แก๊ส ร้อน กว่า น้ำมัน จริงหรือ?
สตาร์ทแก๊ส ดับเครื่อง ด้วย แก๊ส เครื่องพังจริงหรือ?
วิ่งแก๊สเพียว ใช้ แก๊ส อย่างเดียว เครื่องพัง จริงหรือ?
( โดยส่วนตัวผมใช้แก๊สเพียวครับ ปั๊มติ๊กลาโลกไปนานแล้ว )
ลองอ่านเรื่องนี้ดูครับ
ใช้แก๊สแล้วเครื่องพัง! เรื่อง เก่า ๆ ที่ยังลืออยู่ !!!!!!!!!!!!!???
http://www.accordclubthailand.com/webboard/index.php?topic=84177.0ใช้แก๊สแล้วเครื่องโทรมหรือพังเร็ว เมื่อพังแล้วก็ซ่อมไม่ได้ ต้องยกทิ้งแล้วเปลี่ยนเครื่อง (เชียงกง) ดูอย่างแท๊กซี่สิ 3 ปี...เครื่องพัง !ไม่เห็นมีเกิน 5 ปีสักคัน ก็ต้องเปลี่ยนเครื่อง! เรื่องราวเหล่านี้ จริงหรือไม่?...ตอบก่อนเลยว่า...จริง! รถแท็กซี่ใช้แก๊ส 3-5 ปีเครื่องต้องพัง! อ้าว...อย่างนี้จะสนับสนุนการใช้แก๊สในรถกันทำไม?
ทั้งแอลพีจีและเอ็นจี วี แล้วทำไมหลายประเทศทั่วโลกนิยมใช้แก๊สเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ?
เขาว่ากัน ว่า...
เสียงเล่าลือบนโปรยข้างต้นเหล่านี้...จริงครับ!
แท๊กซี่ใช้ แก๊ส 3 ปี เครื่องพัง น้อยคันที่จะอยู่ได้เกิน 5 ปี แต่คนที่ เล่าลือ และ รับทราบ มักไม่คิดคำนวณต่อเนื่อง อย่างละเอียดว่า รถแท็กซี่ใช้งานวันละกี่กิโลเมตร? มากกว่ารถบ้านรถส่วนตัวกี่เท่า?
ผมตอบ ให้อย่างชัดเจน โดยคุณไม่ต้องไปค้นหา เพราะบังเอิญ ว่าผมเคยถูกให้รวบรวมข้อมูลพื้นฐานในโครงการแท็กซี่เอื้ออาทร ที่มี ระบบซ่อมฟรีรวมในเงินผ่อน ดังนั้นระยะทางที่ถูกใช้ต่อวันโดยเฉลี่ย จะต้องถูกค้นหาและสรุปอย่างชัดเจน ซึ่งตัวเลขออกมาที่ประมาณ 600 กิโลเมตรต่อวัน (อยู่ในช่วง 550-650 กิโลเมตรต่อวัน)
ถ้าใครไม่เชื่อ เสียเงิน 70 บาทขึ้นแท็กซี่สักคันสองคันแล้วถาม ว่า...กะหนึ่ง (12 ชั่วโมง รถคันหนึ่งต่อวันถูกใช้งาน 2 กะ) ขับได้กี่ กิโลเมตร ส่วนใหญ่ที่เป็นรถเช่า จะขับกันในระยะทาง 300 กิโลเมตร270-330 กิโลเมตร นั่นคือ 2 กะรวมแล้ว 600 กิโลเมตรต่อวัน หลายคนขี้เกียจคิดเลขในใจ คิดง่ายๆ ว่า 1 ปีรถถูกใช้ 300 วัน จะได้คิดสะดวก (เผื่อวันที่ต้องจอดซ่อมบ้าง แต่จริงๆ แล้วมักจะ ขาดหายจาก 365 วันไม่มากนัก)300 วัน...วันละ 600 กิโลเมตร รวม 1 ปีรถถูกใช้งานไป 180,000 กิโลเมตร ถ้าเครื่องหมดสภาพที่ 3 ปี คือ 180,000 กิโลเมตร x 3 ปี
เท่ากับ 540,000 กิโลเมตร หรือคิดแบบแย่ๆ แค่ 2.5 ปีเครื่องพัง ก็ เท่ากับ 450,000 กิโลเมตร
ระยะทาง 450,000 กิโลเมตร สำหรับรถบ้าน กี่ปี? ส่วนใหญ่ใช้งานปี 30,000-40,000 กิโลเมตร 10 ปีเครื่องหลวม...โอเคไหม? รถบ้านทั่วไปที่ใช้น้ำมัน ก็เห็น 300,000-400,000 กิโลเมตรก็เครื่องหลวม ระยะทาง 450,000 กิโลเมตร ที่เครื่องของรถแท็กซี่พัง นั้นมาจากการใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพกลางๆ หรือต่ำ (ที่เรียกว่าน้ำมันถัง200 ลิตร เกรดแค่ เอพีไอ เอสจี หรือ เอสเอช) ไส้กรองอากาศเทียมและการขับอย่างไม่ค่อยทนุถนอม
ลองคิดดูว่า...ถ้าเป็นรถ บ้านที่ดูแลดีกว่าทุกด้าน น้ำมันเครื่อง ดีๆ ไส้กรองอากาศดีๆ ระยะทางที่ทำได้ก่อนเครื่องจะหมดสภาพ น่าจะเกินหรือสั้นกว่า 450,000 กิโลเมตร? ทั้งหมดข้างต้นนี้เป็นบทพิสูจน์จากการใช้งานจริงว่า รถที่ใช้ แก๊สจะใช้งานได้ระยะทางไม่ได้สั้นอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด แต่ไม่ ได้ลงลึกถึงถึงหลักทางวิศวกรรมว่า แท้จริงแล้วเมื่อใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงแทนน้ำมันเบนซินแล้ว อายุการใช้งานของเครื่องจะสั้นลงจริง หรือไม่ และถึงแม้ว่าจะสั้นลง...ต้องถามต่ออีกว่า นั่นเพราะอะไร ? ทำความเข้าใจให้ถ่องแท้
อีกประเด็นหลักๆ ที่ร่ำลือกันว่าแก๊สทำร้ายเครื่อง ก็คือ บ่า
วาล์ว หรือว่า ร้อนจนกรอบไปหมด การทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างแท้จริง ผู้ที่ไม่ใช่ช่างยนต์ ต้องมี
จินตนาการตามไปด้วย ถ้ามโนภาพได้ จะเข้าใจได้แน่ๆ เชื้อเพลิงเครื่องยนต์ที่เราๆ ใช้กันอยู่นั้น มีชื่อเรียกจริงๆ ว่าGASOLINE ซึ่งเป็นอีกชื่อเรียกของ น้ำมันเบนซินไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์หรือหัวฉีด (ไม่นับหัวฉีดตรงเข้าห้องเผาไหม้ จีดีไอ) การจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่กระบอกสูบ ต้องทำจบก่อนวาล์วไอดีปิด
ในจังหวะ ที่ลูกสูบเลื่อนขึ้นในจังหวะอัด เตรียมเจอกับประกาย ไฟของหัวเทียนในจังหวะระเบิด รูปทรงของหัวลูกสูบและห้องเผา ไหม้ของฝาสูบ รวมทั้งการเคลื่อนตัวของลูกสูบให้เกิดแรงดันสูง ย่อม
เกิดความปั่นป่วน ของอากาศและเชื้อเพลิงที่ ผสม กันอยู่ ให้เกิดการคลุกเคล้าเป็น ไอดี
นั่น คือเป็นไอของอากาศที่ผสมเชื้อเพลิงอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่เป็นอากาศที่มีเม็ดเชื้อเพลิงผสมอยู่เป็นหยดๆ
ไม่ว่าจะใช้เชื้อ เพลิงอะไรก็ตาม ในจังหวะอัด ผู้ผลิตเครื่องล้วนพยายามทำให้เป็น...ไอดี มีสถานะเป็นไอ ที่พร้อมจุดไฟติดจนลุกไหม้ได้รวดเร็ว เครื่องยนต์ รังเกียจ ไอดีที่ผสมระหว่างอากาศกับเชื้อ
เพลิงที่มีสภาพเป็นหยดของเหลวผสมอยู่ ดั้งนั้นแม้การจ่ายเข้าไปจะเป็นของเหลว อย่างน้ำมันเบนซิน
แต่ในจังหวะ อัดที่เตรียมจุดระเบิด ก็จะกลายเป็น...ไอ! ไม่ว่าเชื้อเพลิงใด เดิมจะเป็นของเหลวจับต้องได้อย่างเบนซิน หรือเป็นไออย่างแก๊ส เมื่อเข้าไปในกระบอกสูบ และในจังหวะอัดก็ ต้องถูกคลุกเคล้าให้เป็น...ไอดี ที่พร้อมจุดระเบิด ดังนั้นเครื่องยนต์และหัวเทียนจึง ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างของสถานะเชื้อเพลิงในช่วงจ่ายเข้ามา เพราะยังไงก็ต้องคลุกเคล้าจนเป็นไอวาล์วไอดีที่เชื้อเพลิงต้องถูกฉีดหรือไหล ผ่าน มีความร้อนต่ำ
เพราะมีอากาศและเชื้อเพลิงไหลผ่านบ่อยๆ ทุกครั้งที่เป็นจังหวะดูด ของเครื่อง ดังจะเห็นได้ว่า...ราคาของวาล์วไอดีที่มีขนาดใหญ่กว่า จะถูกกว่าวาล์วไอเสียที่ขนาดเล็กกว่าอยู่เสมอ นั่นเพราะไม่ต้องทำให้ทนทานเท่า การที่เชื้อเพลิงจะเป็นไอหรือ ละอองของเหลว ไหลผ่านวาล์วและบ่าวาล์วไอดี จึงไม่ได้มีความแตกต่างด้านการสึกหรอของบ่าวาล์วเลย
ประเด็นที่เข้าใจ ผิดว่า ใช้แก๊สแล้วแห้ง ส่งผลให้บ่าวาล์วแห้ง และสึกหรอเร็วขึ้น จึงไม่ใช่ บ่าวาล์วไอดี ที่ภาระน้อย ไม่ต้องการเบาะกันกระแทกระหว่างวาล์วกับบ่า บ่าวาล์วไอเสีย เป็นชิ้นส่วนที่ถูกเพ่งเล็งว่า เมื่อใช้แก๊ส
แล้วบ่าวาล์วจะสึกเร็วลอง คิดดูว่า เมื่อเผาไหม้แล้ว ไม่ว่าเชื้อเพลิงอะไรก็ต้องมีความร้อนสูงและกลายเป็นไอเสียไหลผ่านบ่าและ วาล์วไอเสีย
ซึ่งนั่นเป็น ที่มาของภาระที่หนักกว่าวาล์วและบ่าวาล์วไอดี หนีไม่พ้นที่จะมี
ความแห้งในตัวเอง ไม่ว่าจะใช้เชื้อเพลิงของเหลวหรือแก๊สถ้าจะมีอะไรที่เปียกหรือสามารถทำตัว เป็นเบาะ นั่นคือ สารตะกั่ว ซึ่งในไทยกับน้ำมันเบนซินไม่มีสารตะกั่วมากว่า 15 ปีแล้ว
ส่วนพวกที่เข้า ใจผิดใส่น้ำมันออโต้ลูปสำหรับเครื่องยนต์ 2จังหวะมาใส่ในเครื่องที่ใช้แก๊ส ก็เป็น ความเข้าใจผิด และมีผลเสียล้วนๆ เพราะห้องเผาไหม้ หัวลูกสูบ และหัวเทียนจะเลอะเปียกไปหมด ในขณะที่ตัวน้ำมันออโตลูป ก็ไม่ได้ทำตัวเป็นเบาะรองบ่าวาล์วได้ดีนัก จึงไม่จำเป็นต้องใส่ดังนั้นการที่บอกว่า ใช้แก๊สแล้ว บ่าวาล์วสึก เพราะความแห้ง จึงไม่เป็นจริงและที่เข้าใจผิดกันว่า ใช้แก๊สแล้วเครื่องยนต์ร้อน เพราะแก๊สร้อนกว่า...ก็ไม่จริง เพราะถ้าแก๊สให้ความร้อนกว่าจริง การใช้แก๊สก็ต้องให้พลังงานแรงขึ้น มีแรงม้า-แรงบิด มากว่าตอนใช้น้ำมันเบนซิน เพราะความร้อนก็คือพลังงานที่จะดันลูกสูบหลังการเผาไหม้ ถ้าไม่ได้ทำให้เครื่องยนต์แรงขึ้น ก็แสดงว่าแก๊สไม่ได้ร้อนกว่าน้ำมันเบนซิน
ต้อง คำนึงถึงปัจจัยที่ เป็นจริง
การใช้แก๊สก็มีโอกาสที่เครื่องยนต์จะร้อนกว่าได้ใน 2 กรณี คือมีการปรับจูนให้จ่ายแก๊สบาง โดยเน้นความประหยัด จนค่าไอเสียวัดได้สูงกว่าแลมบ์ดา 1.0 ตามที่ควรจะเป็น และอีกกรณีคือ ค่าออกเทนของแก๊สที่มีมากกว่าเบนซิน (แอลพีจี ออกเทน 105-110 และเอ็นจีวี 120)เมื่อนำมาใช้ โดยไม่มีการปรับไฟจุดระเบิดให้ แก่ กว่าเดิม
(จุด ล่วงหน้า) ก็จะเป็นการทำงานด้วยไฟจุดระเบิด อ่อน (ล่าช้า)ทำให้การลามของไฟไม่ได้ถีบลูกสูบเต็มที่ แต่ลามไปสู่ช่วงวาล์วไอเสียเปิดในจังหวะคายด้วย ความร้อนที่ไม่ถูกใช้ถีบลูกสูบเต็มที่ถ่ายทอดผ่านวาล์วไอเสีย ต่อไปยังบ่าวาล์วและฝาสูบอย่างต่อเนื่องในกรณีจูนให้จ่ายแก๊สบางกว่าปกติ มีผลทำให้เครื่องร้อนและ
แรงตก มากกว่าในกรณีที่แก๊สมีออกเทนสูงกว่าเบนซิน แล้วต้องการไฟแก่ เพราะอย่างแอลพีจีก็มีออกเทนสูงกว่าเบนซิน 95 อยู่ประมาณ 10 เท่านั้น ไฟจุดระเบิดเดิมๆ ก็รองรับได้ โดยรวมคือ แท็กซี่อายุ 3-5 ปีล้วนเครื่องพัง...จริง แต่พวกเขาขับกันวันละ 600 กิโลเมตร...ปีละ 180,000 กิโลเมตรรวมแล้วล้วนเกิน 400,000 กิโลเมตรถึงจะพัง ทั้งยังใช้น้ำมันเครื่องและไส้กรองด้อยคุณภาพ ยังทนได้ขนาดนี้ แล้วรถบ้านใช้งานวันละไม่ถึง 100 กิโลเมตร ปีละ 30,000 กิโลเมตร ถ้าเครื่องจะพังที่ 300,000 กิโลเมตร กี่ปีจึงจะพัง? ใช้ไป 7-12 ปีระยะทางและนานขนาดนั้น ไม่ต้องใช้แก๊ส...ก็พังครับ
ที่มาของบทความ คุยเรื่องแก๊สกับวรพล
ที่มา :
http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2010/07/V9480020/V9480020.html