดซื้อเต็มจำนวนทุกๆเดือน ใช้ให้เป็นมันมีประโยชน์พอสมควร ปลอดภัยและสะดวกกว่าเงินสดเยอะ

แต่ตอนนี้เป็นห่วงเหลือเกิน ที่คนไทยจะต้องเป็นหนี้บัตรเครดิตอีกเยอะ เพราะขาดประสบการณ์ในการใช้ เหมือนอเมริกา ปี 2008 เป็นหนี้ต่อหัวเกินฐานเงินเดือนของตัวเองเป็น 10 เท่าตัว
มนุษย์เงินเดือน มีเงินเท่าไหร่ ก็ใช้ไม่พอ เพราะยังไม่ถึงสิ้นเดือนเลย ก็คิดไว้ก่อนแล้วว่า เงินออกมาจะเอาไปใช้อะไรบ้าง แถมมีบัตรเครดิตให้ใช้เงินล่วงหน้าได้ก่อนอีก 30,000 บาท ของล่อตาล่อใจในปัจจุบันก็เยอะแยะมากมาย

ใครที่อยู่ในข่ายที่จะได้เพิ่มเงินเดือนเป็น 1,5000 บาท ของรัฐบาล ก็วางแผนการใช้เงินให้ดีๆนะครับ บัตรเครดิตมีได้ แต่อย่าพยายาม กดเงินสดมาใช้ หรือจ่ายขั้นต่ำนะครับ ดอกเบี้ยมหาศาล จะกลายเป็นดินพอกหางหมู ถอนตัวไม่ขึ้น

ตั้งแต่ผลการเลือกตั้งออก หุ้นของสถาบันการเงินในตลาดหลักทรัพย์ ปรับราคาขึ้นมารองรับ นโยบายของรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะปล่อยเงินเข้าสู่ระบบ เพื่อแสวงหากำไรต่อไป

ขอให้ทุกคนโชคดี คำนับ คำนับ คำนับ

บันทึกการเข้า

•—ชๅ€lxล้ๅต้ม<NC.Z>
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,569



ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 16:32:01 »

ถ้าไม่ได้ทำงานของรัฐบาลเงินมันจะขึ้นไหมครับ

เจ้านายดันเป็นคนเกาหลีด้วย เศร้าๆๆๆๆ เศร้า เศร้า เศร้า
บันทึกการเข้า

http://www.facebook.com/#!/profile.php?id=100000603573246
ktp
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 152



ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 16:42:05 »

เชื่อนักการเมืองไม่ได้ครับ ตอนอยากเป็นพูดไปเรื่อย คอยดูตอนเป็นแล้ว จะออกลายเช่นใด ไม่มีกฎหมายฉบับใดบัญญัติไว้ว่า นักการเมืองต้องปฏบัติตามที่ตัวเองพูดหาเสียงไว้ทุกอย่าง ไม่เชื่อคอยดู
บันทึกการเข้า
รักคนอ่าน ㋡™
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,326


DORAEMONSTER 9X


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 16:42:54 »

ผมไม่เข้าใจว่าการขึ้นเงินเดือนจะมีผมเสียอะไรการที่เราจะเป็นหนี้บัตรเครดิต
ต่อให้เงินเดือนไม่ถึง15000ก็เป็นหนี้ได้หัวใจสำคัญอยู่ที่การบริหารการเงินของ
เราเองส่วนตัวผมก็มีหนี้ธนคารแต่ก็พยามไม่ใช้จ่ายอะไรเกินตัวบัตรเครดิตนี้ไม่เอา
เลยเพราะใช้ง่ายเป้นหนี้ง่ายด้วยพบเงินสดอุ่นใจกว่า
บันทึกการเข้า
kiw-11
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,437



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 16:45:45 »

เชื่อนักการเมืองไม่ได้ครับ ตอนอยากเป็นพูดไปเรื่อย คอยดูตอนเป็นแล้ว จะออกลายเช่นใด ไม่มีกฎหมายฉบับใดบัญญัติไว้ว่า นักการเมืองต้องปฏบัติตามที่ตัวเองพูดหาเสียงไว้ทุกอย่าง ไม่เชื่อคอยดู

   สุดยอด

 
บันทึกการเข้า

PANDA RACING
Moderator
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,663



ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 16:56:44 »

คิดว่าเป็นไปไม่ได้ครับ

อย่างน้อยๆ บริษัทเอกชน ก็ต้องล้มตามไปเป็นแถวๆละ ผู้ประกอบการไม่ทางยอมหรอกครับ

ถ้าเป็นระบบราชการ จะทำให้ยอดค่าใช้จ่ายงบประมาณพุ่งกระฉูดดดดด แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายละครับ ในเมื่อจะลดราคาสินค้านู่นนี่ เพิ่มค่าแรงนี่นั่น แต่ว่าที รมต.คลังเขาเปิดมาคร่าวๆแล้วว่า จะใช้เงินในอากาศหรือเงินในอนาคตของเขานั่นแหละ มาใช้

ถ้าจะกู้เพื่อเอามาลด แลก แจก แถม กันแบบนี้ มันไม่ได้ช่วยแก้อะไรเลย ผมว่าเราแก้ไขปัญหาที่โครงสร้างระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม ระบบการศึกษาดีกว่าไหม แต่อย่างว่า จะมีประชาชนซักกี่คนที่รู้ว่า การที่เขาได้บางสิ่งไปนั้น มันต้องแลกด้วยอะไรอีกหลายๆอย่าง ไม่มีอะไรได้มาฟรีหรอก

ที่สำคัญคือ เลือกตั้งสมัยหน้า ทุกพรรคก็จะใช้นโยบายลด แลก แจก แถม แบบเดิมๆอีก เพราะไม่ทำมันก็สู้ไม่ได้ สรุปคือสุดท้ายประเทศก็เป็นหนี้บานเบอะแบบกรีซ แต่เชื่อไหม นักการเมืองมันก็ไม่ได้รับผิดชอบอะไรหรอกครับ

เฮ้อ พูดไปก็เท่านั้น เพราะทำอะไรบ่ได้ๆๆๆ แต่ผมคนนึงละ ที่ไม่ยอมจ่าย 15,000 กั่กๆๆ
บันทึกการเข้า

บรรทุกไม่เกิน 18 ปี รับเฉพาะคนรู้ใจ
Ratchayotin Football Club
www.rfc.in.th
rfcthailand.hi5.com
M31 Body and Spa Sukhumvit 31
www.m31.in.th
ร้านแดง-ดำ สาขาวังหิน ก่อน TOP plaza lagoon นิดนึง
MR_C_ รักในหลวง
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,620


ร่วมสร้างสรรค์ ร่วมแบ่งปัน น้ำใจ ใช้ไม่เคยหมด


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 16:58:50 »

ตามโลจิก เงินเดือนขึ้น ราคาสินค้าขึ้นแน่นอน เงินเดือนมาจากรายได้ของผู้ประกอบการ ถ้าถูกบังคับให้ขึ้นเงินเดือน เค้าก็ต้องขึ้นราคาสินค้า สุดท้าย มูลค่าสินค้าจะเท่าเดิม แค่ตัวเลขราคาที่เปลี่ยนไป หรืออาจจะซื้อของแพงกว่าเดิมเมื่อเทียบสัดส่วนระหว่างเงินเดือนที่ขึ้นกับราคาสินค้าที่เปลี่ยนไป
เช่น ตอนนี้เงินเดือน 9000 ก๋วยเตี๋ยว 30
ถ้าเงินเดือน 15000 ก๋วยเตี๋ยว 60  แพงขึ้นนะ
ปล.ความเห็นส่วนตัวครับ
บันทึกการเข้า

ae 101
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,485



ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 17:02:21 »

ขึ้นเงินเดือน 15000 กับบัตรเครดิต จะว่าเกี่ยวก็เกี่ยว จะว่าไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว ไม่จำเป็นว่าต้อง คนที่มีราย15000ถึงทำบัตรเครดิตได้

non bank เยอะแยะมากมาย ให้เลือกทำ ผมว่าอยู่วินัยทางการเงินมากกว่า  แต่ถ้าขึ้นเงินเดือน ค่าครองชีพแรงแน่นอนเห็นได้อย่างชัดเจน

ข้าวของ แพงขึ้นแน่นอน และต้องประกาศขึ้นเงินเดือน ข้าราชการเท่านั้นที่จะมีผลทันตาเห็น ทุกอย่างก็จะประดาหน้าจ้องขึ้นราคาตั้งแต่

แค่ออกข่าว ยังไม่เข้า ครม.ด้วยซ้ำ  พลิกหัวใจให้พอเพียงแค่นั้นคงพอ สำหรับสถานการณ์ปัจุบัน และตลอดไป คำนับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 กรกฎาคม 2011 17:08:38 โดย ae 101 » บันทึกการเข้า
TAOTAO-TZ#056-
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9,805


ไอ๊หย่ะ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 17:04:50 »

 ประกาศ รู้จัก"เงินเฟ้อ" ไม๊ครับ  ร้อนๆๆ

ภาวะเงินเฟ้อคืออะไร?
หลายคนเมื่อได้ยินคำว่าเงินเฟ้อ อาจจะสงสัยว่าเงินเฟ้อคืออะไร แล้วเมื่อไรถึงจะเรียกว่าเกิดภาวะเงินเฟ้อ
คำว่าภาวะเงินเฟ้อ หมายถึง ภาวะที่ราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปในระบบเศรษฐกิจสูงขึ้นเรื่อย ๆ

ซึ่งก็จะมีผลทำให้ค่าของเงินที่เราถืออยู่ลดลง ตัวอย่างของค่าของเงินที่ลดลงเช่น ราคาน้ำมันเคยอยู่ที่ 14
บาทต่อลิตร สมมติเราเคยเติมน้ำมัน 10 ลิตร ก็จะใช้เงิน 140 บาท
แต่ปัจจุบัน ราคาน้ำมันได้กลายเป็น 28 บาทต่อลิตร หากเราใช้เงินเท่าเดิมคือ 140 บาท
เราจะเติมน้ำมันได้เพียง 5 ลิตร ไม่ใช่ 10 ลิตรแบบที่เคยเติมได้
ซึ่งหากต้องการที่จะเติมน้ำมัน 10 ลิตร เท่าเดิม แปลว่าเราต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นเป็น 280 บาท

หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ การเกิดภาวะเงินเฟ้อ จะทำให้เงินจำนวนเท่าเดิมที่เราถืออยู่มีค่าลดลง ทำให้ซื้อของได้น้อยลง

ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อราคาน้ำมันแพงขึ้นแบบนี้ ต้นทุนในการขนส่งสินค้าจากแหล่งผลิตที่จะส่งไปขายยังที่ต่าง ๆ ก็ย่อมต้องสูงขึ้น
และทำให้ราคาสินค้าชนิดอื่นๆ ต้องขึ้นราคาตามไปด้วย แต่การที่มีสินค้าแค่ชนิดใดชนิดหนึ่งแพงขึ้น จะยังไม่เรียกว่าเงินเฟ้อ
เพราะภาวะเงินเฟ้อหมายถึง ราคาสินค้าและบริการโดยทั่วๆ ไปแพงขึ้น ซึ่งเป็นไปได้ว่า
อาจจะมีราคาสินค้าบางอย่างถูกลงด้วยในเวลาเดียวกัน

แต่โดยรวม ๆ แล้ว หากราคาสินค้าและบริการโดยเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น และเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปสักพักหนึ่ง
ถึงจะเรียกได้ว่าเกิดภาวะเงินเฟ้อ โดยที่เราจำเป็นต้องรู้เรื่องเงินเฟ้อ
ก็เพื่อที่จะใช้สำหรับวัดค่าครองชีพหรือมาตรฐานการครองชีพของเรา (ประชาชน)
ว่าดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร


เงินเฟ้อเกิดจากอะไร?
ภาวะเงินเฟ้อเกิดขึ้นได้จากหลายๆ สาเหตุ แต่ส่วนใหญ่ในทางวิชาการมักจะแบ่งสาเหตุการเกิดเงินเฟ้อได้เป็น 2 สาเหตุหลักๆ ได้แก่ Cost-push inflation และ Demand-pull inflation
(1) เกิดจากต้นทุนในการผลิตสินค้าสูงขึ้น หรือที่เรียกว่า Cost-push inflation ซึ่งต้นทุนที่ใช้ในการผลิตสินค้าอาจจะสูงขึ้นได้จากทั้งส่วนผสมหรือวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้า ค่าจ้างแรงงาน รวมทั้งค่าขนส่งสินค้า มีราคาแพงขึ้น เช่น กรณีของราคาน้ำมันที่แพงขึ้นก็เป็นตัวอย่างได้ หรือการที่มีการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน หรือเกิดน้ำท่วม ภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตเกษตรเสียหาย ราคาสินค้าเกษตรก็แพงขึ้น เป็นต้น หรือแม้แต่ในกรณีที่ค่าเงินบาทอ่อนลง จาก 35 บาท เป็น 40 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ ซึ่งหมายถึงว่าเราต้องใช้เงินบาทจำนวนที่มากขึ้นเพื่อไปซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศมาผลิต) หรือแม้แต่การที่รัฐบาลเก็บภาษีเพิ่มขึ้น เช่น การเก็บภาษีบุหรี่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา หรืออาจเกิดจากผู้ผลิตต้องการกำไรที่สูงขึ้นจึงขึ้นราคาสินค้า ซึ่งไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม ก็จะมีส่วนทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้นได้
ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ อาจจะเกิดขึ้นเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ หรืออาจเกิดขึ้นพร้อมๆ กันก็ได้ ซึ่งหากเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน และทำให้ราคาสินค้าและบริการหลายๆ ชนิดแพงขึ้นพร้อมๆ กัน ความรุนแรงของเงินเฟ้อก็จะมากขึ้นด้วย

(2) เกิดจากความต้องการสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้น หรือที่เรียกว่า Demand-pull inflation
ส่วนใหญ่ในช่วงที่ปกติ ผู้ผลิตสินค้าส่วนใหญ่ก็ย่อมจะวางแผนการผลิตสินค้าโดยดูว่ามีคนต้องการซื้อสินค้าของเราเท่าไรในแต่ละช่วงเวลา
ดังนั้น ปริมาณสินค้าที่มีในตลาดก็น่าจะอยู่ใกล้เคียงกับความต้องการซื้อสินค้า

แต่หากความต้องการสินค้าและบริการสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่สินค้าและบริการที่เป็นที่ต้องการมีอยู่ในตลาดมีไม่พอ
ก็ย่อมทำให้ราคาสินค้าและบริการแพงขึ้นได้ ซึ่งเมื่อเกิดภาวะเงินเฟ้อขึ้น คนจะยิ่งรีบใช้เงินซื้อสินค้าและบริการมาตุนไว้ ก่อนที่ค่าเงินที่มีอยู่จะลดลง เพราะซื้อสินค้าได้น้อยลง ราคาสินค้าและบริการจะยิ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นไปกว่าเดิม เพราะคนจะยิ่งรีบใช้เงินที่มีอยู่
อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้ว หน่วยงานของทางการก็มักจะไม่ปล่อยให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อรุนแรง

โดยทางการอาจจะเข้ามากำกับดูแลการปรับขึ้นราคาสินค้า ตัวอย่างเช่น การขอความร่วมมือให้ ขสมก.
เลื่อนการขึ้นค่ารถเมล์ไปก่อน หรืออนุญาตให้ค่ารถเมล์ปรับขึ้นราคาได้บ้างนิดหน่อย เป็นต้น
หรือในส่วนของธนาคารแห่งประเทศไทย อาจใช้นโยบายการเงินเพื่อดูแลปัญหาเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ก็เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนน้อยที่สุด


ถ้าเงินเฟ้อสูงขึ้นมาก ๆ จะเกิดอะไรขึ้น?

 โดยปกติแล้ว หากเงินเฟ้อสูงขึ้นนิด ๆ หน่อย ๆ (ปกติตามหลักวิชาการคือเงินเฟ้อที่สูงไม่เกิน 5% จะเรียกเงินเฟ้ออย่างอ่อน (Mild inflation)) จะเป็นสิ่งที่ดีที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้ เพราะจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้ผู้ผลิตมีการลงทุนขยายการผลิต และมีการจ้างงาน ซึ่งทำให้เศรษฐกิจประเทศขยายตัวได้ดี ไม่มีผลเสียต่อเศรษฐกิจ แต่หากเงินเฟ้อสูงขึ้นมาก ๆ และสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนยากที่จะคาดเดาได้ว่าเงินเฟ้อจะเป็นเท่าไร (Hyper inflation) จะมีผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะจะทำให้ผู้ผลิตไม่สามารถวางแผนการผลิตและลงทุนได้ เพราะไม่รู้ว่าวัตถุดิบที่จะซื้อเข้ามาราคาจะเป็นเท่าไร จะตั้งราคาสินค้าเท่าไร เพื่อให้ยังมีกำไร ขณะที่ประชาชนซึ่งเป็นผู้บริโภคเองก็ไม่แน่ใจว่าราคาสินค้าจะแพงขึ้นอีกหรือไม่ เงินจำนวนเท่าเดิมที่มีอยู่ในกระเป๋าก็ด้อยค่าลงไป เพราะข้าวของแพงขึ้น ทำให้ซื้อของได้น้อยลง ธุรกิจก็ขายของได้น้อยลง ซึ่งที่สุดแล้วจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศแย่ลงได้
 โดยสรุปคือ ภาวะเงินเฟ้อใช้เพื่อวัดค่าครองชีพของประชาชน ภาวะเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นต่อเมื่อราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปสูงขึ้นต่อเนื่อง หากสูงขึ้นแล้วปรับลดลง จะไม่นับว่าเกิดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งเงินเฟ้อในระดับอ่อนๆ จะไม่สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ แต่หากเกิดภาวะเงินเฟ้อสูงๆ จะทำให้ค่าของเงินที่เรามีอยู่ด้อยค่าลงไป ทำให้ซื้อของได้น้อยลง ธุรกิจไม่สามารถผลิตหรือลงทุนได้เพราะมีความไม่แน่นอนเรื่องราคาอยู่สูง ซึ่งจะมีผลกระทบทางลบต่อระบบเศรษฐกิจในที่สุด
 
Related link:
www.price.moc.go.th , www.bot.or.th







เครดิต http://www.vcharkarn.com/varticle/34764  คำนับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 กรกฎาคม 2011 17:12:19 โดย TAOTAO-TZ#056- » บันทึกการเข้า

ย่องเบา....นินจา..ผลุบ..โผล่KENG SERVICE & MODIFY อู่เล็กๆเด็กๆทำถิ่นพระประแดง-คู่สร้าง แว๊นนนน KYB SR 3,999 บาท http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=144724.msg3137300#msg3137300
Jo~Hi-torque
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 253



ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 17:15:52 »

แก้ไขออก ครับ ไม่ได้มีเจตนา แบบนั้น อ่านข้อความแก้ตัวด้านล่างนะครับ ขอโทษจริงๆครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 กรกฎาคม 2011 19:25:17 โดย Jo~Hi-torque » บันทึกการเข้า
•—ชๅ€lxล้ๅต้ม<NC.Z>
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,569



ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 17:19:22 »

แล้วคนที่ 15000 อยุแล้วจะได้เงินเพิ่มขึ้นไหมครับ T_T งี้ก็ กวาดขยะ เงินเดือนเท่าครู แฟร์หรือเปล่า

กวาดขยะ  ถ้าจบป.ตรี ก็ได้ครับ แต่คนที่จบป.ตรี จะมากวาดขยะหรอ!!!!!!!!!!!!
บันทึกการเข้า

http://www.facebook.com/#!/profile.php?id=100000603573246
jedee
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,490


ได้หมดถ้าสดชื่น


ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 18:00:18 »

ที่เห็นและได้รับผลกระทบอยู่ก็คือ สินค้าราคาแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว หรือเรียกง่ายๆก็เงินเฟ้อไร้ค่า สู้ตอนสมัยผมจบใหม่ๆไม่ได้ครับ เงินเดือนป.ตรี ๒๖๕๐ บาท ค่าครองชีพ ๒๐๐ อยู่แบบสบายๆ ไม่เป็นหนี้เป็นสิน แถมยังมีเงินเหลือเก็บอีกครับ มันน่าจะเป็นหนทางที่จะค่อยๆดิ่งลงสู่ความหายนะต่อไปคงอีกไม่นาน เรียกง่ายๆก็เงินมาก แต่ไร้ค่า 

ผมจำได้ว่า ป๊าผม จบ ป.ตรี บรรจุครั้งแรก เงินเดือนที่ ๖๕๐ บาท ซึ่งเท่ากับราคาทองคำบาทละตอนนั้นประมาณ ๓๕๐-๔๐๐ บาท ตอนผมจบประมาณปี ๒๕๒๕ เงินเดือนป.ตรี เท่ากับที่บอกตอนแรก ราคาทองอยู่ที่ประมาณ ๓๐๐๐ เศษ นิดๆครับ ถึงประมาณสี่พันบาท ราคาต่อหนึ่งบาทนะครับ

วันที่ป๊าเกษียณ เมื่อสามสิบปีที่แล้ว เงินเดือนป๊าผมไม่ถึงสองหมื่นบาท ซื้อทองได้ประมาณสามบาทกว่าๆ ท่านพูดออกมาคำเดียวว่า ทำงานทั้งชีวิตจนเกษียณ เงินเดือนเมื่อเทียบกับราคาทองคำแล้ว เงินเดือนท่านแทบไม่ได้ขึ้นเลย

วันนี้ราคาทองคำบาทละ สองหมื่นกว่า ทีนี้ที่ถาม ท่านลองเอาไปเปรียบเทียบกับเงินเดือนที่ถามดูว่ามันขึ้น หรือมันไร้ค่า เมื่อเทียบกับตอนป๊าผมเข้ารับราชการครั้งแรก ซึ่งซื้อทองคำได้บาทกว่าเกือบสอง กับตอนที่ผมจบการศึกษามาเมื่อเกือบสามสิบปีที่ผ่านมา รุ่นผมเงินยังไม่เฟ้อถึงขนาดนี้ ยังซื้อทองคำได้เกือบๆหนึ่งบาทขาดเหลืออยู่นิดเดียวเอง  แต่เมื่อเอาราคาทองบาทละสองหมื่นสองเทียบกับเงินเดือนหมื่นห้าที่ถาม ตกลงห้าสิบปีที่ผ่านมา เงินมันไร้ค่าไม่ขนาดไหนลองคิดดูเอาเองครับ ตรงกับคำทำนายครั้งโบราณที่บอกว่ายุคข้าวยากหมากแพง ก็ยุคนี้ล่ะพี่น้อง

ทุกวันนี้ ผมรับเงินมาแสน ผมก็ตัดเลขศูนย์ออกหนึ่งตัว เหลือหมื่นบาท ได้รับมาหมื่น ก็ตัดเลขศูนย์ออกไปอีกตัวเหลือแค่พันบาท ค่าของเงินมันเหลือแค่นั้นจริงๆ พกเงินไปหมื่นบาท ผมก็คิดว่าพกไปแค่พันบาทครับ

ตอนเรียนหนังสืออยู่ชั้นประถมปีที่ ๒ ที่จำได้แม่น ก็คือ หนึ่งบาท เท่ากับ หนึ่งร้อยเยน วันนี้ หนึ่งบาท เท่ากับ สามเยน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดจากความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวของพ่อค้า นักลงทุน ที่เอารัดเอาเปรียบ รวมถึงนักการเมืองที่โกงชาติบ้านเมือง และเหตุปัจจัยอื่นอีกหลายอย่าง จนแทบจะไม่หลงเหลือความเป็นไทยในอดีตไว้ให้เห็น นอกจากความทรงจำเก่าๆที่จดจำไว้สนิทใจ แล้วเล่าสู่คนรุ่นหลัง ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่สนใจ แต่จะมุ่งแสวงหา ความสะดวกสบาย กิเลส ของตนอยู่รำไปไม่มีที่สิ้นสุด  เวียนหัว ยกธงขาว คำนับ

จะมีประโยชน์อันใด หากเรามีเงินเยอะๆ แต่ไร้ค่า สู้มีน้อยๆแต่มากค่า และมีเงินเหลือเก็บไม่ดีกว่าหรือ  ยกธงขาว ยกธงขาว ถอนหายใจ เวียนหัว
บันทึกการเข้า

yong
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,808


Blue Levin


ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 18:04:45 »

จงพอเพียงเสียแต่วันนี้เถอะคับ ก่อนจะสายเหมือนผม...อุ อุ
ถ้ายังไม่ถลำาตัวลงไปหรือไม่จำเป็นจิงๆจงอย่านำเงินในอนาคตมาใช้เด็ดขาด
บันทึกการเข้า

levin  4 Door
4d56
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,037


บินไปด้วยกัน


ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 18:25:03 »

ในอดีต แค่ค่าโทรศัพย์รายเดือนผมยังเคยเป็นหนี้เลยคับ555 อะไรก้อตามที่ใช้ก่อนแล้วค่อยจ่ายเนี่ย ไม่ดีเลยคับ
อย่างอื่นผมไม่ทราบนะคับแต่ทรัพยากรเบอร์โทรศัพท์เนี่ยเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์และไม่มีค่ามากๆ บางคนใช้ไม่ถึงเดือน
เปลี่ยนแระอิอิ อาจจะไม่เกี่ยวกับกระทู้นะคับ แต่ผมกำลังพุ่งประเด็นไปที่อะไรที่ได้มาง่ายๆมักจะไม่สำคัญไม่มีค่าเสมอ ต่อให้มีทุน
อะไรมาสนับสนุน ของที่ไม่มีค่าเหล่านี้แหละคับ ที่จะพาหนี้มาให้เรา ถ้าซิมโทรศัพท์ใหญ่เท่ากล่องนม ผมว่าขยะซิมคงเยอะเท่ากองภูเขามั้งอิอิ
นี่ยังไม่รวมไปถึงสินค้าอื่นๆที่ล่อตาล่อใจ ให้นำเงินอนาคตมาใช้คับ สำหรับผู้หญิงหลายท่าน รองเท้าส้นสูง กระเป๋า ทั้งแท้และก็อป ซื้อมาไม่เคยได้ใช้
ก้อมี และพอจะเอามาใช้ทีก้อตกเทรนด์ต้องซื้อใหม่อีก เงินเดือน15000บาทไม่พอแน่ๆ
บันทึกการเข้า



กำลังบ้าดีเซลโบควายคับ
4D56 รหัสเทพ
4M40 อิมก้ออิมเถอะ...ยาว
ไหนๆใครว่าดีเซลไม่แรง
ต้องลอง...ต้องลอง
UltraKw@nG
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,817


น้ำใจให้เท่าไหร ไม่มีวันหมด!


ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 18:40:51 »

มีนักเศรษฐศาสตร์อย่างน้าเต๋ามาตอบ กวางก็คงไม่ต้องพูดแล้ว แค่อยากบอกว่า ถ้ามันเกิดเงินเดือน 15000 "รายได้ที่แท้จริง" ลดลง
บันทึกการเข้า

รักคนอ่าน ㋡™
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,326


DORAEMONSTER 9X


ดูรายละเอียด
« ตอบ #15 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 18:42:26 »

แล้วคนที่ 15000 อยุแล้วจะได้เงินเพิ่มขึ้นไหมครับ T_T งี้ก็ กวาดขยะ เงินเดือนเท่าครู แฟร์หรือเปล่า
กวาดขยะแล้วยังไงล่ะครับหรือว่าคนกวาดขยะจะมีเงินเดือน15000ไม่ได้จะเปรียบเทียบอะไรก็
อย่าให้เหมือนดูถูกคนอื่นเขาสิครับ
บันทึกการเข้า
Jo~Hi-torque
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 253



ดูรายละเอียด
« ตอบ #16 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 19:19:58 »

แล้วคนที่ 15000 อยุแล้วจะได้เงินเพิ่มขึ้นไหมครับ T_T งี้ก็ กวาดขยะ เงินเดือนเท่าครู แฟร์หรือเปล่า
กวาดขยะแล้วยังไงล่ะครับหรือว่าคนกวาดขยะจะมีเงินเดือน15000ไม่ได้จะเปรียบเทียบอะไรก็
อย่าให้เหมือนดูถูกคนอื่นเขาสิครับ

ขอโทษจริงๆครับ  ไม่มีเจตนา แต่อยากให้มันเห็นชัดเจนอะครับ เพราะผมเปรียบเทียบในเชิง rate รายได้ ว่ามันต่างกันครับ กว่าจะมาเป็นครูมันลำบากมากพอสมควร เลย
เพราะสมมติ ว่าครูคนนืงทำงานมา สิบกว่าปี เงินเดือนอยู่ที่ 15000 บาท แล้ววันนี้ ผมเปรียบเป็น ครูเข้าใหม่ ละกันครับ เข้ามาก็ 15000 เลย แล้วครูที่ทำงาน สิบกว่าปี จะรุ้สึกอย่างไร
ผมต้องการแค่นี้จริงๆ ขอโทษจริงๆครับ  คำนับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 กรกฎาคม 2011 19:23:05 โดย Jo~Hi-torque » บันทึกการเข้า
KENTENS@I <J>
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,296


>< " ชอบง่า


ดูรายละเอียด
« ตอบ #17 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 19:25:33 »

ผม ก็ มองว่า  ถ้า ป.ตรี เริ่ม 15,000 บาท  สมมุติ ว่า รัฐ บังคับให้ทำตาม

1 คนน้อย งานเยอะ

2 คนมีความสามารถ อยู่ได้

3 คนมีความสามารถ ปานกลาง หางานยากกว่าเดิม

4 การสมัครงาน เลือกคนมีประสบการณ์

5 คน จบ ใหม่ ตกงาน  เพราะ ไม่มีตำแหน่งให้

สรุป ว่า มันจะดีมั้ย น้อ

ปล ผมอยู่ฝ่ายบุคคล หน่วยงานราชการ  มา  7   ปี

แต่ที่ อ่านมา  เข้าให้ แค่ ข้าราชการ ที่ บรรจุใหม่  กับ รัฐวิสาหกิจ นะครับ  ลูกจ้าง กับ เอกชน  ยังไม่สรุป  

และแว่วๆ ว่า ป ตรี ลูกจ้าง ให้แค่  9000 ครับ  (วงใน)

อ่านหนังสือ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 กรกฎาคม 2011 19:29:16 โดย KENTENS@I <J> » บันทึกการเข้า
4d56
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,037


บินไปด้วยกัน


ดูรายละเอียด
« ตอบ #18 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 20:11:50 »

คนกวาดถนนอาจจะดูว่าไม่มีอะไร แต่เค้าเสี่ยงนะ เคยเห็นมั้ยคับกวาดกันตี3-4คนรู้จักผมเคยโดนชนกระเด็นมาแล้วคับกวาดถนนเนี่ย
ตัดหญ้าเอยอะไรเอย หัวหน้าหน่วยงานเหล่านี้ไม่ค่อยเห็นความอันตรายหรอกคับ ต่างประเทศเค้ามีป้ายตั้งกันไกลๆว่ากำลังทำงาน แต่ไทยเนี่ย
มีน้อยมากป้ายบอกการทำงานอ่ะคับ นอกประเด็นนิดนึงคับ แค่เห็นใจคนกวาดถนนคับ
บันทึกการเข้า



กำลังบ้าดีเซลโบควายคับ
4D56 รหัสเทพ
4M40 อิมก้ออิมเถอะ...ยาว
ไหนๆใครว่าดีเซลไม่แรง
ต้องลอง...ต้องลอง
เอ๊ะ ทอเร็ตโต้
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,183


ยังไงก็รัก AE.


ดูรายละเอียด
« ตอบ #19 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011 20:23:12 »

แล้วคนที่ทำงานไปแล้ว ก็ต้องขึ้นให้เค้าด้วย ไม่งั้นก็เสียระบบ ไม่งั้นใครจะยอม (แล้วจะทำได้ไหมละครับ) เงินเดือนขึ้น แต่ค่าครองชีพต้องเท่าเดิมหรือลดลง ถ้าค่าครองชีพขึ้นอีก แล้วก็ป่วยการ
บันทึกการเข้า


พักไป 2ปี ผมกลับมาแล้วครับ
หน้า: [1] 2 3 ... 5  »    ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!